วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“พัก” = “นอน”? หรือเราเข้าใจผิดมาตลอดชีวิต…

“พัก” = “นอน”? หรือเราเข้าใจผิดมาตลอดชีวิต…
สารภาพตามตรง…ผมเองก็เคยคิดว่าถ้าเหนื่อย 
ก็ต้อง “นอนให้เยอะเข้าไว้”
ถ้าอ่อนล้า ก็ต้อง “ดื่มกาแฟแก้ง่วง”
หรือถ้าใจล้า ก็ให้รางวัลตัวเองด้วยของหวาน ๆ

แต่รู้ไหมครับ… จริง ๆ แล้ว
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิธีแก้ความเหนื่อยที่แท้จริงเลย!
.
ข้อมูลจากญี่ปุ่นบอกว่า 
คนญี่ปุ่นกว่า 80% รู้สึกเหนื่อยเรื้อรังตลอดเวลา
แต่เมื่อเทียบกับหลายประเทศ 
ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยก็ไม่ได้สูงเป็นพิเศษนะครับ
เพราะความจริงแล้ว คนญี่ปุ่น รวมถึงพวกเราหลายคน
 “ไม่เก่งเรื่องการพัก”
.
หลายคนอาจจะมีอาการแบบนี้…
“นอนเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกเพลีย”
“หยุดเสาร์-อาทิตย์แล้วก็ยังไม่สดชื่น”
“วันหยุดสุดท้ายก็เอาแต่นอนกลิ้ง ดูซีรีส์ยันเช้า”
“พอวันจันทร์มา กลับยิ่งหมดแรงกว่าเดิม”

เหตุผลเพราะเราเข้าใจว่า “พัก = นอน” 
แต่จริง ๆ แล้ว ความเหนื่อย
เป็นเหมือน “สัญญาณเตือน” ของร่างกาย 
เหมือนไข้หรืออาการเจ็บปวด 
ถ้าฝืนไม่พัก หรือพักผิดวิธี ร่างกายจะยิ่งพัง
.
ในหนังสือของ ดร.คาตาโนะ ฮิเดกิ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การพักของญี่ปุ่น 
เขาแบ่งการพักผ่อนออกเป็น 7 ประเภทหลัก
นี่คือไอเดียที่เปลี่ยนชีวิตผมเลยครับ

1. การพักนิ่ง (休息タイプ)
 • นอนหลับเต็มอิ่ม
 • งีบสั้น ๆ บนโต๊ะ
 • นอนกลิ้งบนโซฟา
 • ปิดคอม จิบกาแฟ ปล่อยใจสบาย ๆ

 2. การพักแบบเคลื่อนไหว (運動タイプ)
 • เดินเล่นเบา ๆ
 • โยคะ
 • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
 • เล่นเวทเบา ๆ กระตุ้นเลือดลม

3. การพักด้วยโภชนาการ (栄養タイプ)
 • กินอาหารย่อยง่าย เช่น โจ๊กหรือซุป
 • ลดปริมาณอาหาร 
 • ทำ intermittent fasting ให้ลำไส้ได้พัก
 • ดื่มน้ำอุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น

4. การพักผ่านความสัมพันธ์ (親交タイプ)
 • กอดคนที่รัก
 • เล่นกับสัตว์เลี้ยง
 • พูดคุยทักทายกับเพื่อนบ้าน
 • อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สูดอากาศป่าเขา

5. การพักด้วยบันเทิง (娯楽タイプ)
 • ฟังเพลง ดูหนัง
 • เชียร์ศิลปินหรือไอดอลที่ชอบ (推し活)
 • ฝึกงานอดิเรกใหม่ ๆ
 • อ่านหนังสือจิบชา

6.การพักแบบสร้างสรรค์/จินตนาการ (造形・想像タイプ)
 • วาดรูป แต่งกลอน
 • DIY งานไม้
 • จินตนาการเดินทาง อ่านตารางรถไฟ
 • ทำสมาธิ

7. การพักแบบเปลี่ยนบรรยากาศ (転換タイプ)
 • เปลี่ยนเสื้อผ้า
 • จัดห้องใหม่
 • ออกไปกินข้าวนอกบ้าน
 • ไปเที่ยว เปิดโลกใหม่

ดร.คาตาโนะ เรียกว่า “攻めの休養” (การพักเชิงรุก)
เพราะการพักไม่ใช่แค่ “นอนแล้วหาย” 
แต่ต้อง “ตั้งใจพัก” และ “เลือกวิธีพักให้เหมาะกับตัวเอง”

ถ้าลองคิดดี ๆ จะเห็นว่า 
เราสามารถรวมหลายข้อได้ในการพักครั้งเดียว เช่น
“ทำซุปอุ่น ๆ กับคนในบ้าน → เดินไปสวนใกล้บ้าน → นั่งกินบนม้านั่ง → มองต้นไม้ สูดอากาศ”
เพียงครั้งเดียว แต่ได้พักครบทุกมิติ

🟡 พัก = การลงทุนเพื่อตัวเราเอง ไม่ใช่ความขี้เกียจ

หลังจากอ่านแล้ว ผมปรับใหม่เลยครับ
ก่อนจะคิดว่า “จะทำงานยังไงให้เก่งขึ้น” 
เราควรถามตัวเองก่อนว่า “เราพักเป็นไหม?”
.
คนญี่ปุ่นจำนวนมากติดกับดักวัฒนธรรมที่พูดใส่กันตอนทำงานว่า お疲れ様です (แปลตรง ๆ ว่า “คุณเหนื่อยสินะ”) ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ความเหนื่อยกลายเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ถ้าลองพักให้ถูกวิธี จะพบว่า พลัง ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพในการทำงานจะกลับมาเต็มร้อย
.
อ่านโพสต์นี้จบอยากให้กลับมาถามตัวเองว่า…
วันนี้คุณกำลังพักจริง ๆ หรือแค่หยุดเฉย ๆ?
ลองเลือกการพักแบบใหม่ให้ตัวเองดูนะครับ
ใครมีวิธีพักแปลก ๆ หรือวิธีลับของตัวเอง 
มาแชร์กันหน่อยครับ!

Boom JapanSalaryman 
Cr : TBS CROSS DIG

นักวิจัยเจอว่า คนที่เก่งมากๆความฉลาดทางอารมณ์สูง ส่วนใหญ่ มักจะซ่อนอารมณ์ ไม่ให้คนอื่นรู้ว่า คิดอะไรอยู่


.
หลายคนเข้าใจผิดว่า คนที่ EQ สูง จะ “เปิดเผยทุกอย่าง” และ “สื่อสารได้ดีเสมอ”
แต่จากงานวิจัยด้านจิตวิทยาพบว่า คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ในระดับสูง
มักจะ เก็บความรู้สึกไว้เงียบ ๆไม่ใช่เพราะพวกเขาเย็นชา
แต่เพราะพวกเขารู้ว่า…ไม่ใช่ทุกอารมณ์ควรถูกแสดงออกในทุกเวลา
.
หนึ่งในอารมณ์ที่จัดการยากที่สุด คือ ความโกรธ
คนจำนวนมากเติบโตมาโดยถูกสอนว่า “โกรธ = ไม่ดี”
“ถ้าโกรธ = ใจร้าย” หรือ “มีปัญหา”
แต่ในความเป็นจริง ความโกรธ ไม่ใช่ความผิดพลาดของบุคลิกภาพ
มันคือสัญญาณเตือนว่าเรากำลังเจ็บ ถูกละเมิด หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย
คนที่มี EQ สูงไม่ใช่คนที่ไม่โกรธ
แต่คือคนที่ “ฟังเสียงความโกรธ” โดยไม่ปล่อยให้มันควบคุมการตัดสินใจ
.
5 วิธีที่คนฉลาดทางอารมณ์ใช้
จัดการกับความโกรธ ช่วยให้คนไม่รู้ว่าเราคิดอะไรอยู่
.
1. ตั้งชื่อความโกรธ แทนที่จะกดมันไว้
.
คนส่วนใหญ่พยายามเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน เช่น การฝืนยิ้ม ทั้งที่รู้สึกแย่
แต่คนที่ฉลาดทางอารมณ์จะ “เรียกชื่อ” อารมณ์ออกมา เช่น
- "ฉันรู้สึกถูกเพิกเฉย"
- "ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเคารพ"
การตั้งชื่อความรู้สึกทำให้สมองเริ่มจัดการกับมัน
ช่วยลดความรุนแรงของอารมณ์ และทำให้เราค่อย ๆ กลับมาคุมสถานการณ์ได้
.
2. ไม่ใช้ความโกรธเป็นอาวุธ แต่ใช้เป็นบทสนทนา
.
คนที่ EQ ต่ำ มักระเบิดออก เช่น ตะโกน ด่าทอ หรือประชดประชัน
ในขณะที่คนที่ EQ สูง จะพูดว่า
- "ตอนนั้นฉันรู้สึกไม่สบายใจ"
- "ฉันอยากบอกความรู้สึก เพราะฉันให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์นี้"
การพูดเรื่องความรู้สึก ไม่ได้แปลว่าต้องอ่อนแอ
มันคือการเลือกวิธีสื่อสารที่ “มีพลังโดยไม่ทำร้ายใคร”
.
3. แยกสิ่งที่ควบคุมได้ออกจากสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
คนฉลาดทางอารมณ์จะไม่เสียพลังไปกับสิ่งที่บังคับไม่ได้ เช่น
.
•การรอให้คนอื่นขอโทษ
•การพยายามเปลี่ยนใจใครบางคน
แต่จะหันกลับมาดูว่า “ฉันจะตอบสนองอย่างไร”
บางครั้งแค่หายใจลึก ๆ
หรือเดินออกมาจากสถานการณ์เพื่อให้มีพื้นที่คิด
ก็คือการจัดการความโกรธอย่างมีพลัง

