วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568

คนเหนือคน วางตัว 15 แบบนี้

👑 
1. รู้จักควบคุมอารมณ์
ไม่ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำลายภาพลักษณ์ของตัวเอง การสงบใจทำให้คุณดูหนักแน่นและน่าเกรงขาม ยิ่งควบคุมอารมณ์ได้มากเท่าไร คนยิ่งอยากฟังคุณมากขึ้น

2. พูดน้อย แต่มีน้ำหนัก
คนเหนือคนไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ แต่ทุกคำมีพลัง การเลือกใช้ถ้อยคำสั้น กระชับ และชัดเจน ทำให้คนเกรงใจ เพราะคนฟังรู้ว่าคุณไม่ได้พูดเล่น แต่พูดแล้วมีเหตุผล

3. รักษาสัญญา
คำพูดที่หลุดจากปากจะต้องทำได้จริง นี่คือสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ และเป็นสิ่งที่แยก “ผู้นำ” ออกจาก “คนทั่วไป”

4. ไม่โอ้อวด
คนเหนือคนไม่จำเป็นต้องอวดให้ใครเห็น แต่ใช้ผลงานและการกระทำเป็นตัวพิสูจน์ ยิ่งเงียบแต่ทำได้จริง ยิ่งน่าเกรงใจมากขึ้น

5. ให้เกียรติคนอื่นเสมอ
ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเล็กหรือใหญ่ คุณปฏิบัติด้วยความเคารพ สิ่งนี้ทำให้คุณดูสูงส่งในสายตาผู้อื่น เพราะคนที่ให้เกียรติ คือคนที่ได้รับเกียรติกลับมา

6. ไม่แก้ตัวพร่ำเพรื่อ
หากผิดก็ยอมรับ ไม่หาข้ออ้างซ้ำซาก นี่คือการวางตัวอย่างสง่างามและจริงใจ ทำให้คนมองว่าคุณมีความรับผิดชอบ

7. ใช้ความนิ่งเป็นพลัง
บางครั้งการไม่ตอบโต้คือคำตอบที่ดีที่สุด ความนิ่งทำให้คุณควบคุมสถานการณ์ได้ และยังทำให้คู่สนทนารู้สึกเกรงใจโดยไม่ต้องใช้เสียงดัง

8. รักษาคำพูดสุภาพ
ต่อให้ไม่ชอบใครก็ไม่ใช้คำหยาบหรือประชด คำพูดสุภาพคือตัวสะท้อนถึงใจที่มั่นคง นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้คุณต่างจากคนทั่วไป

9. ยืนหยัดในหลักการ
ไม่หวั่นไหวเพียงเพราะแรงกดดันรอบตัว การรักษาความถูกต้องทำให้คุณดูมีคุณค่า และทำให้คนอื่นเชื่อมั่นในตัวคุณมากขึ้น

10. มีความถ่อมตัว
ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน ก็ยังเรียนรู้จากคนอื่นได้ ความถ่อมตัวทำให้คุณน่าเข้าหาและน่าเคารพ และนี่คือเสน่ห์ที่ยั่งยืนกว่าความเก่งเพียงอย่างเดียว

11. คิดก่อนพูดเสมอ
ไม่ปล่อยให้คำพูดทำร้ายใจคนโดยไม่จำเป็น การใคร่ครวญก่อนเอ่ยทำให้คุณดูมีระดับ และยังสร้างความเชื่อถือว่า คุณเป็นคนมีเหตุผล

12. ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน
คนเหนือคนเลือกใช้เวลาไปกับสิ่งที่มีค่า ไม่เสียดายแรงไปกับการนินทาหรือใส่ร้าย สิ่งนี้ทำให้คุณต่างออกไปและเป็นที่เคารพ

13. ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผล
น้ำใจที่จริงใจทำให้คุณมีอิทธิพลในหัวใจคน การช่วยเหลือที่ไม่หวังอะไรกลับมาคือสิ่งทรงพลัง เพราะมันสร้างความผูกพันและความนับถือในระยะยาว

14. มีความมั่นคงทางอารมณ์
ไม่หวั่นไหวไปตามคำชมและคำติจนเสียหลัก คุณรู้คุณค่าของตัวเองโดยไม่ต้องรอการยืนยันจากใคร นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณดูหนักแน่นและน่านับถือ

15. เดินอย่างสง่างามในทุกสถานการณ์
ไม่ว่าคุณจะอยู่ท่ามกลางใคร ก็รักษากิริยาและท่าที ความสุขุมนี้ทำให้คุณมีรัศมีที่ต่างจากคนทั่วไป และเป็นสิ่งที่ทำให้คนอื่นอยากเรียนรู้จากคุณ

📌ถ้าชอบความรู้แบบนี้ พิมพ์บอกครูหน่อยนะคะ 
#แบ่งปันความรู้ดีๆแบบนี้ให้เพื่อนๆด้วยนะ 
#ด้วยรักและห่วงใย
#ครูเกรซ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

ใกล้ถึงเวลารถ Solar cell

 อีกไม่นาน.. 

.

ในวันที่รถไฟฟ้าวิ่งกันเต็มถนน เชื่อว่าต้องมีสักคนแหละ ที่นึกถึงการชาร์จรถด้วย Solar Cell ทำให้สามารถขับไป ชาร์จไปด้วยในตัว  แต่หนึ่งข้อจำกัดสำคัญคือ ประสิทธิภาพของแผง solar cell ที่ยังให้พลังงานได้ไม่มากพอที่จะทำให้รถวิ่งได้ไกล ๆ  

.


แต่แม้จะมีปัญหาเหล่านี้ เหล่า Startup ในสหรัฐอเมริกาก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาครับ โดยล่าสุด ต้องบอกว่า เราได้เข้าใกล้รถ Solar cell  ที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตเข้าไปอีกขั้น

1. Aptera Motors รถสามล้อสุดล้ำ ชาร์จไฟจากแสงแดด

สตาร์ตอัพรายนี้ ได้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้า 3 ล้อ ที่มีดีไซน์ล้ำสมัยตามหลักอากาศพลศาสตร์ และติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ชนิดพิเศษที่โค้งรับไปกับตัวถังรถ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 64 กิโลเมตรต่อวัน จากพลังงานแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว (ในสภาพอากาศที่ดี)

.

เทคโนโลยีเด่น ไม่ใช่แค่แผงโซลาร์เซลล์ แต่เป็นประสิทธิภาพของตัวรถที่เบาและมีแรงต้านอากาศต่ำมาก ทำให้ใช้พลังงานน้อย นอกจากนี้ยังใช้กระจกแบบพิเศษที่แข็งแรงทนทานต่อสภาพถนน ส่วนราคา คาดว่าจะเปิดตัวในราคาเริ่มต้นประมาณ $40,000 หรือราวๆ  1.4 ล้านบาท

.

2. Telo Trucks กระบะไฟฟ้าไซส์มินิ เพิ่มพลังด้วยโซลาร์เซลล์

Telo Trucks เป็นสตาร์ทอัพที่กำลังจะเปิดตัวรถกระบะไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด แต่มีพื้นที่ใช้สอยเทียบเท่ารถกระบะทั่วไป โดยลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เป็นออปชันเสริมได้ โดยแผงโซลาร์เซลล์สามารถเพิ่มระยะทางวิ่งได้ 24 - 48 กิโลเมตรต่อวัน

.

จุดเด่นคือ เน้นการใช้งานจริง มีขนาดตัวถังเท่ารถ Mini Cooper แต่บรรทุกผู้โดยสารได้ 5 คน พร้อมกระบะท้าย ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าเกือบ 1 ใน 4 ของยอดสั่งจองล่วงหน้ากว่า 12,000 คัน เลือกที่จะติดตั้ง โซลาร์เซลล์ติดรถยนต์ ไปด้วย โดยราคาแผงโซลาร์เซลล์เริ่มต้นที่ $1,500 - $2,700 (ราว 55,000 - 99,000 บาท)


3.DartSolar ชุดแต่งโซลาร์เซลล์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป

สำหรับคนที่มี รถ EV อยู่แล้ว DartSolar มีชุดติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แบบแยกส่วน ที่สามารถติดตั้งบนหลังคารถยนต์ทั่วไปได้ เช่น Tesla Model 3 โดยชุดชาร์จไฟขนาด 1,000 วัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าเพิ่มระยะทางวิ่งได้ 16 - 32 กิโลเมตรต่อวัน

.

จุดเด่นคือเน้นการซ่อมแซมและปรับแต่งได้ง่าย ชิ้นส่วนสามารถถอดเปลี่ยนหรือพิมพ์ 3 มิติขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งราคาอุปกรณ์ต่อชุด เริ่มต้นราคาประมาณ $1,000 หรือราวๆ 37,000 บาทครับ ซึ่งอันนี้น่าสนใจนะ เวลาจอดแวะเที่ยว ก็เอาออกมาชาร์จได้

.

แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมาก แต่ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ยังคงระมัดระวังในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ เนื่องจากมีความซับซ้อนและต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไร

.

อย่างไรก็ตาม อนาคตของ รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ จะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้งานกลุ่มแรก และการพัฒนาประสิทธิภาพของแผงโซลาร์เซลล์ให้ดียิ่ง หากทำได้สำเร็จ เราอาจจะได้เห็นรถยนต์ที่ ชาร์จตัวเองด้วยแสงอาทิตย์ วิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วไปในไม่ช้า

.

ที่มา

https://www.techhub.in.th/solar-powered-cars-can-be-recharged-without-having-to-wait-for-charging/

.

#TechhubUpdate  #รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ #SolarCell

.

——————

⭐️ ติดตามอัปเดตข่าวไอที How To , Tips เทคนิคใหม่ ๆ ได้ทุกวัน

ค้นหาข่าวที่อยู่ในความสนใจได้ที่ >> www.techhub.in.th

มีข้อสงสัยทัก LINE Techhub : https://lin.ee/Sietmnt

สิ่งที่ดูดพลัง vs สิ่งที่เติมพลัง

 สิ่งที่ดูดพลัง vs สิ่งที่เติมพลัง

นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงหมดแรงทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรหนัก



ทุกวัน…เราไม่ได้แค่ “ใช้พลัง”

แต่เรากำลัง ถูกดูดพลัง จากสิ่งเล็กๆ รอบตัวโดยไม่รู้ตัว


เช่น…

เลื่อนโซเชียลนานเกินไป

ฝืนใจทำสิ่งที่ไม่อยากทำ

นั่งในห้องรกๆ ที่ไม่เคยจัด

กินอาหารขยะ ดื่มน้ำน้อย

หรือมัวแต่วนคิดถึงอดีต


สิ่งเหล่านี้…ไม่ใช่เรื่องเล็ก มันทำให้ใจเราหนัก เหนื่อย และหมดไฟ


แต่ในขณะเดียวกัน…

ก็ยังมี “สิ่งที่เติมพลัง” ได้ง่ายๆ อยู่ตรงนี้เสมอ


เช่น…

พักสายตาแล้วออกไปรับแสงแดด

ฟังเพลงที่ทำให้ใจยิ้ม

ออกกำลังกายเบาๆ

หายใจลึกๆ อย่างมีสติ

กินอาหารที่ดีต่อร่างกาย

หรือแค่ดื่มน้ำให้เพียงพอ


เพราะบางที…

การเติมพลังชีวิต ไม่ได้มาจากการทำสิ่งใหญ่โต

แต่มาจาก “สิ่งเล็กๆ ที่เราเลือกทำทุกวัน”


ถ้าวันนี้คุณเหนื่อย ลองหยุดถามว่า “ทำไมฉันไม่มีแรง”

แล้วถามใหม่ว่า → “อะไรคือสิ่งที่กำลังดูดพลังฉันอยู่?”

เพราะเมื่อเจอคำตอบ…คุณก็จะรู้วิธีชาร์จพลังให้กลับมาอีกครั้ง


📌 แท็กใครสักคน ที่ควรได้อ่านสิ่งนี้

ติดตามแรงบันดาลใจเพิ่มเติมได้ที่ 👉 @Tena.natara


#tenanatara #พลังบวก #แรงบันดาลใจ #รักตัวเอง #selflove #selfesteem #selfimprovement #mindset #ความสําเร็จ #พัฒนาตัวเอง #Success

คนเก่ง vs คนกระจอก

 คนเก่ง vs คนกระจอก 

ต่างกัน

.


.

.


1. 

คนเก่ง เริ่มก่อนแล้วค่อยเรียนรู้

คนกระจอก รอให้พร้อมจนไม่ได้เริ่มสักที


2. 

คนเก่ง ฟังคำติแล้วปรับปรุงตัวเอง

คนกระจอก โกรธทุกครั้งที่ถูกวิจารณ์


3. 

คนเก่ง ขยันทำแม้ไม่มีใครเห็น

คนกระจอก ทำเฉพาะเวลามีคนดู


4. 

คนเก่ง รับผิดชอบชีวิตตัวเองทุกอย่าง

คนกระจอก โทษโชค โทษดวง โทษคนอื่น


5. 

คนเก่ง ยอมเสียเงินเวลาเพื่อพัฒนาตัวเอง

คนกระจอก ยอมเสียเวลาไปกับความสบายชั่วคราว


6. 

คนเก่ง กล้าเริ่มใหม่แม้เคยล้ม

คนกระจอก กลัวล้มจนไม่กล้าเริ่มสักที


7. 

คนเก่ง ใช้เวลาไปกับสิ่งสำคัญในชีวิต

คนกระจอก ปล่อยเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ


8. 

คนเก่ง เรียนรู้ต่อแม้ประสบความสำเร็จแล้ว

คนกระจอก หยุดเรียนทันทีที่รู้แค่นิดเดียว


9. 

คนเก่ง เลือกอยู่กับคนเก่งกว่าเพื่อพัฒนา

คนกระจอก อยู่กับคนอ่อนกว่าเพื่อรู้สึกเหนือกว่า


10. 

คนเก่ง กล้ายอมรับว่าไม่รู้เพื่อจะได้เรียนรู้

คนกระจอก แกล้งทำเป็นรู้ไปหมดทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย


11. 

คนเก่ง ทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ไม่มีใครเห็น

คนกระจอก ทำดีเฉพาะเวลามีคนชม


12. 

คนเก่ง ยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมัน

คนกระจอก หาข้ออ้างทุกครั้งที่ล้มเหลว


13. 

คนเก่ง วางแผนก่อนลงมือเสมอ

คนกระจอก ทำไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทิศทาง


14. 

คนเก่ง ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งพอแล้ว

คนกระจอก พอใจกับที่ตัวเองเป็นแล้วหยุดพัฒนา


15. 

คนเก่ง ฟังให้มากกว่าพูดเพื่อเข้าใจสิ่งใหม่ๆ

คนกระจอก พูดมากเพื่อให้คนอื่นสนใจตัวเอง


16. 

คนเก่ง ลงมือทำให้ผลงานพูดแทนตัวเอง

คนกระจอก พูดเก่งแต่ไม่เคยทำอะไรจริงจัง


17. 