4. แปลงความโกรธเป็นการลงมือทำ
.
ความโกรธที่ไม่ระบายออก อาจกลายเป็นแรงผลักให้ทำบางสิ่งเพื่อเปลี่ยนแปลง เช่น
•เขียนโพสต์ให้ความรู้
•ลงมือแก้ปัญหาบางอย่างในสังคม
•เริ่มบทสนทนาในทีมเพื่อปรับปรุงบางอย่างที่สะสมมานาน
คนที่ฉลาดทางอารมณ์รู้ว่า “ความโกรธ” คือพลังงาน
และพวกเขาเลือก “แปลงพลังนั้น” เป็นสิ่งที่ดี
.
5. มองความโกรธเป็น “ครู” ไม่ใช่ “ศัตรู”
.
แทนที่จะตัดสินตัวเองว่า "ฉันเป็นคนแย่ที่ยังโกรธเรื่องนี้"
คนที่มี EQ สูงจะถามตัวเองว่า
- “ความโกรธนี้กำลังบอกอะไรฉัน?”
- “มันเกี่ยวข้องกับอดีตหรือความเชื่ออะไรที่ยังค้างอยู่?”
พวกเขาใช้ความโกรธเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าใจตัวเอง
ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการทำร้ายคนอื่น
.
ดังนั้นยิ่งเก่ง ยิ่งเงียบ…ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะคิดมาแล้ว
คนที่ฉลาดทางอารมณ์ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างออกมาทันที
พวกเขารู้ว่า บางความรู้สึกต้องใช้เวลา “ย่อย” ก่อน
.
และบางสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องชนะ แค่เข้าใจตัวเองก็เพียงพอ
การซ่อนอารมณ์ไม่ใช่การโกหก
แต่คือทักษะในการเลือก “เวลา” และ “วิธี” ที่จะสื่อสาร
เพราะคนที่ควบคุมตัวเองได้ คือคนที่น่าเชื่อถือที่สุดเสมอ
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
.
#SelfDevelopment
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน

ราคาประเมินค่าก่อสร้างอาคาร ดัชนี ณ มิ.ย. 68

"ราคาประเมินค่าก่อสร้างอาคาร ดัชนี ณ มิ.ย. 68"
*****
               สรุปการปรับราคาค่าก่อสร้าง โดยใช้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ของเดือนมิถุนายน 2568      

               1. พิจารณาโดยเทียบเคียงกับเดือนมีนาคม 2568 (มีนาคม 2568 – มิถุนายน 2568)

               2. จากการเทียบดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือนมีนาคม 2568 – มิถุนายน 2568 ปรากฏราคาวัสดุก่อสร้างเมื่อวิเคราะห์แล้ว ปรับเพิ่มขึ้น +0.44% โดยราคาวัสดุกลุ่มที่ราคาเพิ่มขึ้น คือ ซีเมนต์ เหล็ก กระเบื้อง วัสดุฉาบผิว อุปกรณ์ไฟฟ้า ส่วนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับลดลง คือ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต สุขภัณฑ์ วัสดุก่อสร้างอื่นๆ ส่วนกลุ่ม ราคาคงที่ ไม้ เมื่อพิจารณารวมราคาวัสดุทุกกลุ่ม ภาพรวมราคาค่าวัสดุปรับเพิ่มขึ้น +0.44%

               3. ค่าแรงงาน พิจารณาเท่าเดิม ไม่มีการปรับเพิ่ม

               4. กำไรภาษี ค่าดำเนินการ พิจารณาเท่าเดิม ไม่มีการปรับเพิ่ม

               5. เมื่อวิเคราะห์ทั้งค่าวัสดุ และค่าแรงงาน กำไรภาษี ค่าดำเนินการ ทำให้ภาพรวมราคาค่าก่อสร้างอาคารปรับเพิ่มขึ้น +0.26% ทั้งนี้เมื่อทำการนำมาปรับราคาค่าก่อสร้างอาคารแล้ว โดยรวมราคาค่าก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น

รายละเอียดของราคาค่าก่อสร้างอาคารเป็นดังนี้:

🇹🇭 บทพูดหน้าเสาธง สำหรับคุณครูเวรประจำวัน



 1. การตรงต่อเวลา
 • นักเรียนทุกคนควรมาโรงเรียนให้ทันก่อนเวลาเข้าแถว เคารพธงชาติ และเริ่มเรียนตามตารางเรียน เพราะการตรงต่อเวลาเป็นพื้นฐานของความมีวินัย และยังเป็นการเคารพสิทธิของเพื่อนและครูด้วย
 2. การแต่งกายถูกระเบียบ
 • เครื่องแบบนักเรียนควรสะอาด เรียบร้อย รองเท้าผ้าใบสีดำ ถุงเท้าสีขาว ทรงผมถูกระเบียบ การแต่งกายที่ถูกต้องจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในความเป็นนักเรียนของโรงเรียนเรา
 3. การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
 • นักเรียนควรหมั่นฝึกการพูดและเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง ไม่ใช้คำหยาบหรือภาษาวิบัติ เพราะภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติของชาติ
 4. การเคารพกฎระเบียบโรงเรียน
 • กฎระเบียบทุกข้อมีขึ้นเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัย เช่น การไม่วิ่งเล่นในที่อันตราย การไม่ทะเลาะวิวาท การเคารพครูและเพื่อน หากทุกคนทำตามกฎ โรงเรียนก็จะเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่
 5. การเรียนรู้ด้วยความตั้งใจ
 • ในห้องเรียนควรตั้งใจฟังครู อดทนทำการบ้านและงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ลอกเพื่อน และรู้จักหมั่นทบทวน จะช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการเรียน
 6. การรักษาความสะอาดสิ่งแวดล้อม
 • ไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด แยกขยะให้ถูกประเภท ดูแลห้องเรียน สนาม โรงอาหาร และห้องน้ำให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะสิ่งแวดล้อมที่สะอาดทำให้เราเรียนอย่างมีความสุข
 7. การมีน้ำใจและความสามัคคี
 • ควรช่วยเหลือเพื่อน แบ่งปันสิ่งของ ไม่กลั่นแกล้งหรือรังแกผู้อื่น การมีน้ำใจเล็กน้อยเช่น การหยิบของให้เพื่อน การช่วยเพื่อนทำความสะอาด จะทำให้สังคมในโรงเรียนอบอุ่น
 8. การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
 • โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตควรใช้เพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช้ในทางที่ผิด เช่น การโพสต์ข้อความที่ทำร้ายผู้อื่น การเล่นเกมจนเสียเวลา การใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติจะช่วยให้นักเรียนพัฒนาตนเองได้มาก
 9. การปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
 • เวลาเดินหรือข้ามถนนควรใช้ทางม้าลาย สวมหมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อขี่จักรยานยนต์ เล่นกีฬาควรอบอุ่นร่างกายก่อนเสมอ และรู้จักดูแลตนเองให้ห่างไกลจากอันตรายต่าง ๆ
 10. คุณธรรม จริยธรรม และการทำความดี

 • นักเรียนควรฝึกความซื่อสัตย์ ไม่โกหก ไม่ลอกข้อสอบ มีความขยัน อดทน และกตัญญูต่อพ่อแม่ ครู และผู้มีพระคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานให้ทุกคนเติบโตเป็นคนดีของสังคม

[Business] ‘ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องเจอคน’ ไอเดียสร้างรายได้เสริมของชาว Introvert ที่แม้ไม่ชอบคุยกับคนก็หาเงินได้อยู่ดี


.
.
ภาพจำของ ‘อาชีพเสริม’ หรือ ‘Side Hustle’ ในปัจจุบัน มักจะผูกติดอยู่กับการต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการขับรถรับส่ง การขายของตามตลาดนัด หรือการสร้างเครือข่ายทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
.
สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจสำหรับชาว Introvert หรือผู้ที่ไม่ได้รับพลังงานจากการเข้าสังคม และอาจทำให้หลายคนรู้สึกว่าโอกาสในการสร้างรายได้เสริมนั้นถูกจำกัดลงไป
.
แต่ในความเป็นจริงแล้ว โลกยุคใหม่ได้เปิดประตูสู่โอกาสมากมายที่ทำให้ชาว Introvert สามารถเปลี่ยนจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการจดจ่อ และความใส่ใจในรายละเอียด ให้กลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมากได้ โดยไม่จำเป็นต้องฝืนธรรมชาติของตัวเอง
.
.
Future Trends ได้รวบรวม 7 ไอเดียประกอบอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงเสมอไป แต่สามารถสร้างขึ้นได้อย่างเงียบๆ และทรงพลังจากที่บ้านได้เช่นกัน
.
.
✅ 1. ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ (Online Retail)
ชาว Introvert มักจะมีความคิดสร้างสรรค์เป็นพิเศษ การเปิดร้านค้าออนไลน์จึงเป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยม ในการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์นั้นให้กลายเป็นรายได้ โดยเฉพาะการทำธุรกิจในรูปแบบ Dropshipping ที่มีบริษัทอื่นจัดการเรื่องการผลิต และจัดส่งสินค้าให้ทั้งหมด ทำให้สามารถโฟกัสไปที่การออกแบบ การสร้างแบรนด์ และการตลาดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง
.
.
✅ 2. การถ่ายภาพสต็อก (Taking Stock Photos)
สำหรับผู้ที่มีความหลงใหลในการถ่ายภาพ อาชีพเสริมที่ใช่ก็อาจจะอยู่ในมืออยู่แล้ว แพลตฟอร์มอย่าง Shutterstock, Getty Images, และ iStock ได้เปิดโอกาสให้ช่างภาพสามารถนำผลงานของตัวเองไปวางขายและสร้างรายได้แบบ Passive Income ได้ หัวใจสำคัญคือการสร้างพอร์ตโฟลิโอให้มีขนาดใหญ่และหลากหลายที่สุด เพราะยิ่งมีภาพให้เลือกมากเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกค้าจะเลือกซื้อภาพของเราก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
.
.
✅ 3. การสร้างเครื่องมือ AI ขนาดเล็ก (Creating AI Microtools)
แม้จะไม่มีทักษะด้าน AI โดยตรง แต่ในปัจจุบันก็มีแพลตฟอร์มอย่าง Gumloop ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้าง Workflow หรือเครื่องมือ AI ของตัวเองได้ผ่านระบบ Drag and Drop ที่ใช้งานง่าย โดยสามารถสร้างได้ตั้งแต่เครื่องมือตรวจสอบ SEO ของเว็บไซต์ ไปจนถึงระบบจัดอันดับผู้สมัครงาน จากนั้นก็นำเครื่องมือที่สร้างขึ้นไปวางขายบนแพลตฟอร์มอย่าง Etsy ได้
.
.
✅ 4. การขายต้นไม้ (Selling Plants)
ตลาดต้นไม้เป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล สำหรับคนที่มีพรสวรรค์ด้านการปลูกต้นไม้ (Green Thumb) แพลตฟอร์มอย่าง Palmstreet เปิดโอกาสให้สามารถขายต้นไม้ให้กับลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งมีทั้งรูปแบบของการไลฟ์สดที่ต้องใช้ปฏิสัมพันธ์ ไปจนถึงรูปแบบร้านค้าออนไลน์แบบดั้งเดิมที่เหมาะกับชาว Introvert มากกว่า โดยต้นไม้บางชนิดสามารถขายได้ในราคาสูงถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่านั้น
.
.
✅ 5. การพิสูจน์อักษรและบรรณาธิการ (Proofreading/Editing)
ทุกงานเขียนล้วนต้องการคนช่วยตรวจทานความถูกต้อง หากมีพื้นฐานด้านการเขียนที่แข็งแกร่ง การเป็นบรรณาธิการหรือนักพิสูจน์อักษรอิสระคือหนึ่งในอาชีพเสริมที่มีความต้องการสูงและสร้างรายได้ดีมาก โดยสามารถเริ่มต้นหาลูกค้าได้จากแพลตฟอร์มอย่าง Fiverr, Upwork, และ Reedsy
.
.
✅ 6. การทดสอบเว็บไซต์ (Website Testing)
หากเป็นคนที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์เป็นประจำและมีความสามารถในการมองเห็นว่าอะไรคือจุดดีจุดด้อยของเว็บไซต์ต่างๆ ทักษะนี้สามารถเปลี่ยนเป็นรายได้ได้ แพลตฟอร์มอย่าง Trymata หรือ uTest มีการจ้างงาน ‘ผู้ทดสอบ’ ให้เข้าไปใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ แล้วให้ความคิดเห็นกลับไปเป็นลายลักษณ์อักษร โดยสามารถสร้างรายได้สูงถึง 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อการทดสอบหนึ่งเว็บไซต์
.
.
✅ 7. การทำบัญชี (Bookkeeping)
แม้จะต้องมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง แต่หากมีคุณสมบัตินี้แล้ว การเป็นนักทำบัญชีอิสระก็เป็นอาชีพเสริมที่มีความต้องการในตลาดสูงมาก โดยอาจเลือกโฟกัสไปที่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche) ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ และสามารถหาลูกค้าได้จากแพลตฟอร์มอย่าง LinkedIn หรือ Paro.ai
.
.
ไอเดียต่างๆ เป็นเครื่องยืนยันว่า การเป็น Introvert ไม่ใช่ข้อจำกัดในการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ แต่กลับเป็นจุดแข็งที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมหาศาล
.
หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่การฝืนตัวเองให้กลายเป็นคนที่ชอบเข้าสังคม แต่อยู่ที่การเลือกสนามแข่งขันที่เหมาะสมกับธรรมชาติของเรา 
.
การเลือกอาชีพเสริมที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ จะช่วยให้เราสามารถทุ่มเทพลังงานไปกับการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว นี่จะเป็นเส้นทางสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคงและมีความสุขได้อย่างยั่งยืน
.
.
เรียบเรียงโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureTrendsBusiness

เส้นทางสู่การสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมเป็นอย่างไร และวันนี้เรามาไกลแค่ไหนแล้ว

ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาการคำนวณเชิงควอนตัมหรือควอนตัมคอมพิวติง (quantum computing) กลายเป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกจับตา มีผู้เล่นหลากหลาย ตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, IBM, และ Microsoft ที่ต่างแข่งขันกันพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมเพื่อชิงความเป็นผู้นำ สร้างเครื่องที่มี “คิวบิต”หน่วยประมวลผลที่เล็กที่สุดทางควอนตัมจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยิ่งคิวบิตเยอะ ก็ยิ่งมีศักยภาพที่จะแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
.
คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบันมีขนาดราว 100 คิวบิต ถ้าเราไปถึง 100,000 คิวบิต ก็อาจเริ่มจำลองกระบวนการทางชีวเคมีในธรรมชาติได้ ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตครั้งใหญ่ และถ้าไปถึง 1,000,000 คิวบิต ก็มีโอกาสทำลายระบบความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ทั้งโลกใช้อยู่ในปัจจุบันได้
.
แต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมก็ไม่ได้แข่งกันที่จำนวนคิวบิตเพียงอย่างเดียว คุณภาพของคิวบิตก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เมื่อเทียบกับหน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ดิจิทัลทั่วไปแล้ว คิวบิตนั้นบอบบางอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นแรงสั่นสะเทือน อุณหภูมิ หรือความไม่สมบูรณ์เพียงเล็กน้อยในระบบควบคุม ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้แล้ว อย่างนี้แล้วเราจะเชื่อมั่นในผลการคำนวณบนฮาร์ดแวร์ที่เปราะบางและเต็มไปด้วยสัญญาณรบกวนแบบนี้ได้จริงหรือ?
.
ปรากฏว่าเรามีคำตอบทางทฤษฎีตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1990 แล้วว่า “ได้” ด้วยการแก้ไขข้อผิดพลาดเชิงควอนตัม (quantum error correction) ที่เป้าหมายไม่ใช่การสร้างคิวบิตที่สมบูรณ์แบบ แต่คือการสร้างคิวบิตเสมือน (logical qubit) หน่วยของข้อมูลควอนตัมที่ได้รับการปกป้องให้เสถียร จากคิวบิตจริง (physical qubit) ที่แต่ละตัวล้วนมีข้อบกพร่อง และในปัจจุบันเราเริ่มได้เห็น logical qubit ที่เสถียรกว่า physical qubit แล้ว ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเส้นทางการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัม
.
บทความนี้จะพาเรามาทำความเข้าใจว่า QEC (quantum error correction) คืออะไร เส้นทางสู่การสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมเป็นอย่างไร และวันนี้เรามาไกลแค่ไหนแล้ว
.
#TheSecretSauce

โหมดมืออาชีพ

.1.เข้าโหมดมืออาชีพ เลือกการสร้างรายได้ 
(ใครมีแล้ว ยินดีด้วย | ใครยังไม่มีบอกหน่อยว่า รอๆ )
2.กดเริ่มต้นการใช้งาน (ยินดีด้วย ใครมีแล้ว comment ว่า “มีแล้ว”)
3.กดดำเนินการต่อ เพื่อเตรียมตัวสร้างรายได้ Affiliate

4.กดอนุญาตให้ Meta (บัญชี Facebook) เชื่อมต่อกับ บัญชี Shopee ซึ่งเราต้องมีบัญชี Shopee ในการใช้ทำ Affiliate
5. กดดำเนินการต่อ เพื่อเชื่อมกับ Shopee 
ขอให้สนุกกับการสร้างรายได้ Affiliate 
ติดขัดส่วนไหนรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line@ : @kruyoo 
หรือ 
https://lin.ee/FSIbigQ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLaclIaGUUVP8s7wI_FfQdum4ypXHJW0ZP