คนเก่ง เปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อวานเสมอ

คนกระจอก มัวแต่มองคนอื่นแล้วอิจฉา


18. 

คนเก่ง เดินหน้าต่อแม้ไม่มีใครสนับสนุน

คนกระจอก หยุดทันทีที่ไม่มีเสียงปรบมือ


#คนเก่ง

#คนกระจอก


แนะนำให้อ่าน 

https://s.shopee.co.th/qaRS496NX

https://s.lazada.co.th/s.Avz0H?cc

จะบอกให้คนที่มีภาวะวิตกกังวล หยุดกังวลก็ลำบากมาก เพราะสมองส่วน rACC ที่ทำงานน้อยล

 🧠 จะบอกให้คนที่มีภาวะวิตกกังวล หยุดกังวลก็ลำบากมาก เพราะสมองส่วน rACC ที่ทำงานน้อยลง ทำให้ทุกความเป็นไปได้ที่ก่อภัย ถูกเก็บนำมาคิดหมด จนสลัดออกจากหัวไม่ได้



.


เวลาคนเรามีเรื่องอะไรก็ตาม ที่รู้สึกเป็นภัยต่อตัวเองในซักทาง แต่ยังอยู่ไกลจากปัจจุบัน เช่น ผลสอบในเทอมนี้, ผลงานที่ทำออกไปในเมื่อเช้า, ผลตอบแทนจากกิจการตัวเอง ฯลฯ


ทั้งหมดจะถือว่า ‘ภัยคุกคาม’ (Threat) รูปแบบหนึ่ง


.


สมองส่วน amygdala จะรับรู้ถึงจุดนี้ แล้วเปิดโหมดกลัวทันที แต่เป็นความกลัวในรูปแบบที่ไม่รุนแรงถึงขั้นหวาดกลัว/แพนิก มันจะมาในรูปแบบกังวล


แต่คนทั่วไป จะมีสมอง 2 จุดคอยคุมเอาไว้ค่ะ

▪️ dlPFC/vmPFC: คอยควบคุมไม่ให้ amygdala ประมวลผลรุนแรงไป

▪️ rostral anterior cingulate cortex (rACC): คอยควบคุมให้ threat เหล่านี้ มาขัดจังหวะงานหรือกิจกรรมที่ทำตรงหน้า


.


ซึ่งส่วน rACC สำคัญมากๆ เลยค่ะ มันทำให้ไม่ว่าเราจะทำกิจกรรมใดก็ตาม โดยเฉพาะกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิมากๆ หัวจะโล่ง ไม่คิดถึง Threat ต่างๆ ที่กำลังมีอยู่ หรือคิดน้อยที่สุด และยังสามารถทำกิจกรรมต่อไปได้


.


แต่เรื่องนี้เกิดในคนที่เป็นสภาพวิตกกังวลได้ยากค่ะ

เพราะสมองส่วน rACC เป็นอีกจุดที่ฝ่อลง ทำงานน้อยลง


.


ผลคือ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เข้ามาในความคิด เรื่องที่ทำไปแล้วแล้วรอผลลัพธ์, เรื่องที่ยังไม่เกิดแต่อาจเกิดขึ้นได้ จะถูกส่งมาที่ amygdala หมดเลย


แถม rACC ยังไม่สามารถคัดกรองพวกนี้ออกไปได้เลย ทำให้กิจกรรมทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปหมด สมองหยุดคิดไม่ได้ คิดวนไปวนมา


และถ้าคนนั้นเป็นซึมเศร้าด้วย เนื้อหาที่ถูกดึงมาเป็น Threat ก็จะทำให้ยิ่งเศร้า ยิ่งดิ่ง วนไปวนมา


.


ยังไม่จบค่ะ ไม่ใช่แค่คิดวนไปวนออกมาไม่ได้เท่านั้น

มันยังเปิดโหมด stress response ค้างไว้ด้วย


amygdala ที่ยังตอบสนองต่อ threat ส่งสัญญาณไปบอกระบบประสาทอัตโนวัติ ในคนที่โดนรุนแรงมากพอ ก็จะพบว่าช่วงวิตกกังวล มีชีพจรเต้นถี่ขึ้น


หรือในคนที่รุนแรงมากๆ มันอาจส่งสัญญาณไปถึง ก้านสมองส่วน PAG ซึ่งเป็นตัวสร้างการตอบสนองแบบแพนิก ทำให้เกิดแพนิกได้


.

.


💡 ดังนั้นจะเห็นว่า คนที่วิตกกังวล หลายครั้งหยุดคิดไม่ได้จริง มืออาจจะทำงานไป แต่หัวคิดอย่างอื่นไป ถ้างานนั้นต้องใช้สมาธิและขั้นตอนที่ละเอียด มักจะพลาดได้ง่ายมาก


ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น รับรู้ตัวเองว่าเป็น

และเดินไปพบจิตแพทย์นะคะ ก่อนที่มันจะกระทบต่องานมากๆ ค่ะ

การทำงานของ BIOS (Basic Input/Output System) บนคอมพิวเตอร์

 ส่วนนี้อธิบายการทำงานของ BIOS (Basic Input/Output System) บนคอมพิวเตอร์ ทั้งก่อนและหลังเรียกใช้ระบบปฏิบัติการ (SO)



1. การตั้งค่าก่อนเริ่ม (ก่อนทํางาน OS)


เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ครั้งแรก BIOS สื่อสารโดยตรงกับฮาร์ดแวร์ผ่านวงจรควบคุมบนเมนบอร์ดและการ์ดเพิ่มเติม (p.) อีเจ จอภาพ คีย์บอร์ด เมาส์ ฮาร์ดดิสก์ ซีดี/ดีวีดี ดิสก์)


หน้าที่หลักของมันคือการดําเนินการ POST (ทดสอบการจุดระเบิดอัตโนมัติ) เริ่มฮาร์ดแวร์แล้วโหลดตัวจัดการบูตเพื่อเรียกใช้ระบบปฏิบัติการ


2. หลังจากทํางาน OS (หลังจากทํางาน OS)


เมื่อระบบปฏิบัติการทํางาน:


OS มีปฏิสัมพันธ์กับตัวควบคุมเพื่อควบคุมฮาร์ดแวร์


ตัวควบคุมเป็นโปรแกรมพิเศษที่ทําหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์


แอปพลิเคชันใช้บริการ OS เพื่อเข้าถึงฮาร์ดแวร์ โดยปกติแล้วจะไม่ผ่าน BIOS โดยตรง


BIOS ยังสามารถใช้งานได้ แต่น้อยกว่ามักจะเฉพาะช่วงแรกหรือในระบบง่าย ๆ (เช่น คอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่มี DOS)


3. โน้ตเพิ่มเติมในหุ่น


ลูกศรสีแดงบ่งชี้ถึงการสื่อสารหลักระหว่างส่วนประกอบ (SO ador Controller เข้าสู่ฮาร์ดแวร์)


ลูกศรสีน้ําเงินบ่งชี้ถึงปฏิสัมพันธ์ที่เฉพาะเจาะจงของแอปพลิเคชัน/OS กับ BIOS บนพีซีรุ่นเก่า (ยุค DOS) ซึ่งแอปพลิเคชันยังคงเรียกว่าบริการ BIOS โดยตรงเพื่อเข้าถึงฮาร์ดแวร์


ปัจจุบันฟังก์ชัน BIOS มุ่งเน้นไปที่การบูตอัพและการบูตอัพมากขึ้น ในขณะที่คอนโทรลเลอร์และระบบปฏิบัติการควบคุมฮาร์ดแวร์

สิ่งที่ผู้คนเห็น: ความสำเร็จ (Success) แต่ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง




1. วินัย (Discipline)

วินัยไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ แต่มันคือการทำสิ่งเล็ก ๆ ซ้ำทุกวัน แม้ในวันที่คุณไม่อยากลุกจากเตียง


- เหมือนคนที่ตื่นตี 5 มาวิ่งทุกเช้า ต่อให้ฝนตกหรืออยากนอนต่อ เขาก็ลุก เพราะรู้ว่าก้าวเล็ก ๆ วันนี้ จะทำให้สุขภาพเขาแข็งแรงในอนาคต


- เหมือนนักเขียนที่นั่งหน้ากระดาษเปล่าทุกเช้า แม้สมองว่างเปล่า

เหมือนนักกีฬาที่ซ้อมยิงลูกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ทั้งที่เมื่อยจนขาแทบยกไม่ขึ้น


วินัยไม่ได้ทำให้คุณชนะในวันนี้ แต่มันทำให้คุณพร้อมเสมอในวันที่โอกาสมาถึงตรงหน้า


2. ความพยายามต่อเนื่อง (Persistence)

ความสำเร็จไม่ใช่คนที่ไม่เคยล้ม แต่มันคือคนที่ล้มแล้วลุกใหม่อีกครั้ง


- เหมือนสตาร์ทอัพที่ถูกปฏิเสธเงินลงทุนเป็นสิบครั้ง แต่ยังกลับมาเสนออีกครั้งจนกว่าจะสำเร็จ


- เปิดร้านแล้วเจ๊ง ก็ลองใหม่อีกครั้ง ล้มสอบก็อ่านใหม่จนกว่าจะผ่าน คนที่ไม่ยอมแพ้สุดท้ายมักไปได้ไกลกว่าคนที่เก่งแต่หยุดกลางทาง


Persistence คือการบอกตัวเองว่า “ฉันจะไม่หยุด แค่เพราะมันยาก”


3.  ความล้มเหลว (Failure)


ล้มเหลวเป็นครูชั้นดี มันทำให้เรารู้ว่า อย่าทำแบบเดิมอีก 

ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือบทเรียนที่ไม่มีห้องเรียนไหนสอนได้

เหมือนคนที่ลงทุนแล้วขาดทุนย่อยยับ จนเรียนรู้วิธีปกป้องความเสี่ยง

เหมือนคนที่พลาดมาสาหัส แต่เอาประสบการณ์นั้นมาเป็นพลังและไม่ซ้ำรอยเดิม

 

ความล้มเหลวไม่ได้ทำลายเรา แต่ทำให้เรารู้จัก “วิธีที่แข็งแรงกว่า”


4.  การทำงานหนัก (Hard work)


หลายครั้ง คนเห็นผลลัพธ์ แต่ไม่เคยเห็นชั่วโมงที่คุณอยู่คนเดียว

เหมือนเชฟที่ซ้อมหั่นผักนับพันครั้ง จนออกมาดูเหมือนง่ายดาย 

เหมือนคนเห็นแค่เวลาคุณสอบติด แต่ไม่เห็นคืนที่คุณอ่านหนังสือจนหลับคาตำรา ความสำเร็จมักเกิดขึ้นในที่ที่คนอื่นไม่เห็น


ความสำเร็จที่แท้จริง… ซ่อนอยู่ในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น


5.  การเสียสละ (Sacrifices)

คุณไม่สามารถได้ทุกอย่างในเวลาเดียวกัน

บางคนสละปาร์ตี้ยามค่ำคืน เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง

บางคนตัดใจจากความสะดวกสบาย เพื่อไปฝึกฝนในที่ที่โหดกว่า

การเสียสละคือการเลือก “สิ่งที่สำคัญจริง ๆ” แล้วกล้าปล่อยสิ่งอื่นไป


6. โฟกัส (Focus)

คุณอาจทำได้หลายอย่าง แต่คุณจะไปได้ไกลแค่ไหน ถ้าเลือกเพียงสิ่งเดียว 


- เหมือนเลนส์กล้องที่รวมแสงทุกด้านให้ชัดในจุดเดียว

คนที่โฟกัส คือคนที่รู้ว่า “ฉันต้องการอะไรจริง ๆ” แล้วไม่ปล่อยให้สิ่งเล็ก ๆ ดึงออกจากเส้นทาง


7.  ความสม่ำเสมอ (Consistency)

ก้าวเล็ก ๆ ที่ทำซ้ำทุกวัน มันจะกลายเป็นเส้นทางที่พาคุณไปถึงเป้าหมาย


- เหมือนคนที่ออกกำลังวันละ 20 นาที จนร่างกายแข็งแรงขึ้นแบบไม่ทันรู้ตัว


Consistency คือสิ่งที่เปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นผลลัพธ์จริง


8. การเรียนรู้ (Learning)

โลกไม่หยุดเดิน แล้วคุณล่ะ หยุดหรือยัง?

คนที่สำเร็จไม่ใช่คนที่รู้มากที่สุด แต่คือคนที่ “เปิดใจเรียนรู้ตลอดเวลา”

จากหนังสือที่ไม่เคยคิดจะอ่าน

จากความล้มเหลวที่เคยเจ็บ

จากคำแนะนำของคนที่เคยอยู่จุดนั้นมาก่อน


9. ความกล้าหาญ (Courage)

ไม่ใช่กล้าที่จะทำในวันที่มั่นใจ 100%

แต่คือการลงมือ แม้คุณยังเต็มไปด้วยความสงสัย

เหมือนนักพูดที่ก้าวขึ้นเวทีทั้งที่มือยังสั่น

เหมือนนักลงทุนที่กล้าลงทุนแรก แม้ยังไม่รู้ผลจะออกมายังไง

ความกล้าหาญ คือประตูสู่ทุกการเปลี่ยนแปลง


10. ความเชื่อมั่นในตัวเอง (Self-belief)

ในวันที่ไม่มีใครเชื่อคุณ คุณต้องเชื่อตัวเองให้มากพอ

เพราะถ้าคุณไม่เชื่อ คนอื่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อ

Self-belief ไม่ใช่ความมั่นใจหลอกตัวเอง แต่มันคือ “ความเงียบข้างใน” ที่บอกว่า

“ฉันทำได้… แค่ยังไม่ได้ทำให้เห็น”


11. ความอดทน (Patience)

ต้นไม้ไม่ออกผลในวันแรกที่คุณรดน้ำ

เหมือนธุรกิจที่ต้องใช้เวลาสร้างชื่อ

เหมือนการฝึกฝนที่กว่าจะเห็นผล ต้องผ่านเดือน ปี ไม่ใช่วันเดียว

ความอดทนไม่ใช่การยอมแพ้ต่อเวลา แต่คือการเชื่อว่า สิ่งที่คุณทำอยู่ มีค่าเพียงพอที่จะรอคอย


12. ความคิดเชิงบวก (Positive Mindset)

ปัญหาอาจเหมือนกำแพง แต่คนที่คิดบวกมองมันเป็นบันได

วิกฤติอาจปิดประตูหนึ่ง แต่เปิดหน้าต่างอีกบาน

Mindset ไม่ได้เปลี่ยนสถานการณ์ แต่เปลี่ยนวิธีที่คุณยืนอยู่ในนั้น


13. เครือข่ายและผู้คน (Relationships)

ไม่มีใครสำเร็จได้ลำพัง

กำลังใจจากเพื่อน คำแนะนำจากเมนเทอร์ หรือแม้แต่การเจอคู่แข่งที่ผลักคุณขึ้น…

ทั้งหมดคือพลังที่ทำให้คุณไปได้ไกลกว่าที่เดินคนเดียว


14. การจัดการเวลา (Time Management)