ความฉลาดที่แท้จริงคือการสงสัย


1. ความสงสัยทำให้เขาก้าวต่อ
เขาไม่ได้หยุดอยู่กับคำตอบที่มีอยู่แล้ว แต่เลือกถามต่อว่า 
แล้วถ้ามันไม่ใช่ล่ะคำถามเล็กๆ นี้เองที่ทำให้เขากล้าก้าวข้ามสิ่งที่คนอื่นหยุดอยู่ตรงนั้น

2. ความสงสัยทำให้เขาเรียนรู้ได้ลึกกว่า
เขาไม่พอใจแค่คำตอบสั้นๆ แต่เลือกถามจนเข้าใจที่มาและเหตุผล และนั่นทำให้เขาได้ความรู้ที่ฝังแน่นกว่าการท่องจำเพียงผิวเผิน

3. ความสงสัยทำให้เขาเห็นมุมใหม่
เขาไม่ยอมรับสิ่งที่ทุกคนบอกว่ามันเป็นแบบนี้แหละ
แต่เลือกตั้งคำถามว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้จนได้เจอมุมมอง
ที่ต่างออกไปและนำไปใช้สร้างทางใหม่ในชีวิต

4. ความสงสัยทำให้เขากล้าเปลี่ยน
เขาไม่ยึดติดกับวิธีการเดิมๆ แต่เลือกถามว่ามีวิธีที่ดีกว่านี้
ไหมและนั่นทำให้เขาพบเส้นทางที่ง่ายกว่า เร็วกว่าและเหมาะกับตัวเองมากกว่า

5. ความสงสัยทำให้เขาไม่หยุดพัฒนา
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งพอ แต่ถามตัวเองเสมอว่าฉันจะทำได้ดีกว่านี้ได้ยังไงคำถามนี้ผลักให้เขาก้าวต่อแม้จะเหนื่อยแค่ไหน

6. ความสงสัยทำให้เขาเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
เขาไม่ได้ด่วนตัดสิน แต่เลือกถามว่าเขาคิดแบบนั้นเพราะอะไรและเมื่อฟังด้วยความสงสัยจริงใจ เขาได้เข้าใจใจคนมากกว่าที่เคยคาดคิด

7. ความสงสัยช่วยให้เขาแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
เขาไม่หยุดที่คำว่า ทำไมมันถึงผิดแต่ถามต่อว่าแล้วเรา
จะแก้ยังไงได้บ้างจนสุดท้ายปัญหาที่ดูยากก็คลี่คลายได้
เพราะคำถามนี้

8. ความสงสัยทำให้เขาไม่ติดกับดักความเคยชิน
เขาไม่พอใจแค่การใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ถามว่าชีวิตที่อยากได้จริงๆ มันควรเป็นแบบไหนแล้วเริ่มปรับเปลี่ยนจนใกล้สิ่งที่ฝันไว้มากขึ้น

9. ความสงสัยทำให้เขามีความคิดสร้างสรรค์
เขาไม่หยุดที่คำตอบเดียว แต่ถามว่าถ้าลองทำอีกแบบจะเป็นยังไงคำถามนี้เองที่กลายเป็นไอเดียใหม่ๆ ที่คนอื่นคาดไม่ถึง

10. ความสงสัยทำให้เขากล้ารับฟัง
เขาไม่ยึดมั่นว่าตัวเองถูกเสมอ แต่ถามว่าหรือฉันอาจพลาดบางอย่างนี่เองที่ทำให้เขาได้ฟังและเรียนรู้จากคนรอบตัวมากขึ้น

11. ความสงสัยทำให้เขาโตไวกว่าเดิม
เขาไม่ได้ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป แต่ถามเสมอว่าฉันได้อะไรจากเรื่องนี้ทุกความผิดพลาดจึงกลายเป็นบทเรียนที่ผลักให้เขาโตขึ้นทุกวัน

12. ความสงสัยทำให้เขาเจอโอกาส
เขาไม่หยุดแค่ความล้มเหลว แต่ถามว่าในเรื่องนี้มีโอกาสซ่อนอยู่ตรงไหนและนั่นทำให้เขามองเห็นประตูที่คนอื่นมองข้ามไป

13. ความสงสัยทำให้เขาไม่หยุดฝัน
เขาไม่ถามว่าทำไมฉันถึงทำไม่ได้แต่ถามว่าถ้าฉันทำได้ล่ะคำถามนี้เองที่ทำให้เขากล้าเริ่มในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าแม้
แต่จะคิด

14. ความสงสัยทำให้เขามีแรงบันดาลใจ
เขาเห็นคนสำเร็จแล้วไม่คิดว่าเขาเก่งกว่าฉันแต่ถามว่าเขา
ทำยังไงถึงไปถึงจุดนั้นแล้วใช้ความสงสัยนี้เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนตัวเอง

15. ความสงสัยทำให้เขาไม่ดูถูกตัวเอง
เขาไม่บอกว่า ฉันไม่เก่งพอแต่ถามว่าแล้วฉันจะพัฒนาให้เก่งขึ้นได้ยังไงความสงสัยนี้ทำให้เขาก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองได้เสมอ

16. ความสงสัยทำให้เขารู้จักโลกกว้างขึ้น
เขาไม่พอใจแค่สิ่งที่เห็นตรงหน้าแต่ถามว่าข้างนอกยังมีอะไรอีกและนั่นทำให้เขาเจอผู้คน ประสบการณ์ และเรื่องราวใหม่ๆ ที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล

17. ความสงสัยทำให้เขามีความสุขง่ายขึ้น
เขาไม่ถามว่า ทำไมชีวิตฉันไม่ดีเท่าใครแต่ถามว่าสิ่งเล็กๆ 
ที่ฉันควรขอบคุณคืออะไรคำถามนี้ทำให้เขามองเห็นความสุขเล็กๆ รอบตัวทุกวัน

18. ความสงสัยทำให้เขาไม่หยุดใช้ชีวิต
เขาไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ถามตัวเองว่า ก้าวต่อไปฉันควรเดินไปทางไหนและนั่นทำให้ชีวิตของเขาไม่เคยหยุดนิ่ง แต่เดินต่อด้วยความหวังเสมอ

แนะนำให้อ่าน
https://s.lazada.co.th/s.znKMb?cc
https://s.shopee.co.th/4L9YX89Mdi

#ฉลาดสุดๆ

สรุปบทเรียน “Mindset และหัวใจสำคัญ ที่ผู้บริหารต้องมีในการสื่อสาร”



สัปดาห์แรกจากหลักสูตร Executive Communication Program (EXCOM) 

การสื่อสารของผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การพูดให้คนเข้าใจ แต่คือ "การพูดให้ ถึงใจ"

ข้อคิดนี้เป็นหัวใจสำคัญจากการเรียนรู้กับคุณเคน นครินทร์ ที่เชื่อมต่อทุกเรื่องราว เพราะหากผู้นำยังสื่อสารได้แค่ข้อมูล แต่ไม่สามารถแตะใจคน ทีมก็จะไม่เดินไปในทิศทางเดียวกัน

📌 จุดเริ่มต้น: Why ของคุณและ Why ของเขา สิ่งแรกที่ได้รับการย้ำคือ "Why" – เหตุผลว่าทำไมเราถึงพูดเรื่องนี้

🔸 Why ของผู้นำ: ทำไมเราถึงเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ 

🔸 Why ของผู้ฟัง: สิ่งที่ผู้ฟังจะได้ หรือสิ่งที่เขาแคร์จริงๆ หากเราเอาแต่พูดจากมุมของเราโดยไม่เชื่อมโยงกับ Why ของผู้ฟัง การสื่อสารก็จะไร้น้ำหนัก เหมือนโยนก้อนหินลงน้ำ แต่ไม่เกิดระลอกคลื่น

📌 ผู้ฟัง = ภูเขาน้ำแข็ง มีการเปรียบเทียบผู้ฟังให้เหมือน "ภูเขาน้ำแข็ง" 

🔸 ด้านบนที่มองเห็น: อายุ เพศ ความสนใจ อาชีพ

🔸 ใต้น้ำที่ซ่อนอยู่: ความต้องการ และความรู้สึก มนุษย์มักตัดสินใจจาก ความรู้สึกก่อน แล้วค่อยหาเหตุผลมาสนับสนุนทีหลัง เช่น เวลาซื้อเสื้อเพราะป้าย "ลดราคา" ความรู้สึกคืออยากได้ ความตื่นเต้นมาก่อน แล้วค่อยบอกตัวเองว่า "เสื้อตัวนี้จำเป็น" นี่แหละครับที่ทำให้การเข้าใจผู้ฟังในระดับ ความรู้สึก เป็นอาวุธสำคัญที่ผู้นำส่วนใหญ่กลับมองข้าม