เวลาเป็นทรัพยากรที่เท่ากัน แต่ถูกใช้ไม่เท่ากัน

คนที่รู้ว่าจะทุ่มเวลาไปกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ

จะก้าวนำคนที่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่สร้างค่าเสมอ


15. การรักตัวเอง (Self-love)

คุณจะไม่มีวันสร้างอะไรยิ่งใหญ่ได้ ถ้าหัวใจและร่างกายคุณพัง

การรักตัวเองไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่มันคือรากฐานของทุกอย่าง

เพราะคุณไม่สามารถเทน้ำจากแก้วที่ว่างเปล่า


👉 สรุปสั้น ๆ:

ความสำเร็จไม่ได้เกิดจาก พรสวรรค์ เพียงอย่างเดียว

แต่มันเกิดจากการลงมือทำซ้ำ ๆ + การเรียนรู้จากความผิดพลาด + ใจที่ไม่ยอมแพ้


📌   ติดตามแรงบันดาลใจเพิ่มเติม 👉 @Tena.natara


 #tenanatara #พลังบวก #แรงบันดาลใจ #รักตัวเอง #selflove #selfesteem #selfimprovement #mindset #ความสําเร็จ #พัฒนาตัวเอง #Success

☝️วิธี แก้ ที่ทำให้ชีวิต ประสบความสำเร็จ ..?🌈




1. เชือกที่ผูกเราไว้คืออุปสรรคในชีวิต🔆

 • ความกลัว ความกังวล ข้ออ้าง ภาระหนี้ บั้นเก่า หรือการใช้ชีวิตไปวัน ๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เราไม่ก้าวไปข้างหน้า

 • ยิ่งเรายอมปล่อยให้เชือกเหล่านี้มัดไว้นาน เราก็ยิ่งสูญเสียอิสรภาพในการใช้ชีวิต


2. Mindset คือกุญแจแห่งการปลดล็อก♥️

 • ไม่ว่าปัญหาจะมากแค่ไหน หากเรามีวิธีคิดที่ถูกต้อง เราสามารถตัดเชือกเหล่านี้ออกได้ทีละเส้น

 • Mindset เปรียบเหมือน “มีดในมือ” ที่จะช่วยให้เราไม่ติดอยู่กับสิ่งที่ผูกมัดชีวิต


3. อิสรภาพเริ่มจากข้างใน✨

 • การเปลี่ยนวิธีคิดคือการเริ่มต้นสู่เสรีภาพ

 • เมื่อใจเป็นอิสระจากความกลัวและข้ออ้าง ร่างกายและการกระทำของเราก็จะเป็นอิสระตามไปด้วย


4. ทุกคนมีทางเลือก🦅

 • เราอาจเลือกยอมให้เชือกมัดไว้ต่อไป หรือเลือกหยิบ Mindset มาตัดเชือกเหล่านี้


 • อุปสรรคอาจไม่หมดไปทันที แต่ถ้าเริ่มทีละเส้น วันหนึ่งเราจะหลุดพ้น

#เลือก #เป้าหมาย

🔥 10 นิสัยที่คนรวยทั้งโลกมีเหมือนกัน


.
💡 คุณรู้ไหมครับ…? ความต่างเล็ก ๆ ใน “นิสัยประจำวัน” 
คือสิ่งที่แยกคนรวยออกจากคนทั่วไป หนังสือ Rich Habits 
ของ Tom Corley เผยไว้ชัดเจนว่า คนรวยส่วนใหญ่
มี “10 นิสัยเหมือนกัน” และนี่คือสิ่งที่คุณก็เริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้
.
🔟 10 นิสัยที่คนรวยมีเหมือนกัน
.
📚 อ่านหนังสือทุกวัน – อย่างน้อย 30 นาที เพื่อพัฒนาความรู้และความคิด พวกเขาเลือกอ่านหนังสือธุรกิจ จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง หรือชีวประวัติคนสำเร็จ เพราะเชื่อว่าความรู้ใหม่ ๆ คือการลงทุนที่ไม่มีวันขาดทุน
.
🏃 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – ไม่ใช่เพื่อรูปร่างอย่างเดียว แต่เพื่อพลังงาน สมาธิ และสุขภาพระยะยาว คนรวยเข้าใจดีว่าร่างกายคือ “ทุน” ที่ทำให้พวกเขาสามารถทำงานใหญ่ได้ต่อเนื่อง
.
🎯 ตั้งเป้าหมายชัดเจน – ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมลงมือทำตาม พวกเขามักจะ “เขียนเป้าหมายออกมา” และทบทวนเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ชีวิตไหลไปตามสถานการณ์ แต่เดินไปตามเส้นทางที่วางไว้
.
⏰ บริหารเวลาเป็นระบบ – คนรวยรู้ว่าเวลาเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป พวกเขาจะกันเวลาให้กับสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ เช่น การเรียนรู้ การสร้างโอกาสใหม่ ๆ มากกว่าปล่อยไปกับกิจกรรมที่ไม่สำคัญ
.
🤝 สร้างเครือข่ายคนคิดบวก – พวกเขาเลือกอยู่ใกล้คนที่สร้างแรงบันดาลใจ สนับสนุนกัน และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กัน เครือข่ายที่แข็งแรงคือบันไดลัดที่ช่วยให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าเร็วขึ้น
.
💰 ออมและลงทุนเสมอ – คนรวยไม่ได้รวยเพราะหาเงินเก่งอย่างเดียว แต่เพราะเก็บและลงทุนเป็น พวกเขามีวินัย ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล และรู้จักให้เงินทำงานแทนตนเองในระยะยาว
.
🧘 ควบคุมอารมณ์ได้ – ไม่ปล่อยให้อารมณ์โกรธ หรือตัดสินใจด้วยความกลัวมาทำลายอนาคต พวกเขารู้จักพัก รู้จักรอ และใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในการแก้ปัญหา
.
🚀 ทำเกินกว่าที่คาดหวัง – ไม่ใช่แค่ทำงานตามหน้าที่ แต่พวกเขามักจะใส่ใจรายละเอียด ทำเกินความคาดหวังเล็กน้อย จนสร้างความแตกต่าง และได้รับความเชื่อมั่นกลับมาในระยะยาว
.
🌍 มองโอกาสในปัญหา – เวลาคนอื่นเห็นอุปสรรค คนรวยมักเห็น “โอกาส” พวกเขาไม่หยุดที่ปัญหา แต่ถามตัวเองเสมอว่า “เราจะเปลี่ยนสิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์ได้ยังไง”
.
🔑 ลงมือทำทุกวัน – พวกเขาไม่รอจังหวะที่สมบูรณ์ แต่ใช้วิธี “ก้าวเล็ก ๆ ทุกวัน” เพราะรู้ว่าความสำเร็จไม่เกิดจากการทำครั้งใหญ่ แต่จากการทำเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง
.
✅ สรุป
.
🔥 ความรวยไม่ได้เริ่มจากเงินก้อนโต แต่มาจาก “นิสัยเล็ก ๆ ที่ทำซ้ำทุกวัน” วันนี้คุณเลือกได้ว่าจะเริ่มสร้าง Rich Habits ของตัวเองหรือไม่
.
#RichHabits #คิดแบบคนรวย #พัฒนาตัวเอง #ความสำเร็จ #ชีวิตดีขึ้น

คิดดี แต่ขาดวินัย​

1. ต่อให้มีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่ถ้าขาดวินัย ทุกอย่างก็รั่วไหลหายไป
 2. วินัยคือภาชนะที่ช่วยเก็บรักษาพรสวรรค์ให้เกิดผลลัพธ์จริง

 3. ความสำเร็จไม่ได้มาจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่จากการลงมืออย่างสม่ำเสมอ

 4. ขาดวินัยก็เหมือนถังรั่ว ต่อให้น้ำเติมมากเท่าไรก็ไม่เต็ม

 5. เมื่อวินัยมั่นคง พรสวรรค์จึงถูกใช้ได้เต็มศักยภาพ


วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

🪭เทคนิคให้นักเรียนชอบท่องศัพท์ภาษาอังกฤษแบบครูมืออาชีพ



1. ใช้เกมสร้างแรงจูงใจ (Gamification)
 • จัดแข่ง Word Bingo, Memory Card, Vocabulary Race
 • สะสมคะแนน/สติกเกอร์แลกของรางวัลเล็กๆ
→ เด็กจะรู้สึกว่า “การท่องศัพท์คือเกม” ไม่ใช่ภาระ

2. เชื่อมคำศัพท์กับชีวิตจริง (Contextual Learning)
 • ให้เด็กเลือกศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เช่น งานอดิเรก ของที่ชอบ
 • ใช้สถานการณ์จำลอง เช่น ร้านอาหาร สนามบิน ห้องเรียน
→ เมื่อเด็กเห็นว่าศัพท์ใช้ได้จริง จะอยากจำเองโดยไม่ต้องบังคับ

3. ใช้ภาพและเสียงช่วยจำ (Multisensory Learning)
 • ใช้แฟลชการ์ดที่มี ภาพ + คำ + เสียง
 • ให้เด็กวาดรูปประกอบคำศัพท์เอง (เช่น “apple” ก็วาดแอปเปิ้ล)
 • จัดเพลง/chant สั้น ๆ ใส่คำศัพท์ เช่น rap หรือ rhythm
→ สมองเด็กจะจำได้จากหลายช่องทาง

4. เทคนิคคำศัพท์แบบ Chunk
 • ไม่สอนเดี่ยว ๆ เช่น “run = วิ่ง” แต่สอนเป็นกลุ่ม เช่น
 • run fast, run away, run a business
 • เด็กจะรู้สึกว่าได้ “วลีที่ใช้ได้จริง” มากกว่าแค่คำโดด

5. เทคนิคการ์ตูน–เรื่องเล่า (Storytelling)
 • แต่งเรื่องสั้น ๆ ที่มีคำศัพท์เป้าหมาย
 • ใช้การ์ตูน คอมิก หรือ meme ที่แทรกคำศัพท์
→ เด็กจะจำคำศัพท์ได้เพราะผูกกับเรื่องราว

6. Spaced Repetition (ทบทวนแบบเว้นระยะ)
 • ใช้ตารางทบทวน: วันแรก → 2 วันต่อมา → 1 สัปดาห์ → 1 เดือน
 • ครูอาจใช้ Quizlet, Anki, หรือ Kahoot ช่วย
→ สมองเด็กจะเก็บศัพท์ได้นานขึ้น ไม่ลืมง่าย

7. ปลูกฝังความภูมิใจ
 • ทุกครั้งที่นักเรียนจำได้ ให้ชมเชิงบวก เช่น
 • “เก่งมาก! จำได้แม่นเหมือนเจ้าของภาษาเลย”
 • ติดสติกเกอร์ “Vocabulary Star of the Day”
→ เด็กจะรู้สึกภูมิใจและอยากเรียนต่อ

🎯 เคล็ดลับเสริมสำหรับครู
 • สอนทีละน้อย (5–8 คำต่อครั้ง) แต่ให้ฝึกใช้จริง
 • จัด “มุมคำศัพท์” ในห้องเรียน เปลี่ยนคำใหม่ทุกสัปดาห์
 • ใช้คำศัพท์กับนักเรียนบ่อย ๆ เช่น ทักทาย สั่งงาน

#ครูมืออาชีพ #teacher #fblifestyle #fbreels #สื่อการสอนภาษาอังกฤษ #English #ENG

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568

“เปิดโอกาสใหม่ด้านการเรียนรู้ดิจิทัล เรียนฟรี ได้เกียรติบัตร ใช้งานได้จริง!” 🎓

#ประชาสัมพันธ์
“เปิดโอกาสใหม่ด้านการเรียนรู้ดิจิทัล เรียนฟรี ได้เกียรติบัตร ใช้งานได้จริง!” 🎓💻

✅ เรียนออนไลน์ฟรี!
✅ ได้รับเกียรติบัตรหลังเรียนจบ 🎓

📌 สมัครเข้าเรียนได้ที่ 👉 https://ovecic.vec.go.th/course/index.php?categoryid=23
🌐 วิธีการลงชื่อเข้าใช้งาน https://bit.ly/3EJFC3g

🔴 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย)
พัฒนาสื่อโมดูลรายวิชาประเภทวิชาอุตสาหกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ 📚💡
จำนวน 15 รายวิชา 60 โมดูล ดังนี้

🔹 21900-1002 โครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึมเบื้องต้น (พื้นฐานโครงสร้างข้อมูล)
🔹 21901-2014 ระบบปฏิบัติการเครื่องแม่ข่ายเบื้องต้น (ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการแม่ข่าย)
🔹 21909-1003 พื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (พื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและระบบ IoT)
🔹 21909-1009 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ก้าวแรกสู่โลกเครือข่าย)
🔹 21910-2013 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ถอดรหัสชั้นเครือข่าย) 
🔹31900-1002 การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่เบื้องต้น (Big Data เพื่อโลกอาชีพ)
🔹 31901-2004 การพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยเทคโนโลยี Front-End (การเผยแพร่ซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์)
🔹 31903-2001 วิศวกรรมซอฟต์แวร์ (วิศวกรรมซอฟต์แวร์เบื้องต้น)
🔹 31903-2014 การเขียนโปรแกรมควบคุมโดรน (พื้นฐานอากาศยานไร้คนขับ Drone)
🔹 31909-2004 หลักการและแนวคิดของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligenc พื้นฐานระบบปัญญาประดิษฐ์)
🔹 31909-2004 การประยุกต์ AI สำหรับงานธุรกิจ (เปิดโลก AI กับการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน)
🔹 31910-2007 เครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัย (พื้นฐานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในยุคดิจิทัล)
🔹 31910-2007 เครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัย (พื้นฐานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในยุคดิจิทัล)
🔹 31910-2007 เครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัย (ก้าวแรกสู่โลกเครือข่ายไร้สาย Wireless Network)
🔹 31910-2013 การประมวลผลแบบคลาวด์ (รู้จักการประมวงผลแบบคลาวด์ในยุคดิจิทัล)

“อย่าพลาดโอกาส! เพิ่มศักยภาพด้านดิจิทัล สมัครเรียนได้แล้ววันนี้” 🌟

Cr.สมอ.

#เรียนดีมีคุณธรรม #คลังปัญญาอาชีวศึกษา
#OVECIC #สมอ #ovec #PRสอศ 

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1275169904622245&id=100063877431801&rdid=bHv2k0rhyKJePfHc#

การคงตัวละครเดิม ในAI

วิธีทำใน Gemini หรือ Nano Banana 🍌

1. เตรียม Reference Image
เลือกรูปคาแรกเตอร์ต้นแบบที่ต้องการให้ “หน้าเหมือนเดิม”

2. เขียน Prompt 
เวลาสั่ง AI ต้องระบุ 3 อย่างหลัก ๆ
.
1. คงตัวละครเดิม (Identity Lock)
> “Keep the same face, hairstyle, clothing, and style exactly as the reference image.”

2. เปลี่ยนเฉพาะมุมกล้อง (Camera Angle)
> “Change only the camera angle to: [เช่น Low angle wide shot, cinematic 24mm lens]

3. รายละเอียดภาพ (Lighting, Mood, Lens, Environment)
> เช่น “Cinematic golden hour light, 85mm lens, photorealistic details”
1. Front Full Body — เต็มตัวด้านหน้า  
2. Medium Close-Up — ครึ่งตัวจากอกขึ้น  
3. Side Profile — เสี้ยวหน้าด้านข้าง  
4. 3/4 Angle — มุมเฉียง 45 องศา  
5. Back Full Body — เต็มตัวจากด้านหลัง  
6. Over the Shoulder — มุมเหนือไหล่  
7. High Angle — มุมกดลง  
8. Bird’s Eye View — มุมสูงจากด้านบน  
9. Worm’s Eye View — มุมเสยจากพื้น  
10. Dutch Angle — มุมเอียง  
11. Close-Up Eyes — โคลสอัพดวงตา  
12. Close-Up Hands — โคลสอัพมือ  
13. Reflection Mirror — มุมกระจกสะท้อน  
14. Window Frame — มุมผ่านกรอบหน้าต่าง  
15. Rain Close-Up — โคลสอัพใบหน้าเปียกฝน  
16. Neon Silhouette — เงาดำตัดกับไฟนีออน  
17. Long Shot — มุมกว้างเต็มตัวพร้อมฉาก  
18. Cowboy Shot — มุมคาวบอย (หัวถึงต้นขา)  
19. Tracking Shot — มุมกล้องติดตาม  
20. POV Shot — มุมมองบุคคลที่หนึ่ง
20 Prompt Camera Angles
สำหรับใช้ใน Gemini หรือ Nano Banana
.
เวลาคุณแนบ Reference Image จะได้หน้าเดิมเป๊ะ ๆ แต่เปลี่ยนเป็นมุมกล้องต่าง ๆ
วิธีทำง่าย ๆ ใน Gemini & Google ai
1. เตรียมภาพต้นแบบ (Reference Image)

เลือกภาพคาแรกเตอร์ที่ต้องการใช้เป็นหน้าหลัก > แนบภาพ
2. เขียน Prompt ให้ชัด
บอกให้ คงหน้าและชุดเหมือนต้นฉบับ
.
ระบุแค่ มุมกล้อง (Camera Angle) ที่อยากเปลี่ยน
ใส่เสริมเล็กน้อย เช่น lens, light, aspect ratio

✅ ตัวอย่าง
Generate based on reference image. 
Keep same face, hairstyle, outfit. 
Change only camera angle to: Worm’s Eye View, cinematic lighting, 24mm lens, vertical 9:16.

3. ใช้ลิสต์ Camera Angle
เลือกจากหัวข้อที่เตรียมไว้ เช่น Front Full Body, Side Profile, Over the Shoulder ฯลฯ

ออกกำลังกายทุกวัน เปลี่ยนหลอดเลือดแดงที่คอ ที่อาจเป็นแหล่งผลิตลิ่มเลือดไปอุดสมองจนอัมพาต

 ออกกำลังกายทุกวัน เปลี่ยนหลอดเลือดแดงที่คอ ที่อาจเป็นแหล่งผลิตลิ่มเลือดไปอุดสมองจนอัมพาต กลายเป็นท่อสวยๆ ให้เลือดผ่านไปเลี้ยงสมองได้ดีเยี่ยม จนสมองทำงานได้เต็มที่ในทุกวัน



.


หลายคนชอบคิดว่า โรคหลอดเลือดสมองตีบ มันก็ต้องเกิดจากหลอดเลือดภายในสมองตีบสิ แต่หารู้ไม่ว่า หลอดเลือดแดงที่คอ (Carotid artery) นี่แหละ คือหนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ส่งออกลิ่มเลือดลอยขึ้นไปอุดในสมองเลย


เพราะหลอดเลือดแดงที่คอ (CCA) จะแตกแขนงออกเป็นสองเส้นใหญ่ คือเส้นที่ไปเลี้ยงสมอง (ICA) และเลี้ยงศีรษะด้านนอก (ECA) เป็นรูปคล้ายตัว Y ดังภาพ


.


ซึ่งจุดแตกแขนงนี้แหละ เลือดไหลค่อนข้างปั่นป่วน (Turbulent flow) ทำให้ผิวของหลอดเลือด รับแรงเฉือนรุนแรงกว่าจุดอื่นๆ


ดังนั้นตัวบรรทุกคอเลสเตอรอล LDL ก็สามารถแทรกผ่านจุดเสียหายเข้าไปในผนังหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น


.


ยิ่งถ้าไม่ดูแลสุขภาพจนมีอนุมูลอิสระมาก LDL จะถูกเปลี่ยนเป็น oxLDL ได้มหาศาลเลย เม็ดเลือดขาวที่จำหน้าตา oxLDL ไม่ได้ คิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงเข้าจับกิน แต่ย่อยคอเลสเตอรอลด้านในไม่ได้ไง จึงตัวแตกตๅยคาผนังในที่สุด


ยิ่งตๅย ก็ยิ่งเรียกเพื่อนเม็ดเลือดขาว เรียก oxLDL เข้าผนังมาเรื่อยๆ ก็ยิ่งเจอกัน ยิ่งจับกิน ยิ่งตๅย วนไป คอเลสเตอรอลที่ทะลักออกมา ก็สะสมที่ในผนังเรื่อยๆ


.


จนในที่สุดเริ่มตีบหลอดเลือดคอไปเรื่อยๆ ยิ่งตีบ เลือดยิ่งไหลผ่านแรงขึ้น ซึ่งอย่างที่บอกไปเดิมทีจุดนี้เลือดก็ไหลรุนแรงอยู่แล้ว ก็ยิ่งถูผนัง ถูวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งวันหนึ่งผนังมันทนไม่ไหว ถูจนเริ่มเป็นแผล


เท่านั้นแหละ กระบวนการแข็งตัวของเลือดก็ทำงานทันที เพื่อต้องการปิดแผลด้วยลิ่มเลือด แต่ความซวยคือแผลรอบนี้มันอยู่ผนังหลอดเลือดแดงที่คอไง


ฉิบหๅยเลย ลิ่มเลือดจึงเกิดขึ้นในหลอดเลือด ไหลตามกระแสเลือดเข้าไปอุดในสมองจนสมองเริ่มขาดเลือดเฉียบพลัน


.


ผลที่ตามมาคือขึ้นกับว่าสมองส่วนไหนโดน


☑️ สมองกลีบหน้า: อัมพาตครึ่งซีก, ปากเบี้ยว, พูดไม่ได้

☑️ สมองกลีบกระหม่อม: ชาครึ่งซีก

☑️ สมองกลีบขมับ: ฟังภาษาไม่รู้เรื่อง, พฤติกรรมเปลี่ยน (บางเคสรำมาเลย ญาติคิดว่าผีเข้า)


ถ้ามาเร็วมากๆ รักษาทัน อาจหายได้บ้าง

แต่ถ้ามาช้า อาจมีอาการเหล่านี้ถาวร ฟื้นตัวช้ามาก

แต่ถ้ารุนแรงมาก สมองอาจบวม สมองปลิ้น กดจุดสำคัญอาจเสียชีวิตได้


.


อะ อ่านมาถึงตรงนี้ คงเกาหัวแกรกๆ เพจนี้มันขู่อีกแล้ว แต่ข่าวดีค่ะ ที่เล่ามานี่ กระบวนการเกิดช้ามากเป็นหลักปี ค่อยๆ พอกทีละนิด เก็บหอมรอมริบ


ดังนั้นแค่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง ยังไงก็ทัน ทันจริงๆ แบบชิวๆ เลย แต่ถ้าไม่ตระหนักจุดนี้เลย เวลาที่บอกว่าช้า มันก็ผ่านไปโคตรเร็ว


.


วิธีหนึ่งที่ทำได้ ณ ตอนนี้เลย คือลุกมาออกกำลังกายเลย เพราะความคุ้มค่ามันสูงมาก เรียกได้ว่าแก้ทุกกลไก ตั้งแต่หน้าประตู ยันการพอก ยันดีท็อกเอาคอเลสเตอรอลออกไปเลย


✅ ผนังหลอดเลือดเสียหายง่าย?

ไม่เป็นไรค่ะ ออกกำลังกายกระตุ้นให้ผนังหลอดเลือดสร้างโรงงานผลิตก๊าซ nitric oxide มากขึ้น (eNOS) ซึ่งก๊าซนี้ ทำตัวเหมือนเป็นพ่อบ้านประจำหลอดเลือดเลย ดูแลตั้งแต่ให้ผนังคลายตัว ลดความแรงถูของเลือด, ทำให้หลอดเลือดนุ่มขึ้น และยังลดการอักเสบที่ผิวให้เหล่า LDL และเม็ดเลือดขาวผ่านไปได้ยากขึ้น


✅ ผนังอักเสบจากเม็ดเลือดขาวมันกินจนอกแตกตๅย?

ไม่เป็นไรค่ะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพิ่มเม็ดเลือดขาวสายต้านอักเสบมาประจำการเลยค่ะ (ชื่อ Treg) คอยปล่อยสาร IL-10, TGF-b ให้ผนังหลอดเลือดสงบเสงี่ยม ไร้อนุมูลอิสระ การเกิด oxLDL ก็ลดลง เม็ดเลือดขาวก็ไม่จับกินอีกต่อไป


✅ อ้าว? แล้วไอไขมันที่พอกไปแล้วล่ะ จะทำไง?

ไม่ต้องห่วง ออกกำลังกายช่วยเร่งให้ตับสร้าง HDL หน่วยดีท็อกซ์หลอดเลือดมากขึ้น แถมยังตามไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอีก เหล่าเม็ดเลือดขาวในผนังที่ท้องกำลังแตกเพราะคอเลสเตอรอล ก็รอดชีวิต เพราะ HDL จะสูบคอเลสเตอรอลออกไปโยนให้ตับ ตับจะได้นำไปสร้างสารอื่น


✅ ยังไม่จบ ออกกำลังกาย ยังแก้ต้นตอของปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ อ้วนและภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นตัวหลักที่ทำให้ร่างกายเกิดอักเสบทั่วๆ ตลอดเวลา


.


แล้วมันก็ไม่ได้แก้ที่หลอดเลือดคอเท่านั้น

หลอดเลือดในสมองก็ตามไปแก้ด้วย


ดังนั้นขอแค่ตระหนักแล้วเริ่มออกตั้งแต่ตอนนี้ ก็เป็นจุดเริ่มที่ดีมากๆ แล้วค่ะ เพราะโอกาสที่จะทำติดต่อกันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำติดกันได้ซัก 2 อาทิตย์ก็เริ่มเป็นนิสัยแล้ว


.


จากวันธรรมดา กลายเป็นวันที่สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเลย จุดเปลี่ยนที่จะนำไปสู่ชีวิตที่การันตีแน่ๆ ว่า เรายังคงเดินได้ ใช้ชีวิตได้ปกติ ไปที่ไหนก็อยากไปได้


แม้จะอ่านแล้วเริ่มเหมือน life coach แล้ว 555

แต่เชื่อหนูเถอะค่ะ ของเค้าดีจริง มาออกกันเถอะค่ะ

สรุปรายงานการประชุมด้วย Ai

 [1] ได้รับเชิญไปบรรยายหัวข้อการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่ง ช่วงครึ่งวันแรก แนะนำพื้นฐานการใช้ NotebookLM


.

[2] เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยกมือถามกลางห้องถ้ามีไฟล์เสียงประชุม 3 ชั่วโมง อยากถอดมาเป็นบันทึกการประชุมที่จัด Format ได้เลย... ใช้ NotebookLM ได้มั้ย?

.

[3] พอดีเป็นช่วง Workshop ให้ฝึกใช้งานเลยเดินไปหาพร้อมกับถามหาไฟล์ จนท.บอกว่าเนี่ย ปกติบันทึกเสียงการประชุมอยู่แล้วเป็นประจำ ขอลองหน่อยได้มั้ย เพราะประชุม 3 ชั่วโมงมานั่งถอดเทปอีก 5 ชั่วโมง รู้สึกเสียเวลาและกินพลังงานมาก

.

[4] เลยให้น้อง จนท.เอาไฟล์เสียงโยนเข้า NotebookLM แล้วใช้ Prompt ว่า ช่วยสรุปการประชุมนี้เป็นบันทึกอย่างเป็นทางการ พร้อมหัวข้อ ประเด็นที่สำคัญ และ แผนปฏิบัติการ แบบภาษาเขียนให้หน่อย

.

[5] ระบบประมวลผลใช้เวลาแค่ 5 นาที ได้ไฟล์บันทึกประชุมพร้อมแจกจ่ายได้แทบจะในทันที ผลลัพธ์จากที่อ่านดูคร่าวๆพบว่าวาระที่ 1–2 สรุปเนียนดี มีแค่ วาระ 3 ที่ระบบไม่แยกหัวข้อให้ เพราะอาจเป็นที่ว่าระหว่างประชุมไม่มีใครพูดว่าวาระที่ 3 ชัดๆนอกนั้นข้อมูลครบ

.

[6] อันนี้คือ Used case ที่ทดลองจริงๆแล้วได้ผลลัพธ์ที่รู้สึกทึ่งมาก ตอนเที่ยง ผอ.เรียกประชุมทีมงานหลังกินข้าวสั้นๆเพื่อจะดำเนินการงานบางโครงการ เลยรบกวนให้บันทึกเสียงไว้ด้วย แล้วทดลองทำแบบเดียวกัน ปรากฏว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ลดเวลาการทำงานแถมเอาไปใช้งานได้ทันที

.

ต่อไปนี้คือวิธีการใช้ NotebookLM เพื่อช่วยเปลี่ยนเสียงบันทึกการประชุมให้กลายเป็นรายงานที่สามารถนำไปปรับแต่งรูปแบบได้ตามความเหมาะสม

.

[1] อัปโหลดไฟล์เสียงที่บันทึกการประชุม  (รวมถึง PDF, วิดีโอ YouTube, หรือ Google Docs)ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ที่ Source ฝั่งซ้ายมือ 

.

[2] สามารถคลิกที่เมนู Report เพื่อเลือกหัวข้อย่อยแบบ Briefing doc เพื่อสรุปเนื้อหาออกมาแบบสำเร็จภายใน 2 คลิก

.

[3] ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้นสามารถใช้ Prompt ในช่องแชทเพื่อสั่งงานเพิ่มเติมให้ได้อย่างที่วางแผนเอาไว้

.

[4] หลักการที่สำคัญที่จะใช้งาน Prompt ให้ตรงใจมากขึ้นคล้ายกับการใช้งาน AI ตัวอื่นๆ โดยควรคำนึงถึง ความเฉพาะเจาะจง (Specificity) ระบุผลลัพธ์ที่อยากได้ เช่น การขอให้แสดงผลเป็นรูปแบบตาราง (NotebookLM ทำได้แล้ว เย้ๆๆๆ - คนอื่นเค้าทำได้ตั้งนานแล้ว)

.