📌 Empathy: ฟังด้วยหัวใจ จากนั้นได้ยกตัวอย่าง Airbnb ตอนโควิด ที่ต้องเลิกจ้างพนักงาน 25% ฟังดูเป็นข่าวร้าย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ จดหมายจากซีอีโอ กลับทำให้ทั้งโลกชื่นชม เพราะเขาไม่ได้บอกเพียงว่า "บริษัทขาดทุนเลยต้องปลดคน" แต่เขาเลือกที่จะบอกว่า "มันยากสำหรับบริษัท แต่ยากยิ่งกว่าสำหรับคุณที่ต้องจากไป" และยังใส่รายละเอียดการช่วยเหลือที่มากกว่ากฎหมายบังคับ พร้อมประโยคที่ให้เกียรติพนักงานว่า "โลกจะไม่หยุดมองหาทักษะและความสามารถที่คุณมี"

นี่คือตัวอย่างชัดเจนว่า Empathy ไม่ใช่คำสวยหรู แต่คือการมองโลกด้วยตาของเขา ฟังด้วยหูของเขา และรู้สึกด้วยหัวใจของเขา

📌 การฝึก "สัตว์ 3 ชนิด" เพื่อให้เข้าใจ Empathy จริงๆ ทุกคนได้ลองฝึกผ่านการ "สวมบทสัตว์"

🔸 ฟองน้ำ – ฟังเงียบๆ ซึมซับทุกอย่าง ไม่พูดแทรก

🔸 นกแก้ว – ฟังแล้วทวนกลับ เช่น ทวนคำ ทวนความหมาย หรือสะท้อนความรู้สึก

🔸 ลูกหมา – ฟังแล้วถามลึกๆ เพื่อขุดคุ้ยความคิดและความรู้สึกจริงๆ หลายคนพบว่า นกแก้วยากที่สุด เพราะต้องทวนให้ตรงโดยไม่ใส่ความเห็นของตัวเอง มันรู้สึกฝืนหรือเหมือนพูดซ้ำ แต่จริงๆ แล้วนี่คือทักษะสำคัญที่ทำให้ผู้พูดรู้สึกว่า "เราใส่ใจและฟังจริง"

📌 ศิลปะของคำถาม จากนั้นห้องเรียนก็เข้าสู่เรื่องที่เข้มข้นขึ้น – พลังของคำถาม ได้เรียนรู้ว่า คำถามคืออาวุธของผู้นำ เพราะมันสะท้อนวิธีคิด ทัศนคติ และยังสามารถเปิดใจคนได้ทันที

🔸 แทนที่จะถามว่า: "ทำไมงานยังไม่เสร็จ?"

🔸 ลองเปลี่ยนเป็น: "ช่วงนี้งานติดขัดตรงไหน มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?" แค่เปลี่ยนมุม คำถามจากเชิงลบก็กลายเป็นบวกทันที บรรยากาศไม่กดดัน ผู้ฟังก็กล้าพูดและรู้สึกว่าถูกเห็นค่า

📌 เครื่องมือช่วยจำ: CARE Framework ได้รับการแนะนำเฟรมเวิร์กง่ายๆ ในการตั้งคำถามบวก

🔸 C (Connect): เริ่มด้วยการเชื่อมโยงกับสิ่งที่เห็น เช่น "พี่สังเกตว่าช่วงนี้คุณดูเงียบ…"

🔸 A (Ask): ถามปลายเปิด ให้เขาได้เล่า เช่น "มีอะไรที่ทำให้รู้สึกแบบนี้หรือเปล่า?"

🔸 R (Relate): แสดงว่าเราเข้าใจ เช่น "อ๋อ ช่วงนี้งานเยอะ กดดันใช่ไหม"

🔸 E (Explore): ชวนหาทางออก เช่น "คิดว่ามีอะไรที่ทีมช่วยได้บ้างไหม?" นี่คือวิธีเปลี่ยนคำถามธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจและความไว้วางใจ

📌 บทสรุป วันแรกของ EXcom จบลงด้วยการตอกย้ำว่า

🔸 ผู้นำต้อง พูดด้วยเหตุผลและหัวใจไปพร้อมกัน

🔸 ต้อง ฟังให้มากกว่าพูด เพราะการฟังคือการให้เกียรติ

🔸 ต้อง ฝึกตั้งคำถามเชิงบวก เพื่อดึงพลังของทีมออกมา และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่คือการฝึกปฏิบัติจริงในห้อง ที่ทำให้ทุกคนกลับออกไปพร้อมกับทักษะใหม่ที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที

เรียบเรียงโดย ชนม์ณพัฐ เศรษฐิวัฒน์ ผู้เรียนในหลักสูตร EXCOM รุ่นที่ 1 

สำหรับผู้นำท่านใดที่อยากรู้วิธีเพิ่มอำนาจการสื่อสาร ให้คุณสร้างการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนองค์กรผ่านการสื่อสารได้จริง 

สามารถแจ้งความสนใจหลักสูตร EXCOM รุ่นที่ 2 ไว้ได้แล้ววันนี้ ที่ https://forms.office.com/Pages/ResponsePage.aspx?id=1mH2xubAm0q-7l3aSvd4i48X8toNh7JJmjdt6i9_FCJUMVcyU0RKMjZZNzdZQkNCMkUzNENFUlUzVy4u 

สอบถามและปรึกษาหลักสูตร  
📞 คุณฉัตร 065-606-9541, 083 069 5246 Line: @sauceskills  
📧 hello@sauceskills.com  

Sauce Skills บริษัท Executive Education จาก THE STANDARD และ Bluebik Group
สร้าง Future Leaders
Customize ตามโจทย์องค์กรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์
สอนโดย Successful Practitioners

#SauceSkills #TheSecretSauce #EXCOM #Communications #PrivateCoaching #Training #EXCOM1

ค้นหา "คุณค่าของการมีชีวิต" ด้วย "อิคิไก" (Ikigai)



คุณกำลังตามหาความหมายของการใช้ชีวิตอยู่หรือเปล่า? คำตอบอาจอยู่ที่แนวคิดของชาวญี่ปุ่นที่เรียกว่า "อิคิไก" (Ikigai) ซึ่งหมายถึง "คุณค่าของการมีชีวิต" หรือ "เหตุผลที่เราตื่นขึ้นมาในทุกๆ เช้า"

โมเดลอิคิไกแบ่งชีวิตเราออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ และเมื่อเราสามารถหาจุดที่มันทับซ้อนกันได้ เราก็จะพบกับแก่นแท้ของความสุขและความสำเร็จที่ยั่งยืน

4 วงกลมของ "อิคิไก"
สิ่งที่คุณรัก: อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ทำได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อ

สิ่งที่คุณถนัด: อะไรที่คุณทำได้ดีและทำได้ดีกว่าคนอื่น

สิ่งที่โลกต้องการ: ปัญหาอะไรที่ผู้คนกำลังเผชิญอยู่ และต้องการคนมาช่วยแก้ไข

สิ่งที่คุณทำแล้วได้เงิน: อะไรที่คุณสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้เพื่อเลี้ยงชีพได้

เมื่อคุณสามารถค้นหาจุดที่วงกลมทั้งสี่นี้มาบรรจบกันได้ คุณก็จะพบกับ "อิคิไก" ของตัวเอง นั่นคือการใช้ชีวิตที่ มีความสุข และ มีประโยชน์ ต่อทั้งตัวเองและคนรอบข้าง

ลองมองลึกเข้าไปในตัวเองวันนี้... คุณได้ใช้ชีวิตตามหลัก "อิคิไก" แล้วหรือยัง?

#อิคิไก #Ikigai #ค้นหาตัวเอง #แรงบันดาลใจ #เป้าหมายชีวิต #ความสุข

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568

Gemini สร้างบทเรียนพร้อมแบบทดสอบไพทอนง่ายๆใน 1 นาที

เหลือจะเชื่อ!!! Gemini สร้างบทเรียนพร้อมแบบทดสอบไพทอนง่ายๆใน 1 นาที
แจก Prompt ฟรีใต้โพสต์จ้าาาา ไปลองเล่นกันครับ​
https://sites.google.com/sapit.ac.th/plan/python

คุณคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสื่อการสอนดิจิทัลและนักพัฒนาเกมบนเว็บไซต์ (Web-based Game Developer) ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เนื้อหาการเรียนรู้ที่ซับซ้อนให้กลายเป็นเกมที่สนุกสนานและโต้ตอบได้

เป้าหมาย (Goal):

สร้างเว็บไซต์แบบหน้าเดียว (Single-page Application) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อใช้เป็นบทเรียนและเกมทบทวนความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษา Python โดยต้องเปลี่ยนเนื้อหาจากเอกสาร PDF ที่ให้มา ให้กลายเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าตื่นเต้น ท้าทาย และส่งเสริมความเข้าใจ

กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience):

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (ช่วงอายุ 13-14 ปี) ดังนั้น ภาษาที่ใช้และดีไซน์ต้องมีความทันสมัย เป็นมิตร และเข้าใจง่าย

เนื้อหาหลัก (Core Content):

ส่วนทบทวนบทเรียน: สรุปเนื้อหาสำคัญตามหลักสูตรแกนกลางฯ สำหรับ ม.2 ได้แก่:

การแสดงผลด้วย print()

ตัวแปรและชนิดข้อมูลพื้นฐาน (String, Integer, Float)

การรับข้อมูลด้วย input()

ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน

ส่วนเกมทดสอบ: สร้างชุดคำถามปรนัย (Multiple Choice) จำนวน 8-10 ข้อ ที่ครอบคลุมเนื้อหาข้างต้น

ฟีเจอร์ที่ต้องการ (Required Features):

หน้าลงทะเบียน: ก่อนเริ่มเกม ต้องมีฟอร์มให้นักเรียนกรอก ชื่อ-สกุล, ระดับชั้น (มีตัวเลือก ม.2/1 ถึง ม.2/13), และ เลขที่

ระบบจับเวลา: ในแต่ละคำถาม ให้มีเวลาจำกัด 15 วินาที พร้อมแสดงเวลาที่เหลืออย่างชัดเจน และมีเอฟเฟกต์กระตุ้นเมื่อใกล้หมดเวลา

ระบบเกม:

แสดงคำถามและตัวเลือกทีละข้อ

ตรวจคำตอบและให้ผลตอบรับ (Feedback) ทันที (เช่น ถูก/ผิด พร้อมเสียงประกอบ)

เมื่อหมดเวลาหรือตอบผิด ให้แสดงเฉลยของข้อนั้นๆ

หน้าสรุปผล:

แสดงข้อมูลนักเรียนที่กรอกไว้

แสดงคะแนนที่ทำได้ (เช่น 7/8) และเวลาทั้งหมดที่ใช้ไป

มีเอฟเฟกต์พิเศษ (เช่น คอนเฟตติ) เมื่อนักเรียนทำคะแนนได้ดี

โหมดทบทวนคำตอบ (เฉลย):

หลังจากดูคะแนนแล้ว ต้องมีปุ่มให้นักเรียนกดเข้าไปดูเฉลยทั้งหมดได้

ในหน้าเฉลย ให้แสดงคำถาม, ตัวเลือกทั้งหมด, ไฮไลท์คำตอบที่ถูก, แสดงคำตอบที่นักเรียนเลือก (ถ้าผิด), และมีคำอธิบายเหตุผลอย่างละเอียดในแต่ละข้อ

ข้อกำหนดเพิ่มเติม (Additional Requirements):

ดีไซน์: ต้องมีความสวยงาม น่าดึงดูด ใช้สีสันสดใส มีอนิเมชันประกอบเพื่อสร้างความ "ว้าว"

Footer: ใส่ข้อความ "เว็บไซต์บทเรียนออนไลน์ วิทยาการคำนวณ ม.2 โดย ครูกิ๊กจ้า :: กฤติยา พลหาญ"

เทคโนโลยี: ใช้ HTML, CSS (Tailwind CSS), และ JavaScript โดยต้องเป็นโค้ดที่สมบูรณ์ในไฟล์เดียว

⚙️ แนะนำฟังก์ชันสำคัญที่ขับเคลื่อนเว็บไซต์

เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างราบรื่น ผมได้เขียนโค้ด JavaScript ที่มีฟังก์ชันหลักๆ ดังนี้ครับ

startGame()

หน้าที่: เป็นฟังก์ชันเริ่มต้นเกม ใช้สำหรับ "รีเซ็ต" ค่าต่างๆ ให้พร้อมเล่นใหม่ เช่น ตั้งค่าคะแนนเป็น 0, ล้างคำตอบเก่า, เริ่มนับเวลาที่ใช้ไปทั้งหมด และเรียกใช้ฟังก์ชัน showQuestion() เพื่อแสดงคำถามข้อแรก

showQuestion()

หน้าที่: แสดงคำถามและตัวเลือกของข้อปัจจุบันขึ้นมาบนหน้าจอ จะถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่ขึ้นข้อใหม่ โดยฟังก์ชันนี้จะดึงข้อมูลคำถามจากชุดข้อมูลที่เราเตรียมไว้ และสร้างปุ่มตัวเลือกขึ้นมาทีละปุ่ม

startTimer()

หน้าที่: เริ่มนับเวลาถอยหลัง 15 วินาทีสำหรับแต่ละข้อ จะมีการอัปเดตตัวเลขบนหน้าจอทุกๆ 1 วินาที และถ้าเวลาหมดลง (เหลือ 0) มันจะสั่งให้เกมเฉลยคำตอบทันที

selectOption(button, option)

หน้าที่: ทำงานเมื่อนักเรียนกดเลือกคำตอบ จะหยุดเวลาทันที, บันทึกคำตอบของนักเรียน, และส่งข้อมูลไปให้ฟังก์ชัน handleAnswer() เพื่อตรวจว่าถูกหรือผิด

handleAnswer(isCorrect, selectedButton)

หน้าที่: จัดการผลลัพธ์หลังจากนักเรียนตอบ จะเพิ่มคะแนนถ้าตอบถูก, แสดงผลตอบรับ (Feedback) บนหน้าจอ (เช่น "ถูกต้องครับ!"), เล่นเสียงประกอบ, และไฮไลท์ตัวเลือกที่ถูกและผิด หลังจากนั้นจะรอ 2 วินาที แล้วเรียก showQuestion() เพื่อไปข้อต่อไป หรือเรียก showResults() ถ้าเป็นข้อสุดท้าย

showResults()

หน้าที่: แสดงหน้าสรุปผลทั้งหมด จะหยุดนับเวลาที่ใช้ไป, ซ่อนหน้าเกม, และแสดงหน้าผลลัพธ์ที่ประกอบด้วยข้อมูลนักเรียน, คะแนน, และเวลา พร้อมกับสั่งให้เอฟเฟกต์คอนเฟตติทำงานถ้าคะแนนดี

populateReviewSection()

หน้าที่: สร้างเนื้อหาสำหรับหน้า "ทบทวนคำตอบ" โดยจะวนลูปอ่านชุดคำถามทั้งหมด แล้วสร้างการ์ดเฉลยทีละข้อ ซึ่งในการ์ดแต่ละใบจะแสดงคำถาม, คำตอบที่ถูกต้อง, คำตอบที่นักเรียนเลือก, และคำอธิบายอย่างละเอียด

โลกใหม่มาแล้วเรายังไม่ยอมไปอีก



1. โลกไม่รอใคร
เขาเห็นโลกหมุนไปข้างหน้าทุกวันมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น
แทบทุกเช้า แต่หลายคนยังเลือกใช้วิธีเดิมๆเพราะกลัว
จะเหนื่อยที่จะเริ่มต้นใหม่ ทั้งที่โอกาสมากมายกำลังรอให้คว้าอยู่ตรงหน้า และสุดท้ายคนที่หยุดอยู่กับที่ก็คือคนที่ค่อยๆ
ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังพลาดสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพียงเพราะไม่กล้าไปต่อ

2. เทคโนโลยีไม่เคยหยุด
เขาเห็นเพื่อนบางคนยังพูดว่าฉันไม่ถนัดออนไลน์แล้วเลือกปิดประตูใส่โอกาสของตัวเอง แต่ในความจริง โลกทุกวันนี้คือโลกดิจิทัลแทบทั้งหมด ใครเรียนรู้ที่จะใช้มันก็เท่ากับถือกุญแจไขประตูสู่อนาคต แต่ใครที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก็จะยิ่งเหนื่อยและเสียเปรียบในทุกวันข้างหน้า

3. งานใหม่เกิดขึ้นทุกวัน
เขารู้จักเด็กวัยยี่สิบที่เริ่มต้นจากศูนย์ไม่มีเงินทุนไม่มีเส้นสาย แต่กลับสร้างรายได้จากงานที่เมื่อสิบปีก่อนไม่เคยมี เช่น การขายของออนไลน์หรือทำคอนเทนต์ โลกใหม่นี้ไม่ถามว่าอายุเท่าไหร่หรือมาจากไหน แต่มันถามเพียงว่า คุณกล้าลงมือทำสิ่งใหม่หรือเปล่า และคำตอบนี้แหละที่กำหนดอนาคตของแต่ละคน

4. ความรู้ไม่จำกัดแค่ห้องเรียน
เขาเคยเชื่อว่าใบปริญญาคือบัตรผ่านชีวิต แต่เมื่อเห็นคนมากมายเรียนรู้ทุกอย่างจากมือถือ เพียงแค่เปิดอินเทอร์เน็ต
ก็เข้าถึงความรู้ทั้งโลกได้ เขาจึงเข้าใจว่า โลกใหม่ไม่ได้ถามว่าเรามีวุฒิอะไร แต่ถามว่าเราพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ได้เร็วแค่ไหน ใครลงมือเรียนก่อนย่อมได้เปรียบโดยไม่ต้องรอใครมาอนุมัติอนาคตให้

5. เงินไหลไปตามการเปลี่ยนแปลง
เขาเคยมั่นใจว่าแค่อาชีพเดียวจะเลี้ยงชีพได้ตลอดแต่โลกใหม่สอนเขาว่าเงินไม่ได้หยุดนิ่ง มันมักไหลไปหาคนที่ยอมปรับตัว คนที่เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และกล้าลองทำสิ่งที่ตลาดต้องการจริงในตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เคยเวิร์คเมื่อสิบปีก่อน