[5] ต่อจากข้อ [4] หากระบุวัตถุประสงค์ของบันทึก เช่น การสร้าง สรุปสำหรับผู้บริหาร บันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการ แล้ว AI จะปรับโทนภาษาและความยาวของคำตอบให้เหมาะสม

.

[6] ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาด้วยตนเองอีกรอบ เนื่องจาก AI อาจมีข้อผิดพลาดในการแปลงเสียงเป็นตัวอักษรได้

.

และต่อไปนี้คือตัวอย่าง 10 Prompt ที่ามารถนำไปปรับใช้หลังอัปโหลดไฟล์เสียงบันทึกการประชุมพร้อมกับเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

.

[1] สรุปการประชุมนี้เป็นบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการ โดยมีหัวข้อหลัก ผู้เข้าร่วมประเด็นสำคัญที่ยกขึ้นมาหารือ ข้อสรุป และรายการดำเนินการ (Action Items) ที่มอบหมายให้แต่ละคน (ตรงนี้มีข้อสังเกตุเล็กน้อยตรงที่บางทีประชุมกันหลายท่านแล้วไม่มีการเอ่ยชื่อใครเป็นใคร แนะนำให้ระบุเป็นแผนกหรือฝ่ายจะดีกว่า)

.

[2] สรุป Action Items ที่ตกลงกันในการประชุมนี้ พร้อมทั้งระบุชื่อ(ฝ่าย)ผู้รับผิดชอบและวันครบกำหนด (ถ้ามี) ในรูปแบบตาราง

.

[3] แยกส่วนของการตัดสินใจที่สำคัญทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการประชุมนี้ออกมา พร้อมให้เหตุผลสนับสนุนโดยย่อ

.

[4] สร้างบันทึกการประชุมแบบย่อ (Executive Summary) ความยาวไม่เกิน 1 ย่อหน้าที่เน้นผลลัพธ์หลักของการประชุมนี้เท่านั้น

.

[5] บันทึกการประชุมนี้ มีประเด็นใดบ้างที่ยังไม่มีข้อสรุป (Outstanding Issues)? ให้รวบรวมรายการทั้งหมดเพื่อนำไปพูดคุยต่อในครั้งหน้า

.

[6] เปลี่ยนไฟล์เสียงนี้เป็นบทสรุปที่มีหัวข้อและหัวข้อย่อย (Bullet List) เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและทำความเข้าใจ

.

[7] กรุณาสรุปประเด็นที่ฝ่าย (X) พูดถึงทั้งหมด พร้อมทั้งข้อเสนอแนะที่เขาได้ให้ไว้ในระหว่างการประชุม - เปลี่ยน (X) เป็นฝ่ายที่เราสนใจ

.

[8] เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการตัดสินใจ(X) ที่กล่าวถึงในช่วงกลางของการประชุม พร้อมระบุว่าข้อสรุปสุดท้ายคืออะไร - (X) คือหัวข้อที่เราสนใจ

.

[9] เขียนบันทึกการประชุมในรูปแบบอีเมลฉบับร่างเพื่อส่งถึงทีมงาน โดยเน้นที่ตารางเวลาใหม่และสิ่งที่ทุกคนต้องทราบก่อนเริ่มสัปดาห์หน้า

.

[10] สรุปการตอบคำถามและการซักถามที่เกิดขึ้นในการประชุมนี้ทั้งหมด

.

สามารถนำเอาไอเดียจาก Prompt สำเร็จรูปนี้ไปใช้งานหรือนำไปปรับแก้ตามบริยทของงานได้เลยนะครับ ส่วนตัวทดลองอัดเสียงตอนทำ Workshop ความยาว 3 ชั่วโมงมาสรุปเป็นอินโฟกราฟิก 1 แผ่นก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีใช้เลยทีเดียว

.

สนใจจัด Workshop หรือ In-House Training เกี่ยวกับการใช้ประยุกต์ใช้ NotebookLM กับงานจริงทักมาได้ที่ Inbox นะครับ

.

ไว้พบกันใหม่โพสต์หน้าครับทุกคน

18 ข้อคิด เป้าหมายชัดเจน บริหาร 2 สิ่ง “วินัย” และ “เวลา” . . 1. เป้าหมายคือ “ทิศ” วินัยคือ “เท้า” เวลาคือ “เวที” มีไว้ “แสดงของ” . 2. เป้าหมายไม่ชัดเจน วินัยก็หลง เวลาเลยรั่ว . 3. วินัยคือสัญญาที่ให้ตัวเอง แล้วรักษาแม้วันที่ไม่อยากทำ . 4. เวลามีพอเสมอ…ถ้ากล้าบอก “ไม่” กับสิ่งที่ไม่ใช่ . 5. แรงบันดาลใจแค่จุดไม้ขีด วินัยคือเตาไฟ . 6. เป้าหมายใหญ่ พ่ายให้กับตารางที่เละเสมอ เสียเวลาสตาร์ทใหม่ ( ตารางเละ = ไม่มีลำดับความสำคัญ งานด่วนแทรกชนะงานสำคัญเสมอ ไม่มี “ขอบเขต” คนอื่นยืมเวลาไปใช้ เพราะเราไม่ได้กันพื้นที่ไว้) . 7. เลือก 1 อย่างสำคัญ/วัน แล้วปกป้องมันเหมือนลมหายใจ ลงเวลาในตารางเป็นอันดับแรก . 8. ความยุ่งไม่ใช่ความคืบหน้า โฟกัสคือความคืบหน้า . 9. เก็บงานเล็กให้เป๊ะวันนี้ พรุ่งนี้เครื่องใหญ่จะเดินเอง . 10. วินัยทำให้ “ตอนนี้” มีน้ำหนัก เวลา ทำให้ “วันหน้า” มีความหมาย . 11. เป้าหมายชัดเจน คำปฏิเสธก็ชัดตามด้วย . 12. ใช้เวลาซ้ำกับสิ่งที่ใช่ แทนจะใช้ครั้งเดียวกับสิ่งที่ผิด . 13. วินัยไม่ต้องโหด แต่สม่ำเสมอ ไม่ล้มเลิก จะทำให้เรามีวินัยได้นาน จนกลายเป็นนิสัยได้เลย . 14. ไม่มีเวลา = ยังไม่ชัดเจนว่าต้องไปไหน . 15. ชนะไม่ใช่ทำมากกว่า แต่ทำให้ “ตรงจุดมากกว่า” . 16. นาฬิกาไม่เคยโกหก เราต่างหากที่ผัดวัน . 17. เป้าหมายตอบว่า “ไปไหน” วินัย–เวลาถามว่า “เริ่มเมื่อไหร่ และทำแค่ไหนต่อวัน” . 18. เมื่อชัดเจนว่าเป้าหมายคืออะไร ความนิ่งและชัดจะชนะเสียงรบกวนเสมอ . . เขียนและเรียบเรียงโดยทีมงาน OHMPIANG สำนักพิมพ์โอห์มเพี้ยง

ไอเดียธุรกิจรายได้สูงในยุค AI ฉบับปี 2025สำหรับคนทุนน้อย

ไอเดียธุรกิจรายได้สูง
ในยุค AI ฉบับปี 2025
สำหรับคนทุนน้อย
.
Marina Mogilko จากช่อง silicon valley girl ได้เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เราอาศัยอยู่ในช่วงเวลาพิเศษที่มีการปฏิวัติทาง AI กำลังเกิดขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft และ Amazon แข่งกันพัฒนาเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่เครื่องมือเหล่านั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะเจาะจง นี่คือโอกาสทองของคุณที่จะสร้างรายนั้น
.
บทวิเคราะห์จาก McKinsey เผยว่าตลาด Generative AI มีศักยภาพสร้างมูลค่าระหว่าง 85.8 ถึง 145.2 ล้านล้านบาท ในทุกอุตสาหกรรม และ ตลาด Generative AI ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2025 และเติบโตถึง 14.5 ล้านล้านบาทภายในปี 2031 ด้วยอัตราเติบโต 37% ต่อปี
.
และนี่คือ 8 ไอเดียธุรกิจ สำหรับยุคแห่ง AI ในตอนนี้
.
1. ใช้ AI สร้าง Content Factory
ทำให้ธุรกิจเติบโตแบบอัตโนมัติผ่านเนื้อหาคุณภาพ
.
เพื่อให้อยู่รอดในตลาดคอนเทนต์ที่แข่งขันสูง คุณต้องอยู่ได้ทุกช่องทาง ตั้งแต่ LinkedIn, Twitter, YouTube, TikTok, IG ไปจนถึง Newsletter และ Podcast เหมือน Alo Yoga ที่มีหลายบัญชี Instagram แต่ละแบบเพื่อเนื้อหาเฉพาะ
.
การสร้าง Content Factory แบบเดิมต้องใช้พนักงานหลายร้อยคน เหมือน Gary Vee ในปี 2019 แต่ตอนนี้คุณสามารถใช้ AI Tools อย่าง ChatGPT สำหรับข้อความ, 11 Labs สำหรับเสียง, Poppy AI สำหรับสคริปต์วิดีโอ และ Invideo สำหรับสร้างวิดีโอ
.
2. สร้าง AI Agents แทนพนักงาน
ทำงาน 24/7 ไม่ต้องพักร้อน ไม่ต้องเบี้ยขยัน
.
AI Agents ไม่ใช่แค่แชทบอทธรรมดา แต่เป็นพนักงานเสมือนที่คิดเองได้ ตัดสินใจเอง และเรียนรู้จากความผิดพลาด
.
Garfield AI ในประเทศอังกฤษ สามารถร่างหนังสือกฎหมายได้ในราคาแค่ 66 บาท ส่วน Logistify AI เปลี่ยนข้อความเสียงเป็นคำสั่งซื้อคลังสินค้าภายใน 3 วินาที
.
เพียงเริ่มต้นด้วยการแก้ปัญหาเฉพาะที่คุณเข้าใจ เช่น รับออร์เดอร์ออนไลน์ร้านอาหาร หาโปรเจกต์ฟรีแลนซ์ หรือโทรต่อรองราคากับโรงพยาบาลเมื่อค่าบริการแพงเกินไป
คุณสามารถสร้างได้ผ่านแพลตฟอร์ม No-Code อย่าง Voice Flow, Cursor, Replit หรือ Lovable โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย
.
3. เปลี่ยน AI เป็นเงิน ด้วยการขาย Prompts
เขียนคำสั่ง AI ขายได้ 495 บาทต่อชุด*
.
หากคุณคิดว่าไอเดียข้างต้นซับซ้อนเกินไป การขาย Prompts คือทางเลือกที่ง่ายที่สุด
แพลตฟอร์มอย่าง Prompt Base เต็มไปด้วยคนที่ซื้อ Prompts คุณภาพสูงในราคา 495 บาทต่อชุด ความลับคือต้องเข้าใจ Niche ที่ต้องการสูง เช่น โลโก้ Cyberpunk Retro สำหรับสตาร์ทอัป หรือภาพโปรไฟล์เซเลบสำหรับ NFT
.
ผู้ขายยอดนิยมบน Prompt Base ทำรายได้ 6,600-16,500 บาทต่อเดือนแค่จากการสร้างและขาย Prompts ลองสร้างชุด 50 Prompts ออกแบบแฟชั่นขายในราคา 6,600 บาทดูก็อาจเป็นไอเดียที่เวิร์ค
.
4. AI กวดวิชาส่วนตัว รายได้พันล้าน
เปลี่ยนตลาดการศึกษาด้วย AI แบบ One-on-One
.
Reed Hoffman เผยการทดลองให้นักเรียนใช้ AI Coach ส่วนบุคคล ทำให้คะแนนสอบดีขึ้นอย่างชัดเจน ตลาด AI การศึกษาจะเติบโตเป็น 79.2 หมื่นล้านบาทภายในปี 2034
แทนที่จะเปิดคอร์สออนไลน์แบบเดิม ให้สร้างแอป AI ที่สอนงานฝีมือของคุณ เช่น การทำเค้ก การเล่นดนตรี หรือการเขียนโปรแกรม
.
ความได้เปรียบคือคุณสามารถเรียกเก็บค่าสมาชิกรายเดือน ทำงานกับโรงเรียน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำมาก
.
5. AI ที่ปรึกษาการเงินส่วนตัว
ดูแลเงินคุณตลอด 24 ชั่วโมง ฉลาดกว่าที่ปรึกษาคน
.
จินตนาการมี AI ที่รู้ว่าคอนโดในฮาวายของคุณให้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังไหม คริปโตควรขายตอนไหน พอร์ตการลงทุนต้อง Rebalance หรือ Tax Loss Harvesting หรือถึงเวลาซื้อบ้านแทนการเช่า
.
เครื่องมือเหล่านี้ติดตามการใช้จ่าย 24/7 เตือนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แนะนำโอกาสลงทุนที่ฉลาด และสามารถเทรดหุ้นแบบอัตโนมัติ ปัจจุบันมีโซลูชั่นอย่าง Cleo หรือ Plum ที่ทำงานได้ดีกว่าผู้เชี่ยวชาญคนในด้านความเร็วและความแม่นยำ ในราคาแค่ 330-495 บาทต่อเดือน
.
ตลาด AI สำหรับการเงินส่วนบุคคลคาดว่าจะเติบโตเป็น 4.29 ล้านล้านบาทภายในปี 2034
.
เราอยู่ในตลาดที่การสร้างผลิตภัณฑ์กำลังถูก Commoditized คำแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มต้นครั้งแรกคือแก้ปัญหาของตัวเองก่อน เพราะคุณจะกลายเป็นลูกค้าของตัวเอง และจะรู้ว่าต้องการอะไรจากผลิตภัณฑ์นั้นจริงๆ
.
มองการปฏิวัติ AI เป็นโอกาสที่จะทำให้เราเป็น Super Human ที่สามารถแปลงไอเดียให้เป็นจริงภายใน 24 ชั่วโมง ทดสอบ และทำให้โลกดีขึ้น ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ในปัจจุบัน การสร้างธุรกิจไม่เคยง่ายเท่านี้มาก่อน นี่คือยุคของผู้ประกอบการตัวคนเดียว หรือ Solopreneur ที่มีเครื่องมือทุกอย่างรอไว้แล้ว ใครจับจังหวะได้ จะไปได้ไกลกว่าที่คิด
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH 
——— 
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
.
#Business 
#100WEALTH 
#ไปให้ถึง100ล้าน