6. ความกล้าคือบัตรผ่าน
เขาเคยลังเลจะเริ่มธุรกิจออนไลน์ เพราะกลัวว่าจะพลาด 
จะขายไม่ออก หรือจะเสียหน้า แต่เมื่อได้ลองจริง เขาเข้าใจ
ว่าความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง โลกใหม่นี้ไม่ได้รอให้คุณพร้อม แต่รอให้คุณกล้าเริ่ม และเมื่อลงมือแล้ว ทุกความผิดพลาดคือบทเรียนที่ทำให้ก้าวต่อไปแข็งแรงขึ้นเสมอ

7. ความเร็วคือพลัง
เขาเห็นเพื่อนหลายคนบอกว่าขอคิดดูก่อนแต่ในเวลาที่เพื่อนกำลังคิดอยู่นั้น คนอื่นได้ลงมือทำไปแล้ว และเก็บเกี่ยวผลลัพธ์จริง ความเร็วในโลกใหม่นี้ไม่ใช่เรื่องเร่งรีบ แต่คือการไม่รอความสมบูรณ์แบบ เพราะการเรียนรู้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราก้าวออกไปทำ

8. ความฝันไม่ต้องรออายุ
เขาเคยคิดว่าความสำเร็จต้องรออายุถึงขั้นหนึ่ง แต่โลกใหม่
นี้พิสูจน์แล้วว่า เด็กอายุไม่ถึงยี่สิบก็สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองหรือหารายได้หลักแสนได้ เพราะสิ่งที่โลกใหม่ให้คุณค่าไม่ใช่อายุ แต่คือความคิดและการลงมือจริง

9. โอกาสมักมาในรูปแบบที่ไม่คุ้นเคย
เขาเคยปฏิเสธงานออนไลน์เพราะคิดว่าไม่มั่นคง แต่ไม่นาน
ทุกอย่างรอบตัวกลับกลายเป็นดิจิทัล ทั้งการซื้อ การขาย 
และการทำงาน เขาจึงได้เรียนรู้ว่า โอกาสในโลกใหม่มักมา
ในรูปแบบที่ดูแปลกตา แต่คนที่ยอมรับได้เร็วที่สุดคือคนที่
จะเดินนำ

10. การเชื่อมต่อสำคัญกว่าที่เคย
เขาเคยคิดว่าความสัมพันธ์เกิดขึ้นได้แค่เวลาที่พบกัน
ต่อหน้า แต่โลกใหม่นี้พิสูจน์ว่า เพื่อนแท้ โอกาสงานหรือคู่ค้าดีๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากการเชื่อมต่อเพียงผ่านจอมือถือ ความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะทาง แต่ขึ้นอยู่กับความจริงใจที่เราส่งต่อ

11. ทักษะใหม่คือทรัพย์สินใหม่
เขาเคยภูมิใจว่าตัวเองมีทักษะเพียงพอแล้วแต่เมื่อโลกเปลี่ยน เขาพบว่าทักษะเก่าอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป โลกใหม่นี้ไม่ได้ถามว่าเราเคยทำอะไรมาก่อน แต่มันถามว่า วันนี้คุณทำอะไรได้บ้างและนี่คือความจริงที่ทำให้เขาเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ

12. ความคิดเดิมไม่ช่วยให้รอด
เขาเคยยึดติดกับวิธีการที่เคยทำแล้วสำเร็จ แต่วันหนึ่งเขารู้ว่ามันใช้ไม่ได้อีกต่อไป โลกใหม่ไม่รับประกันว่าความสำเร็จเก่าจะยังทำงานได้ มันบังคับให้เราต้องคิดใหม่ และใครที่ยอมเปลี่ยนความคิดได้เร็วที่สุดคือคนที่จะยังยืนหยัดอยู่ได้

13. การลงมือเล็กๆ เปลี่ยนชีวิตได้
เขาเคยฝันใหญ่แต่ไม่เคยเริ่มต้น เพราะคิดว่าต้องทำให้สมบูรณ์ แต่เมื่อเขากล้าเริ่มจากสิ่งเล็กๆ เช่น เปิดเพจ แชร์ความรู้ หรือขายของชิ้นแรกในออนไลน์ มันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่พาชีวิตไปไกลกว่าที่เคยฝันไว้

14. โลกใหม่ให้พื้นที่กับทุกคน
เขาเห็นคนธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีต้นทุน แต่เพียงแค่กล้าเล่าเรื่องของตัวเองในออนไลน์ กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจ
ให้คนอีกนับพัน โลกใหม่นี้ไม่เลือกชนชั้น แต่เลือกให้โอกาสกับคนที่กล้าส่งเสียงออกมา

15. ความสบายอาจเป็นกับดัก
เขาเคยเลือกอยู่กับสิ่งที่คุ้นเคยเพราะมันปลอดภัย แต่โลกใหม่ไม่ถามว่าใครสบาย โลกใหม่ถามว่าใครกล้าลุกขึ้นเปลี่ยน ความเคยชินที่เราไม่อยากก้าวออกมาอาจกลายเป็นกับดัก 
ที่ค่อยๆ ทำให้เราตามโลกไม่ทันโดยไม่รู้ตัว

16. เวลาไม่รอให้เราโตทันโลก
เขาเห็นว่าโลกเปลี่ยนเร็วขึ้นทุกวัน ข่าวสารไหลผ่านในพริบตา เทรนด์เกิดขึ้นและหายไปในเวลาอันสั้น หากเรายังรอ พร้อมก่อนวันหนึ่งเราอาจพบว่าโลกได้ทิ้งเราไว้ข้างหลังไปไกลเกินกว่าจะวิ่งตามทัน

17. ความไม่แน่นอนคือปกติใหม่
เขาเคยหวังให้ชีวิตมั่นคง แต่โลกใหม่นี้พิสูจน์ว่าความมั่นคงแท้จริงไม่มีอยู่ สิ่งเดียวที่ทำให้เรารอดคือใจที่ยืดหยุ่น 
และพร้อมปรับตัวในทุกการเปลี่ยนแปลง คนที่ไม่ยอมรับ
ความไม่แน่นอนคือคนที่ยากจะอยู่รอดในโลกใหม่นี้

18. โลกใหม่รอให้เราก้าวออกไป
เขาเคยกลัวจนไม่กล้าเริ่ม แต่สุดท้ายเขาได้รู้ว่าโลกใหม่
ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด มันแค่ทดสอบว่าเรากล้าก้าวออกจากกรอบเดิมหรือไม่ และเมื่อได้ก้าวออกไปจริงๆ เขากลับพบว่าทุกโอกาสที่อยากได้ มันรออยู่ตรงหน้ามานานแล้ว

#โลกใหม่ใกล้ฉัน 

แนะนำให้อ่าน
https://s.shopee.co.th/8KfdA89aY2
https://s.lazada.co.th/s.zkalu?cc

หัวใจของการปลดล็อกพลังของ AI

คนส่วนใหญ่สั่ง AI เหมือนสั่งก๋วยเตี๋ยว...
เลยได้ผลลัพธ์จืดๆ กลับมา!
เลิกซะทีเถอะ...ไอ้การพิมพ์แค่ว่า
"ช่วยเขียนโพสต์ขายข้าวกล่องหน่อย"
"คิดแคปชั่นขายเสื้อให้ที"

คุณสั่งงานมันแบบขอไปที...มันก็ตอบคุณแบบขอไปทีเหมือนกัน
แล้วก็มาบ่นว่า AI มันโง่...มันไม่เข้าใจธุรกิจเรา

บอกเลย...AI มันไม่โง่
แต่เรานั่นแหละ "สั่งงานมันไม่เป็น!"

หัวใจของการปลดล็อกพลังของ AI ไม่ใช่ความรู้เทคนิคที่ซับซ้อน
แต่คือการ "สวมบทบาท" และ "ให้ข้อมูล" ที่ครบถ้วน

วันนี้ผมจะแจกสูตร Prompt พื้นฐานที่ผมใช้สร้าง "นักกลยุทธ์ AI" ประจำตัว
เอาไป Copy > Paste > Edit แล้วดูความแตกต่างได้เลย!

🧠 สูตร Prompt ‘นักกลยุทธ์ AI’ ฉบับ SME Mew Social 🧠
(ก๊อปไปใช้ได้เลย!)

#คำสั่งถึง AI#

1. สวมบทบาท:
สวมบทบาทเป็น "นักการตลาดดิจิทัลพันธุ์ดุ" ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างคอนเทนต์สำหรับธุรกิจ SME ในประเทศไทย

2. ป้อนข้อมูลธุรกิจ (ยิ่งละเอียดยิ่งดี):
- ชื่อแบรนด์: [ใส่ชื่อแบรนด์ของคุณ]
- สินค้า/บริการ: [อธิบายสั้นๆ ว่าขายอะไร เช่น ข้าวกล่องคลีนสำหรับคนทำงานออฟฟิศ]
- กลุ่มเป้าหมายหลัก: [อธิบายลูกค้าของคุณ เช่น หนุ่มสาวออฟฟิศวัย 25-40 ปี รักสุขภาพ แต่ไม่มีเวลาทำอาหาร]
- จุดแข็งที่แตกต่าง: [อะไรที่ทำให้คุณดีกว่าคู่แข่ง เช่น เราใช้วัตถุดิบออร์แกนิกทั้งหมด, เมนูไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน, จัดส่งเร็วใน 30 นาที]

3. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน:
เป้าหมายของฉันคือ "ต้องการไอเดียโพสต์ Facebook สำหรับโปรโมตข้าวกล่องคลีน 3 ไอเดีย ที่ทำให้คนอ่านแล้วรู้สึกว่า...ถ้าไม่สั่งกินวันนี้คือพลาด!"