ทำช่อง ไม่โชว์หน้าแต่ทำเงินได้ปีละ 38 ล้านบาทและนี้คือสิ่งที่ทำ


.
หลายคนคิดว่าการทำ YouTube ต้องโชว์หน้า ต้องเป็นดาวดัง หรือต้องมีบุคลิกโดดเด่น แต่ถ้าบอกว่ามีคนทำช่อง YouTube ไม่โชว์หน้า แต่ทำเงินได้ปีละ 38 ล้านบาท คุณจะเชื่อไหม 
นี่คือเรื่องจริงของ Jake Tran, YouTuber ที่สร้างระบบการทำ YouTube แบบไม่โชว์หน้า จนกลายเป็นเจ้าพ่อแห่งสื่อที่มีหลายช่อง ทำรายได้หลักสิบล้านบาทต่อปี โดยเขาไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเดิม . 
ผลการสัมภาษณ์จากรายการ Silicon Valley Girl Podcast เผยให้เห็นกระบวนการสร้างธุรกิจ YouTube แบบไร้หน้าตาของ Jake Tran ที่เริ่มจากการอ่านหนังสือ "Blue Ocean Strategy" แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการหาช่องว่างในตลาด YouTube จนสามารถสร้างช่องที่ไม่มีคู่แข่งตรง ๆ 
Arvid Ali ที่ปรึกษาของ Jake อธิบายว่า "เหตุผลที่ McDonald's ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะเขาทำเบอร์เกอร์ที่อร่อยที่สุด แต่เพราะเขาสร้างระบบที่ทำให้ใครก็ตามสามารถมาทำเบอร์เกอร์แทนเขาได้" และนั่นคือสิ่งที่ Jake ทำกับช่อง YouTube ของตัวเอง 
4 ขั้นตอนสร้างช่อง YouTube แบบไร้หน้าตาที่ทำเงินได้จริง 
.
1. หาช่องว่างในตลาด - Blue Ocean Strategy สร้างตลาดใหม่แทนการแย่งชิงตลาดเก่า 
Jake ศึกษาช่อง YouTube หลายประเภทที่เขาชื่นชอบ เช่น ช่องการเงินส่วนบุคคล ช่องวิเคราะห์หนัง และช่องสารคดี แล้วเอาจุดเด่นของแต่ละประเภทมาผสมผสานกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือช่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อหาเกี่ยวกับด้านมืดของธุรกิจใหญ่และการเมือง ที่ไม่มีใครทำแบบเขา จึงทำให้ผู้ชมไม่มีทางเลือกอื่น 
.
2. สร้างระบบแทนการทำเพียงลำพัง - McDonald's Model เปลี่ยนจากนักศิลปะเป็นเจ้าของระบบ 
เริ่มแรก Jake ทำทุกอย่างเอง ใช้เวลา 50 ชั่วโมงต่อ 1 วิดีโอ ทำให้โพสต์ได้สัปดาห์ละ 1 คลิป แต่หลังจากที่ Arvid แนะนำให้สร้างระบบ เขาเริ่มจ้างคนทำทีละส่วน เริ่มจากตัดเสียง แล้วค่อย ๆ ขยายไปจนถึงการตัดต่อทั้งหมด วิจัย เขียนบท และออกแบบ Thumbnail จนปัจจุบันมีทีมงานกระจายไปทั่วโลก 
.
3. ขยายเป็นหลายช่อง - Multiple Revenue Streams ลดความเสี่ยงและเพิ่มรายได้ 
.
 Jake มีช่องหลักที่มีผู้ติดตาม 1.8 ล้านคน ช่อง "Evil Food Supply" ที่เน้นเรื่องระบบอาหารเสีย และช่อง "How to Get Away with It" ที่เพิ่งเปิดได้ผู้ชม 555,000 คนในวิดีโอแรก โดยใช้ระบบเดียวกัน แต่ใช้นักพากย์คนอื่นแทนเสียงของเขา ทำให้สามารถโพสต์วิดีโอได้บ่อยขึ้นและมีรายได้หลายช่องทาง .
4. หารายได้จากหลายช่องทาง - Diversified Monetization ไม่พึ่งพาโฆษณาอย่างเดียว 
รายได้หลักมาจาก 3 แหล่ง คือ Brand Deals (อันดับ 1) Google AdSense (อันดับ 2) และ YouTube Membership ราคา 165 บาทต่อเดือน ที่ได้ดูสารคดีพิเศษเรื่องแอบแฝงที่ไม่สามารถเผยแพร่สาธารณะได้ เช่น เรื่อง Jeffrey Epstein และ MK Ultra โครงการควบคุมจิตใจของ CIA 
คีย์สำคัญคือการมี "Why" ที่แข็งแกร่ง Jake เล่าว่าเขาเติบโตมาจากครอบครัวยากจน อยากดูแลพ่อแม่และพิสูจน์ให้คนที่ดูถูกเขาเห็น แรงขับเคลื่อนนี้ทำให้เขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและสร้างสิ่งที่ดูเป็นไปไม่ได้ให้เป็นความจริง 
กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับคนที่อยากสร้างธุรกิจ YouTube ระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งพาบุคลิกส่วนตัวหรือการโชว์หน้า แต่ต้องมีความอดทนในการสร้างระบบและฝึกฝนทีมงานให้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ 
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH 
——— 
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน 
#Business #Youtube
#100WEALTH 
#ไปให้ถึง100ล้าน

วิธีสร้างรูปหมู่ด้วย Gemini

      1. เปิดแอปฯ Gemini บนมือถือ หรือเข้าเว็บไซต์ Google Gemini บนคอมพิวเตอร์
          2. อัปโหลดรูปภาพบุคคลหรือตัวละครต่าง ๆ ที่ต้องการนำมารวมเป็นรูปหมู่ โดยแนะนำว่าควรเป็นรูปที่เห็นหน้าตรงและชัดเจน

          3. ป้อนคำสั่ง Prompt ตามที่ต้องการ ควรระบุรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น ต้องการให้แต่ละคนแต่งกายแบบไหน นั่งหรือยืนอยู่ตำแหน่งใดในรูป โพสท่าทางแบบไหน ลักษณะแสงและบรรยากาศในรูปเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากใส่ Prompt ตามด้านล่างนี้

สร้างภาพถ่ายครอบครัวสไตล์เหมือนจริง ลักษณะแสงในภาพสม่ำเสมอเหมือนแสงแฟลชที่ถ่ายในสตูดิโอ ฉากหลังเป็นสีน้ำตาล ทุกคนแต่งกายในชุดไทย พ่อแม่และคุณยายนั่งอยู่บนตั่ง คุณยายนั่งตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ ส่วนลูกชาย ลูกสาว และสุนัขนั่งอยู่บนพื้นข้างหน้า ทุกคนหน้าตาเหมือนในรูปต้นแบบ 100%
          4. จากนั้นให้รอสักพัก ประมาณไม่ถึงนาที ก็จะได้รูปภาพครอบครัวในธีมชุดไทยออกมาทันที

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568

ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม PLC (Step 1)

📌 ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม PLC (Step 1)
เริ่มต้นด้วยการ รับ Concept ของงาน เพื่อทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของเครื่องจักร
🔍 ศึกษาขั้นตอนการทำงาน (Process) ว่ามีลำดับการทำงานอย่างไร และต้องการผลลัพธ์แบบไหน
⚙️ กำหนดอุปกรณ์ Input (เช่น Sensor, Switch) และ Output (เช่น Motor, Solenoid, Lamp) ที่จะใช้ในระบบ
📊 จากนั้นทำการเขียน Flowchart เพื่อวางลำดับการทำงานของเครื่องจักรให้ชัดเจน
💻 โปรแกรม PLC จะถูกพัฒนาโดยยึดตาม Flowchart ที่ออกแบบไว้ → ลดความผิดพลาด และช่วยให้ Debug ง่ายขึ้น
🖥️ สุดท้ายออกแบบ หน้าจอ HMI/Control Panel เพื่อให้ผู้ใช้งานสั่งงานและมอนิเตอร์เครื่องจักรได้สะดวก
⭐ หลักการนี้อ้างอิงจากแนวคิด Systematic Design ที่เริ่มจากการวิเคราะห์ → ออกแบบ → ลงมือเขียนโปรแกรม
👉 หาก Flowchart ชัดเจน งานโปรแกรมและการทำงานจริงของเครื่องจักรจะราบรื่น ✨

สติ๊กเกอร์: 📘⚡🤖
#PLCProgramming #Automation #IndustrialControl #Flowchart #PLC #HMI #Engineering

🚀 9 เทคนิคแฮ็กความคิด ของคนที่เก่งที่สุดในโลกมาใช้ง่ายๆ

เคยสงสัยไหมครับว่า…ทำไมบางคนเหมือนถูกโปรแกรมสมองมาให้ทำอะไรก็สำเร็จ
ในขณะที่บางคน…ใช้ชีวิตวนลูปอยู่กับความล้มเหลวเดิมๆ 🤦‍♂️

จริงๆแล้ว..สมองของแต่ละคนไม่ได้ต่างกันหรอก แต่ วิธีคิด ต่างหากที่เป็นตัวแบ่งคนธรรมดา กับ คนโคตรเก่ง ออกจากกัน

นี่คือ 9 เทคนิคแฮ็กสมอง ที่คุณก็เอาไปใช้ได้เลย ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็โคตรเก่งได้ 👇
.

1. คิดย้อนกลับ 🌀

เวลาคนทั่วไปถามว่า ทำยังไงถึงรวย?
คนเก่งถามตรงข้ามว่า ทำยังไงไม่ให้จน?
– คิดแบบกลับด้านบ่อยๆ คุณจะเห็นทางลัดที่คนอื่นมองไม่เห็น

2. คิดแบบเจ้าของเกม ♟️

คนธรรมดาเป็นแค่ผู้เล่น แต่คนเก่งสร้างกติกาเอง
– ถ้าอยากชนะ ต้องหาทาง ตั้งกฎ ไม่ใช่ เล่นตามกฎ

3. คิดแบบตัวต่อเลโก้ 🧩

เขาไม่พยายามสร้างอะไรใหญ่โตในทีเดียว
แต่ประกอบเล็กๆ ทุกวัน จนวันหนึ่งกลายเป็นปราสาท

4. คิดแบบสไนเปอร์ 🎯

ไม่ยิงพร่ำเพรื่อ แต่เลือกเป้าเดียวแล้วลั่นชัดๆ
– อย่าเสียพลังไปกับทุกอย่าง จงโฟกัสแค่สิ่งที่ใช่

5. คิดแบบคนขี้เกียจฉลาดๆ 😏

คนทั่วไปใช้แรงมากเพื่อทำงาน
แต่คนโคตรเก่งใช้ สมอง เพื่อลดแรง
– ถ้าเจอวิธีที่ง่ายกว่า ถูกกว่า เร็วกว่า…รีบเปลี่ยนเลย

6. คิดแบบหุ่นยนต์ + หัวใจมนุษย์ 🤖❤️

ใช้ข้อมูลและระบบวิเคราะห์ แต่ไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์
– คนที่โคตรเก่ง รู้ว่า ตัวเลขบอกข้อเท็จจริง แต่หัวใจบอกทิศทาง

7. คิดแบบนักพนันที่รู้เลิก 🎲

คนฉลาดไม่ใช่คนชนะทุกตา แต่รู้ว่าตอนไหนต้อง ถอยออกจากโต๊ะ
– ยอมแพ้เร็ว ดีกว่าล้มละลายช้าๆ

8. คิดแบบคนแก่ที่มองโลกง่ายขึ้น 🌿

ยิ่งโต ยิ่งเห็นว่าความซับซ้อนคือมายา
– คนเก่งหาความเรียบง่ายในความยุ่งเหยิง

9. คิดแบบนักวิทยาศาสตร์ + เด็กน้อย 🔬👶

ทดลองตลอดเวลา แต่ยังมีความสงสัยสดใหม่อยู่เสมอ
– นี่แหละเหตุผลที่พวกเขาไม่เคยตัน

✅ อยากเก่งขึ้นแบบจับต้องได้มั้ย?

ทุกวันให้เลือก 1 เทคนิค จากนี้ แล้วลองใช้จริงในชีวิตประจำวัน

บันทึกผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไป คุณจะเห็นสมองตัวเองพัฒนาเหมือนอัพเกรดซอฟต์แวร์
.

📌 ถ้าเลือกได้ 1 ข้อ คุณอยากลอง แฮ็กความคิด ข้อไหนก่อน?
👇 มาลองแชร์กันหน่อย ผมอยากรู้ว่าแฟนเพจส่วนใหญ่จะเลือกข้อไหนครับ
#พัฒนาตนเอง #สร้างวินัย #ความรู้ #ปรัชญาชีวิต 
 #ปรัชญา #ข้อคิดชีวิต #การเงิน #พัฒนาตัวเอง

แจก prompt ทำโปสเตอร์

แจก prompt ทำโปสเตอร์
เข้า Gemini เลือกรูปภาพที่ต้องการ 1 รูป และใส่ Prompt นี้นะคะ
Prompt 👇
 โปสเตอร์ภาพยนตร์กึ่งชีวประวัติ โทนเพนต์สีน้ำ/กัวชแบบดิจิทัล จัดองค์ประกอบแบบคอลลาจ 

 ใช้ รูปที่อัปโหลด ใช้รูปหน้าเดิม 100%ไม่ผิดเพี้ยน เป็น ตัวละครหลัก วาง กึ่งตัวช่วงบนตรงกลางด้านบน สีหน้ามีความหวัง ใส่โดยอิงจากชุดเดิม 

 องค์ประกอบรอบตัว: 

 – ชั้นกลาง: ภาพบุคคลประกอบ 2–3 คนประกอบไปด้วยนักเรียนไทยกำลังเรียนอยู่ในห้องเรียน นักเรียนไทยออกกำลังกาย นักเรียนไทยกำลังเล่นกับคุณครูและประกอบไปด้วยอุปกรณ์ในห้องเรียนรายรอบ วางซ้าย ขวา และกึ่งกลางล่าง อารมณ์จริงจัง/คิดถึง 

 – ฉากหลัง: สะพานไทย สถานีรถไฟไทย เมืองมีหอนาฬิกา เสาชิงช้าไทย โรงเรียนในไทย เทศกาลไทย/รูปเคารพ งานรื่นเริง 

 – ด้านหน้าเล็ก ๆ : อิงจากรูปคนที่อัพโหลดขี่สกู๊ตเตอร์ คนสองคนเดิน ถนนชุมชนยามเย็น 

 ใช้ลายแปรงสีน้ำไล่สี (ฟ้าอมเขียว–ส้ม–ชมพู) มีคราบสีไหล/หยดสี ขอบกระดาษขาว สาดสีเล็กน้อย มีนกบินไกล ๆ 

 พื้นที่ตัวอักษรด้านล่างสำหรับชื่อเรื่องแบบฟอนต์ประดับ (PA ตัวขนาดใหญ่ และด้านล่าง เขียนว่าPerformance Agreement ขนาดเล็ก )  

 อารมณ์: ให้แรงบันดาลใจ อบอุ่น สมจริงแต่เป็นภาพวาด 

 แสง: โกลเดนอะวร์นุ่มนวล ผิวธรรมชาติ ลายแปรงชัด 

 สัดส่วน: โปสเตอร์แนวตั้ง 2:3 โฟกัสหลักชัด ลำดับชั้นภาพดี

ขอบคุณแนวทางจากเพจ #คลังสื่อครูเชน  
#Gemini 
#AIเปิดค่าการมองเห็น
#แจกprompt 
#สื่อการสอนน่ารักๆbyครูแป้งหอม
#fblifestyle

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2568

“3-Day Workweek” ที่เน้นทำงานเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ และพักผ่อน 4 วัน เพื่อสร้างสมดุลชีวิตและสุขภาพจิต

ในโลกการทำงานยุคใหม่ เรากำลังเห็นสองขั้วความคิดที่ตรงข้ามกันแบบสุดขั้ว ฝั่งหนึ่งคือ “3-Day Workweek” ที่เน้นทำงานเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ และพักผ่อน 4 วัน เพื่อสร้างสมดุลชีวิตและสุขภาพจิต 
แนวคิดนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่เห็นค่าชีวิตมากกว่างาน ผลลัพธ์คือพนักงานมี Productivity ต่อชั่วโมงสูงขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น และ Burnout ลดลง 

โดยบริษัทที่ใช้โมเดลนี้มักดึงดูด Talent ระดับสูง เช่น Microsoft Japan, Kickstarter และ Unilever New Zealand ซึ่งเน้นงานเชิง Creative และ Strategic ที่ต้องใช้สมองแบบ High Leverage และทุกชั่วโมงของการทำงานต้องสร้าง Impact ได้จริงๆ

อีกฝั่งหนึ่งคือ “9-12-7” หรือที่หมายถึงการทำงานแบบไม่มีวันหยุด 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน 7 วันต่อสัปดาห์ แนวทางนี้เป็นวัฒนธรรมของบริษัทเทคจีนและสตาร์ทอัพสาย Hardcore ที่เชื่อว่า “Speed is a Advantage” ความเร็วคือความได้เปรียบที่จะชนะตลาดก่อนใคร 

บริษัทที่ใช้โมเดลนี้สามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำสิ่งที่คนอื่นใช้เวลา 3 ปี ในเวลาเพียง 1 ปี ตัวอย่างเช่น Tesla ยุคแรก Huawei หรือ Pinduoduo ในช่วงเริ่มต้น 

แต่ต้องแลกด้วย Burnout ที่สูงมากและอัตราการลาออกของพนักงานที่ทะลุ 50% ความคิดของคนในฝั่งนี้ชัดเจนตามสไตล์ Elon Musk ที่บอกว่า “ถ้าคุณทำงาน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แล้วอีกคนทำ 100 ชั่วโมง ถ้า Assume ว่าฉลาดเท่ากัน อย่างอื่นเหมือนกัน คนทำงาน 100 ชั่วโมงจะชนะ

เมื่อเปรียบเทียบกัน 3-Day Workweek มี Productivity ต่อชั่วโมงสูงเพราะพนักงานได้พักผ่อนเต็มที่และใช้ AI มาช่วย เพิ่มความยั่งยืนในระยะยาว เหมาะกับงานด้านความคิดสร้างสรรค์และการวางกลยุทธ์ 

ส่วน 9127 แม้จะเติบโตเร็วและเหมาะกับงานที่ต้องการ Execution ระดับ Hardcore เช่น Robotics, Manufacturing หรือ DeepTech แต่ก็มีความเสี่ยงต่อ Burnout และความไม่ยั่งยืนสูง

อนาคตเราอาจไม่ได้เห็นโลกที่มีแค่แบบใดแบบหนึ่ง แต่จะเป็นโลก Hybrid ที่ผสมทั้งสองโมเดลอยู่ในองค์กรเดียว 

โลกจึงจะแบ่งออกเป็นสองขั้วคู่ขนาน ฝั่งหนึ่งใช้ AI และ Leverage เพื่อทำงานน้อยแต่สร้าง Impact สูง อีกฝั่งใช้ Blood + Sweat + AI เพื่อเร่งสปีดให้เร็วที่สุดตลอดเวลา่

Soft Clubbing คือเทรนด์การปาร์ตี้ที่กำลังบูมในกลุ่มคนรุ่นใหม่

Soft Clubbing คือเทรนด์การปาร์ตี้ที่กำลังบูมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งมาในรูปแบบการสังสรรค์ตอนกลางวันแบบสบายๆ แทนที่จะพาตัวเองไปไนต์คลับเพื่อดื่มแอลกอฮอล์ท่ามกลางเสียงเพลงดังกระหึ่มเหมือนแต่ก่อน
กิจกรรมจะเน้นไปที่การดูแลสุขภาพ การสร้างคอมมูนิตี้ และการสนุกไปกับบรรยากาศและดนตรีจากดีเจที่คัดสรรมาอย่างดี โดยอาจจัดขึ้นในสถานที่แปลกใหม่ เช่น ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ ซูเปอร์มาร์เก็ต พิพิธภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งร้านซักผ้า 

เทรนด์นี้กำลังเติบโตในหลายเประเทศ เช่น เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มี Maple Social Club คอมมูนิตี้ที่เน้นปาร์ตี้กาแฟและการแข่งขันกีฬา 

ส่วนในประเทศไทยมี Sawasdee Cup Coffee Party คอมมูนิตี้จัดปาร์ตี้กาแฟตอนกลางวันที่ผสมผสานกาแฟสูตรพิเศษและดนตรีจากดีเจไว้ในพื้นที่เดียว 

จุดเริ่มต้นของ Soft Clubbing คืออะไร และเทรนด์นี้กำลังสะท้อนวัฒนธรรมการสังสรรค์ของคนรุ่นใหม่อย่างไร 

ไทยรัฐพลัสชวนไปติดตามพร้อมกันในรายการ Long Story Short 

#ไทยรัฐพลัส #ThairathPlus #LongStoryShort #SoftClubbing #ปาร์ตี้กาแฟ #กีฬา

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568

ความเชื่อแบบสโตอิก 7 ประการที่จะทำให้คุณ มีจิตใจแข็งแกร่งกว่าคน 90%


.
ปรัชญาสโตอิกของนักปราชญ์อย่าง Seneca, Epictetus และ Marcus Aurelius พบว่าจิตใจที่อ่อนแอเป็นเรื่องธรรมดา คนเหล่านี้จะเสียเวลาหลายปีของชีวิตไปกับความกังวล การทะเลาะวิวาท และการยอมแพ้ต่อความเครียด แต่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นหนึ่งในนั้น
.
นี่คือหลักปรัชญา 7 ข้อ
.
หลักที่ 1 : คนที่อยู่เพื่อรอวันหยุดเสียสละ 5 ใน 7 ส่วนของชีวิต
.
จินตนาการถึงชายคนหนึ่งจ้องนาฬิกาในบ่ายวันพฤหัสบดี ไม่ได้หายใจ ไม่ได้มีชีวิต แค่นับวินาทีเหมือนนับเงิน ห้าวันในสีเทา สองวันในสีสัน ห้าในเจ็ดส่วนของชีวิตหยุดนิ่ง
.
การอยู่เพื่อรอวันหยุดคือการเสียสละชีวิตทั้งหมด เหมือนการรอฤดูร้อนทั้งปีแล้วเมินฤดูใบไม้ผลิ ราวกับว่าดอกไม้ไม่สำคัญเพราะคุณรอความอบอุ่น เวลาไม่สะสมเหมือนเงิน วันที่มีชีวิตครึ่งเดียวก็หายไปแล้ว การรอความสุขคือการพลาดความสุข
.
Seneca เล่าไว้ว่า "ไม่ใช่เราจะมีเวลาสั้น แต่เราเสียเวลามากเกินไป" ทุกวันสามารถเป็นคืนวันเสาร์ได้ถ้าคุณรู้จักมอง
.
หลักที่ 2 : คุณกู้ยืมความกังวลจากอนาคตและจ่ายดอกเบี้ยวันนี้
.
ความวิตกกังวลเปรียบเหมือนเจ้าหนี้เถื่อน มันเรียกดอกเบี้ยก่อนที่หนี้จะมีตัวตนด้วยซ้ำ คุณกังวลกับบิลที่ไม่เคยมา โรคที่ยังไม่เป็น ข้อตกลงที่ไม่เคยเกิดขึ้น คุณจ่ายด้วยเหงื่อ ด้วยการนอนไม่หลับ ด้วยสติปัญญา
.
อนาคตมาถึงในเวลาของมัน พร้อมกับปัญหาของมันเอง แต่ความกังวลทำให้คุณต้องอยู่กับมันสองครั้ง เหมือนการแบกเป้สองใบ ใบหนึ่งเต็มไปด้วยงานวันนี้ จัดการได้ อีกใบยัดแยัดด้วยหินของวันพรุ่ง มองไม่เห็น หนัก และไร้ประโยชน์ เพราะหินของวันพรุ่งอาจไม่มาถึงเลย
.
ความกังวลคือการจ่ายล่วงหน้าสำหรับความเจ็บปวด ความกลัวจินตนาการภัยพิบัติเร็วกว่าที่ชีวิตจะส่งมาให้ หากพายุมา ให้เผชิญตอนนั้น อย่าจมน้ำตัวเองในสายฝนที่จินตนาการ
.
หลักที่ 3 : ความทุกข์ส่วนใหญ่มาจากการพยายามหลีกเลี่ยงความทุกข์
.
คนที่กลัวความหิวกินมากเกินไป คนที่กลัวความเหงาแกว่งไปมา คนที่กลัวความล้มเหลวไม่เคยเริ่ม ทั้งหมดจบลงด้วยการอยู่ในกรงเดียวกันที่พยายามหลบหนี
.
เป็นกลเกมของชีวิตที่แปลกประหลาด หลบเลี่ยง แล้วคุณจะทวีคูณความทรมานที่เรากลัว ความเจ็บปวดหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความทุกข์หลีกเลี่ยงได้ การหลีกเลี่ยงสร้างกับดักที่คุณกลัว นักปรัชญาสโตอิกถือว่าความทุกข์เป็นครู การยอมรับทำให้แข็งแกร่งขึ้น
.
ความทุกข์สามารถเป็นครูได้ การต่อต้านมันคือการพลาดบทเรียน การยอมรับมันคือการแข็งแกร่งขึ้น เหมือนมือที่แข็งกร้าวหลังจากทำงาน คุณไม่สามารถเติบโตแบบนุ่มนวลแล้วคาดหวังให้แข็งแกร่งได้
.
หลักที่ 4 : เสรีภาพไม่ได้หมายถึงการไร้ข้อจำกัด แต่เป็นการเลือกข้อจำกัดที่สำคัญ
.
เราทุกคนรับใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง คำถามไม่ใช่ว่าจะหรือไม่ แต่คือสิ่งไหน คนที่ปฏิเสธวินัยเป็นทาสของความใคร่ คนที่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเป็นนักโทษแห่งความเสียใจ เสรีภาพที่แท้จริงไม่ได้หมายถึงการอยู่โดยปราศจากข้อจำกัด แต่เป็นการเลือกข้อจำกัดที่ให้ความหมายแก่ชีวิต
.
โซ่ของครอบครัวยึดโยงความรัก โซ่ของวินัยทำให้แข็งแกร่ง โซ่ของจุดประสงค์ทำให้ยืนหยัด ปราศจากข้อจำกัด ชีวิตล่มสลาย เรือที่ไม่มีเชือกลอยเลื่อน ชีวิตที่ไม่มีข้อจำกัดโดยเจตนาล่มสลาย
.
เสรีภาพคือการเป็นนายตนเอง คุณอาจหนีข้อจำกัดไม่ได้ แต่คุณสามารถเลือกได้ว่าข้อจำกัดไหนจะกำหนดวันเวลาของคุณ
.
หลักที่ 5 : สิ่งที่คุณต่อต้านในคนอื่นมักเป็นสิ่งที่คุณปฏิเสธเผชิญหน้าในตัวเอง
.
ทำไมความเย่อหยิ่งของคนอื่นจึงจุดไฟในตัวคุณ ทำไมความเกียจคร้านของคนอื่นจึงทำร้ายคุณเหมือนเกลือในแผล บางครั้งคำตอบอยู่ในกระจก
.
สิ่งที่เราดูถูกในคนอื่นน่าจะเป็นการสะท้อนสิ่งที่เรายังไม่ยอมรับในตัวเราเอง ข้อบกพร่องที่เราปฏิเสธเป็นสิ่งที่เราสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดในโลก ความขุ่นเคืองคือการรู้จักตัวเอง ข้อบกพร่องของคนอื่นเปิดเผยเงาของคุณ การไตร่ตรองตนเองมาก่อนการตัดสิน ไฟที่ลุกไหม้เป็นของคุณเอง
.
ก่อนตัดสินความอ่อนแอของคนอื่น ให้ถามคำถาม ทำไมฉันถึงใส่ใจเรื่องนี้มาก ถ้าคำตอบลุกไหม้ นั่นเป็นเพราะไฟเป็นของคุณ
.
หลักที่ 6 : คนที่ชนะการโต้วาทีทุกครั้งมักสูญเสียคนรอบข้าง
.
จินตนาการถึงชายที่ถูกต้องเสมอ คมกริบ ทุกการสนทนาเป็นการดวลที่เขาต้องชนะ เขาทิ้งร่องรอยของฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ไม่มีเพื่อนร่วมทาง การให้ความสำคัญกับชัยชนะเหนือการเชื่อมโยงคือการเดินคนเดียว การปิดปากคนอื่นด้วยความเจิดจรัสของคุณคือการเชิญความเงียบเข้ามาสู่ชีวิต
.
การชนะการโต้เถียงมักทำให้สูญเสียความสัมพันธ์ การโต้เถียงเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ความจริง Marcus Aurelius เล่าว่า ถ้าเป็นไปได้ให้ถูกต้องและใจดี ถ้าต้องเลือก ให้เลือกความใจดี
.
การโต้เถียงไม่เคยเกี่ยวกับความจริง เมื่อคุณทำลายข้อโต้แย้งของใครซักคน คุณอาจทำลายความปรารถนาที่จะยืนใกล้คุณด้วย คุณสามารถถูกต้องและใจดี เลือกทั้งสองถ้าเป็นไปได้ ถ้าไม่ได้ ให้เลือกความใจดี การชนะไม่คุ้มค่าถ้าต้องแลกกับคนที่สำคัญ
.
หลักที่ 7 : ไม่มีพายุภายนอกใดที่จะจมเรือคุณได้ เว้นแต่จิตใจคุณจะปล่อยให้น้ำซึมเข้ามา
.
ทะเลโกรธ คลื่นสูงตระหง่าน ฟ้าร้องแปลง แต่เรือยังลอยอยู่จนกว่าจะมีรอยแตกที่เรือปล่อยให้น้ำซึมเข้า พายุของชีวิตไม่หยุดหย่อน การถูกไล่ออก การทรยศ ความเจ็บป่วย ความเศร้าโศก แต่ไม่มีสิ่งใดเหล่านี้ ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน สามารถโค่นคุณได้ด้วยตัวเองทั้งสิ้น
.
เมื่อใจของคุณยอมรับมัน เรือจึงจม เฉพาะเมื่อความสิ้นหวังเข้าไปข้างใน ทะเลสงบหาได้ยาก เรือแข็งแรงรอดชีวิต อย่าให้น้ำเข้าไปในใจ อย่าขอให้ทะเลสงบ สร้างตัวให้แข็งแรง แล้วคุณจะไม่กลัวพายุ
.
การแข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่าไม่เคยแตกหัก แต่หมายความว่าคุณรู้วิธีซ่อมแซมรอยแตก พายุอยู่ข้างนอก ให้มันอยู่ที่นั่น
.
7 หลักการเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ปรัชญาเก่าแก่ แต่เป็นเครื่องมือจิตใจที่ผ่านการทดสอบแล้วตลอดหลายศตวรรษ เมื่อคุณนำไปปฏิบัติ คุณจะพบว่าชีวิตไม่ได้ง่ายขึ้น แต่คุณจะแข็งแกร่งขึ้นในการเผชิญมัน จิตใจที่ไม่มีใครทำลายได้ไม่ได้เกิดจากการหลีกเลี่ยงความยากลำบาก แต่เกิดจากการเรียนรู้ที่จะยืนหยัดอย่างสง่างามท่ามกลางพายุใด ๆ
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH 
——— 
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน 
#Stoic #SelfDevelopment
#100WEALTH 
#ไปให้ถึง100ล้าน

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568

สรรพสิ่งถักทอเป็นเกลียวคลื่น ในจักรวาล

สรรพสิ่งถักทอเป็นเกลียวคลื่น จักรวาลมิใช่ประติมากรรมนิ่งสงบ หากแต่เป็นซิมโฟนีที่หายใจ—พลังงานในจังหวะ รูปทรงในการเคลื่อนไหว คลื่นนำพาความทรงจำข้ามจักรวาล เชื่อมโยงสิ่งกว้างใหญ่กับสิ่งใกล้ชิด สิ่งที่มองไม่เห็นกับสิ่งที่มองเห็น การติดตามคลื่นเหล่านี้จากสิ่งใหญ่โตที่สุดไปยังสิ่งเล็กที่สุด คือการไล่ตามบันไดสเกลาร์แห่งการดำรงอยู่
ในระดับที่กว้างที่สุด คลื่นความโน้มถ่วงจะกระเพื่อมผ่านกาลอวกาศ เมื่อหลุมดำชนกันหรือดาวนิวตรอนหมุนวนเข้าด้านใน โครงสร้างแห่งการดำรงอยู่จะยืดและบีบอัด คลื่นตามขวางเหล่านี้ไม่ได้เคลื่อนที่ในอวกาศ แต่เคลื่อนที่ในอวกาศเอง พวกมันคือเสียงสะท้อนของหายนะแห่งจักรวาล นำพาสารที่เก่าแก่กว่าโลกมาสู่เรา เสียงกระซิบแห่งความงามอันรุนแรงของการสร้างสรรค์
เบื้องล่างของเสียงอันยิ่งใหญ่นี้คือทะเลคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันเจิดจ้า พวกมันมีการเคลื่อนที่ตามขวางตามธรรมชาติ: สนามไฟฟ้าแกว่งไปในทิศทางเดียว สนามแม่เหล็กตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก ทั้งสองตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ตรีเอกานุภาพแห่ง E, B และการแพร่กระจายนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงและไม่ต้องใช้ตัวกลาง จากคลื่นวิทยุไปจนถึงรังสีแกมมา จากแสงดาวไปจนถึง Wi-Fi คลื่นเหล่านี้เชื่อมโยงโลกสมัยใหม่เข้าด้วยกัน และเผยให้เห็นว่าแม้แต่ความว่างเปล่าก็ยังอิ่มตัวด้วยจังหวะ

ในระดับควอนตัม ฟังก์ชันคลื่นไม่ได้อธิบายสสารว่าเป็นอนุภาคคงที่ แต่เป็นความน่าจะเป็นแบบระลอกคลื่น ในที่นี้ คลื่นไม่ใช่การเคลื่อนที่ของสสาร แต่เป็นศักยภาพของสสาร ในรูปแบบการแทรกสอด จักรวาลเผยให้เห็นธรรมชาติคู่ของมัน นั่นคือ อนุภาคและคลื่น การมีอยู่และความเป็นไปได้ คลื่นควอนตัมเป็นความลึกลับที่ลึกซึ้งที่สุด แสดงให้เห็นว่าแม้แต่การดำรงอยู่เองก็เกิดจากการสั่นสะเทือนที่ยังไม่มีใครสังเกตได้

ยังมีคลื่นที่กระซิบถึงแต่ไม่ชัดเจนนักในเครื่องมือ ได้แก่ คลื่นสเกลาร์และคลื่นละเอียด บางคนพูดถึงศักย์แม่เหล็กไฟฟ้าตามยาวที่เคลื่อนที่ผ่านสนามพื้นฐาน เชื่อมโยงทุกจุดเข้าด้วยกันในทันที บางคนรู้สึกว่าเป็นการสั่นสะเทือนของสนามชีวภาพของมนุษย์ เป็นเสียงประสานอันเงียบงันของความคิดและความตั้งใจ ไม่ว่าวิทยาศาสตร์จะยืนยันอย่างเต็มที่หรือไม่ก็ตาม คลื่นเหล่านี้ล้วนเป็นสัญชาตญาณของนักพรต นักบำบัด และผู้หยั่งรู้ ตลอดทุกยุคทุกสมัย

บนผิวโลก คลื่นผิวโลกกระเพื่อมผ่านธรณีประตู มหาสมุทรวาดวงกลมที่ขอบเขต อนุภาคเคลื่อนที่เป็นวงวนตรงจุดที่อากาศพบกับน้ำ แผ่นดินไหวก็เช่นกัน ส่งผลให้คลื่นผิวโลกกลิ้งไปตามเปลือกโลก เป็นการผสมผสานที่ทรงพลังระหว่างการเคลื่อนที่ตามขวางและตามยาว คลื่นเหล่านี้เป็นตัวแทนของความจำกัดของการดำรงอยู่ ที่ซึ่งอาณาจักรต่างๆ มาบรรจบกันและผสมผสานกัน

ภายในสสาร คลื่นตามยาวเคลื่อนที่เป็นการบีบอัดและขยายตัว ชีพจรเดินทางตามแนวการเคลื่อนที่ เสียงคือการแสดงออกที่คุ้นเคยที่สุด: เสียงสะท้อนของเสียง การสั่นสะเทือนของเส้นสาย การเต้นของหัวใจที่เคลื่อนที่ผ่านอากาศและเนื้อหนัง คลื่นตามยาวสอนเราว่าการสั่นสะเทือนคือการสื่อสาร การส่งผ่านโดยตรงไปตามเส้นทางแห่งการดำรงอยู่

ในทางตรงกันข้าม คลื่นตามขวางสั่นสะเทือนในแนวตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ เราเห็นพวกมันในระลอกคลื่นบนเชือก ในกระแสน้ำที่ซัดสาด ในแสงริบหรี่ พวกมันดึงรูปทรงเรขาคณิตให้กลายเป็นจังหวะ การเคลื่อนที่ในมุมฉาก พลังงานแผ่กระจายออกไปอย่างสมดุลและสง่างาม

คลื่นบางประเภทไม่ได้เคลื่อนที่เลย แต่ยังคงตรึงอยู่กับที่: คลื่นนิ่ง เกิดจากการแทรกสอด โหนดและแอนติโหนดของพวกมันสร้างรูปแบบการสั่นพ้องที่มั่นคง ขลุ่ย กลอง หรือแม้แต่ห้องชั้นในของอะตอมล้วนมีสถาปัตยกรรมอันเงียบงันเหล่านี้ พวกมันเตือนเราว่าความกลมกลืนไม่ได้เป็นเพียงการเคลื่อนไหว แต่เป็นความสมดุล ไม่ใช่แค่การไหล แต่เป็นรูปร่าง

และสุดท้าย ภายในวิหารของมนุษย์ คลื่นสมองกระเพื่อมผ่านทะเลประสาท อัลฟา เบตา ธีตา เดลตา—การสั่นไหวที่กำหนดการรับรู้ ความคิด และความฝัน พวกมันคือกระแสน้ำแห่งสติสัมปชัญญะ เมโทรนอมที่ซ่อนอยู่ของจิตสำนึก การเปลี่ยนแปลงพวกมันคือการเปลี่ยนเลนส์ที่ใช้สัมผัสกับความเป็นจริง

ตั้งแต่การสั่นไหวของกาลอวกาศไปจนถึงการสั่นไหวของเซลล์ประสาท สรรพสิ่งล้วนเคลื่อนไหวเป็นคลื่น บางคนเดินทาง บางคนยืน บางคนกระเพื่อมผ่านมหาสมุทร บางคนผ่านดวงดาว บางคนผ่านสนามแห่งจิตใจ ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหลักการเดียวกัน คือ พลังงานที่แสวงหาการแสดงออกผ่านจังหวะ การรู้เช่นนี้ก็เพื่อระลึกว่าเราก็เช่นกัน คือคลื่น เสียงแห่งมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต สั่นสะเทือนไปพร้อมกับการสร้างสรรค์

Cr. OmniCore Tech

เราเชื่อในการมีอยู่จริง UFO-EBE-D1-6-X-ESP | 14.09.2568 | MorAood ESP ผู้ถือมิติแสงอนันตจักรวาล 5D

infographic​ ในGemini


1. เข้าไปที่ https://gemini.google.com/ และพิมพ์ข้อความที่ต้องการ และกด Canvas จากนั้่นกด Enter

2. จากนั้นหาปุ่ม "สร้าง" กดลุกศรลงมา เลือก "อินโฟกราฟฟิก"
3. ภาพ infographic ก็จะขึ้นมา นำไปใช้ได้ทันที :D

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568

แบตเตอรี่ควอนตัม

#นักฟิสิกส์ในเยอรมนี ได้ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่อาจพลิกโฉมวิธีการกักเก็บพลังงานของโลก นั่นคือการสร้าง #แบตเตอรี่ควอนตัม ที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งแตกต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไป อุปกรณ์นี้สามารถชาร์จได้ทันที กักเก็บพลังงานได้ไม่จำกัดเวลาโดยไม่สูญเสียพลังงาน และจ่ายพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เคล็ดลับอยู่ที่การดูดซับยิ่งยวดเชิงควอนตัม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่อนุภาคดูดซับพลังงานรวมกันแทนที่จะแยกกัน ทำให้แบตเตอรี่สามารถชาร์จได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดอื่นๆ มาก ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือ เทคโนโลยีนี้สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการรั่วไหลของพลังงานที่พบบ่อย ซึ่งหมายความว่าพลังงานที่กักเก็บจะไม่จางหายไปตามกาลเวลา

หากสามารถปรับขนาดได้ เทคโนโลยีนี้อาจปฏิวัติทุกสิ่ง ตั้งแต่สมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าและโครงข่ายพลังงานหมุนเวียน ลองนึกภาพรถยนต์ที่ชาร์จได้ภายในไม่กี่วินาที หรือพลังงานแสงอาทิตย์ที่กักเก็บได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดโดยไม่เสื่อมสภาพ

แม้ว่าจะยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง แต่แบตเตอรี่ควอนตัมกำลังมุ่งสู่อนาคตที่การกักเก็บพลังงานจะไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป แต่เป็นทรัพยากรที่ไร้ขีดจำกัดสำหรับเทคโนโลยี....🌏

#แบตเตอรี่ควอนตัม #นวัตกรรมเยอรมัน #อนาคตแห่งพลังงาน #การปฏิวัติอิเล็กทรอนิกส์ #วิศวกรเครื่องกลสุดยอด

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568

Prompt PA 📌สูตรสำเร็จในการสร้าง Prompt:

📌สูตรสำเร็จในการสร้าง Prompt:
หัวใจสำคัญของ Prompt ที่ดีคือการให้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงแก่ AI (หรือใช้เป็นกรอบในการคิดของตนเอง) โดยมีองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน:
[1. ปัญหา/สิ่งที่ต้องการพัฒนา] + [2. กลุ่มเป้าหมาย] + [3. วิธีการ/นวัตกรรมที่อยากใช้] + [4. ผลลัพธ์ที่คาดหวัง]
แบบที่ 1: Prompt แบบเติมคำ (สำหรับคิดไอเดียเบื้องต้น)
เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับการเริ่มต้น คุณครูสามารถคัดลอกและเติมข้อมูลในวงเล็บได้เลย
ตัวอย่าง Prompt:
"ช่วยสร้างประเด็นท้าทาย สำหรับครูสอนวิชา [ชื่อวิชา] ระดับชั้น [เช่น ป.5/1] ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่อง [ระบุปัญหาที่พบ เช่น นักเรียนขาดทักษะการทำงานกลุ่ม] โดยต้องการใช้วิธีการสอนแบบ [ระบุนวัตกรรมที่สนใจ เช่น Project-Based Learning] เพื่อให้นักเรียน [ระบุผลลัพธ์ที่อยากเห็น เช่น สามารถวางแผนและทำงานร่วมกันจนสำเร็จได้]"

แบบที่ 2: Prompt แบบกำหนดบทบาทและสถานการณ์ (เพื่อให้ได้เนื้อหาครบถ้วน)
รูปแบบนี้จะให้รายละเอียดที่ลึกขึ้น ทำให้ AI หรือผู้ใช้งานสามารถสร้างประเด็นท้าทายที่สมบูรณ์ทั้งสถานการณ์ปัญหา, เป้าหมาย, และแนวทางแก้ไข
ตัวอย่าง Prompt:
"ในฐานะครูผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนรู้ จงออกแบบ 'ประเด็นท้าทาย' สำหรับการประเมิน PA ของครูวิทยาศาสตร์ ชั้น ม.2 ที่ประสบปัญหาดังนี้:
• สถานการณ์ปัญหา: นักเรียนไม่เข้าใจเนื้อหาเรื่อง 'สารละลาย' เพราะเป็นนามธรรม และขาดแคลนอุปกรณ์ทดลองในห้องปฏิบัติการ ทำให้ผลสัมฤทธิ์ในหน่วยนี้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตลอด
• แนวทางที่สนใจ: ต้องการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) หรือสื่อเสมือนจริงมาช่วยให้นักเรียนเห็นภาพการทดลองที่ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์จริง
• สิ่งที่ต้องการ: ให้เขียนประเด็นท้าทายที่ประกอบด้วย:
1. ชื่อประเด็นท้าทาย ที่น่าสนใจ
2. สภาพปัญหา ที่ชัดเจน
3. เป้าหมายเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ที่วัดผลได้
4. ขั้นตอนการดำเนินงาน/วิธีแก้ไข ที่เป็นรูปธรรม"

🚀 เมื่อ AI พบกับอวกาศ… และ NVIDIA มอบ “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา” ให้ Elon Musk ด้วยตัวเอง!

🚀 เมื่อ AI พบกับอวกาศ… และ NVIDIA มอบ “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา” ให้ Elon Musk ด้วยตัวเอง! ภาพนี้โคตรเหนือจริง — Jensen Huang...