4. สั่งงานที่ต้องทำ:
วิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด แล้วเสนอไอเดียโพสต์ 3 ไอเดียในรูปแบบตาราง โดยแต่ละไอเดียต้องประกอบด้วย:
- Headline ที่กระแทกใจ
- เนื้อหาหลักที่ใช้เทคนิค Pain/Gain (ขยี้จุดเจ็บ แล้วเสนอทางออก)
- ไอเดียรูปภาพ/วิดีโอประกอบ

🔥 ดูความแตกต่างให้เห็นกับตา! 🔥

สมมติคุณขาย "ข้าวกล่องคลีน"

👎 Before (สั่งงานแบบขอไปที):
"ช่วยเขียนโพสต์ขายข้าวกล่องคลีนหน่อย"

🤖 ผลลัพธ์ที่ได้:
"ข้าวกล่องคลีนเพื่อสุขภาพ พร้อมเสิร์ฟแล้ววันนี้! อร่อย มีประโยชน์ สั่งเลย!"
(...โคตรจืดชืด ใครจะอยากกิน!)

👍 After (ใช้สูตร Prompt พันธุ์ดุ):

🤖 ผลลัพธ์ที่ได้:

[1] เที่ยงนี้...ยอมแพ้ให้ "ผัดกะเพราไข่ดาว" อีกแล้วเหรอ?

Pain: เบื่อไหม? กับมื้อเที่ยงเดิมๆ ที่กินเข้าไปแล้วรู้สึกผิดทีหลัง หนังท้องตึง หนังตาหย่อนตอนบ่าย
Gain: เปลี่ยนมื้อเที่ยงที่น่าเบื่อ ให้เป็นการ "รีชาร์จพลัง" ด้วยข้าวกล้องอกไก่ซอสเทอริยากิของเรา อิ่ม อร่อย ไม่ต้องรู้สึกผิด!

[2] หมดแรงตั้งแต่บ่าย 3...โทษใครดี? ถ้าไม่ใช่ "มื้อเที่ยง" ของคุณ

Pain: รู้สึกสมองตื้อ คิดงานไม่ออกตอนบ่ายไหม? พลังงานหมดเร็วผิดปกติ นั่นอาจเป็นเพราะน้ำตาลและไขมันจากมื้อเที่ยง! 
Gain: บูสต์พลังสมองยันเลิกงาน ด้วยปลาแซลมอนย่างเกลือของเรา ที่มี Omega-3 สูง!

[3] "ไม่มีเวลา" ไม่ใช่ข้ออ้างของ "หุ่นพัง" อีกต่อไป

Pain: อยากหุ่นดี แต่ไม่มีเวลาเข้าครัว...สุดท้ายก็จบที่ร้านตามสั่งหน้าออฟฟิศ 
Gain: ให้เราเป็น "แม่ครัวส่วนตัว" ของคุณ! แค่สั่ง...เราส่งข้าวกล่องคลีนที่คำนวณแคลอรี่มาให้แล้วถึงโต๊ะทำงาน

เห็นยัง? แค่เปลี่ยนวิธีสั่ง...
ผลลัพธ์ก็ต่างกันฟ้ากับเหว!

นี่เป็นแค่ Prompt ระดับพื้นฐาน 1 ใน 1,000+ สูตรที่เรามี 

ลองคิดดูว่า...ถ้าคุณมี "คลังแสง" พร้อมรบแบบนี้
และสร้าง "นักกลยุทธ์ AI" เป็นของตัวเองได้... 

ธุรกิจคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน!

"Prompt ที่แจกไปเป็นแค่น้ำจิ้ม! ใน Workshop สด 1 วัน ‘AI Power Day’ เราไม่ได้แค่แจกปลา...แต่เราจะสอน 'วิธีสร้างเบ็ด' และ 'กลยุทธ์การตกปลา' ทั้งมหาสมุทร! คุณจะได้ลงมือสร้าง ‘Custom GPT นักกลยุทธ์’ ที่เป็นเหมือนพนักงานมือดีเพิ่มมาอีกคนโดยไม่ต้องจ่ายเงินเดือน! 

ใครอยากได้คลังแสงพร้อมรบแบบจัดเต็ม และเปลี่ยนทีมการตลาดให้เป็นหน่วยรบพิเศษ...เจอกัน 13 กันยายนนี้! โปร ‘มา 3 จ่าย 2’ ยังมี! ทักมาจองที่นั่งให้ทีมด่วนก่อนเต็ม!" [ลิงค์ใต้คอมเมนต์]

#MewSocial #แจกสูตรPrompt #การตลาดAI #ChatGPT #เจ้าของธุรกิจต้องรู้

40ประโยค​ในชีวิต​ประจำวัน

1. No way! โน เวย์! / ไม่มีทาง
2. That’s fine. แด็ทส์ ไฟน / ไม่เป็นไร
3. What’s up? ว็อทส์ อัพ? / เป็นไงบ้าง
4. Why not? – วาย น็อท? / ทำไมล่ะ
5. Try again. ทราย อะเกน / ลองอีกครั้ง
6. Take care. เทค แคร์ / ดูแลตัวเองนะ
7. Sweet dreams. สวีท ดรีมส์ / ฝันดีนะ
8. Keep going. คีพ โกอิง/ ทำต่อไป
9. Can’t wait. ค้านท์ เวท / รอไม่ไหวแล้ว
10. I forgot. ไอ เฟอะก็อท / ฉันลืม

11. After you. อาฟเทอะ ยู / เชิญคุณก่อนเลย
12. Sure thing. ชัวร์ ธิง / แน่นอน
13. Hold on. โฮลดฺ ออน / รอสักครู่
14. Your call. ยัวร์ คอล / คุณตัดสินใจเลย
15. Break up. เบรค อัพ / เลิกกัน
16. Right now. ไรท์ นาว / ตอนนี้เลย
17. Got it. ก็อท อิท / เข้าใจละ
18. Forget it. เฟอะเก็ท อิท / ลืมมันซะ
19. Just kidding. จัสท์ คิดดิง/ แค่ล้อเล่นน่ะ
20. Your turn. ยัวร์ เทิร์น / ถึงตาคุณแล้ว

21. You’re welcome. ยัวร์ เวลคัม / ด้วยความยินดี
22. Don’t worry. โดนท์ วอรี /ไม่ต้องกังวล
23. Don’t be late. โดนท์ บี เลท / อย่าสายนะ
24. Count me in. เคานท์ มี อิน /ฉันเอาด้วย
25. Be nice. บี ไนซ์ / ทำตัวดี ๆ
26. That’s right. แด็ทส์ ไรท์ / ถูกต้องแล้ว
27. Watch out! วอทชฺ เอาท์! / ระวังนะ!
28. Of course. ออฟ คอส / แน่นอน
29. It happens. อิท แฮพเพินส์ / มันเกิดขึ้นได้
30. I knew it. ไอ นิว อิท / ว่าแล้วเชียว

31. Call me. คอล มี / โทรหาฉัน
32. I agree. ไอ อะกรี / ฉันเห็นด้วย
33. Never mind. เนฟเวอะ ไมนด์ / ไม่เป็นไร
34. Take a break. เทค อะ เบรค / พักก่อน
35. Good job! กุด จ็อบ / ทำดีมาก
36. No worries. โน วอรีส์ /ไม่ต้องกังวล
37. My bad. มาย แบด / ฉันผิดเอง
38. Go for it. โก ฟอร์ อิท / ไปเลย ,ลุยเลย
39. Let’s go. เล็ทส์ โก / ไปกันเถอะ
40. Out of order. เอาทฺ ออฟ ออร์เดอะ / เสีย ,ชำรุด

แข่งคนไม่ใช่คน! ‘โอลิมปิกหุ่นยนต์’ ความฝันอันยิ่งใหญ่ของจีน และสัญญาณความปราชัยของ Tesla


.
ภาพหุ่นยนต์วิ่งแข่ง ชกมวย หรือเตะฟุตบอลอาจจะดูแปลกๆ แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริงในงานWorld Humanoid Robot Games หรือที่หลายคนเปรียบเปรยว่าเป็น ‘โอลิมปิกหุ่นยนต์’ ที่ปักกิ่ง นี่ไม่ใช่แค่การโชว์เทคโนโลยีสนุกๆ แต่คือเวทีที่จีนใช้ประกาศความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านฮิวแมนนอยด์ให้ทั้งโลกได้เห็น
.
เบื้องหลังการแข่งขันนี้คือความฝันอันยิ่งใหญ่ของจีน ที่รัฐบาลทุ่มเงินสนับสนุนไปกว่า 4.5 ล้านล้านบาท เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมนี้ให้ก้าวไปอยู่แถวหน้าสุดของโลก พวกเขามองว่านี่คือสมรภูมิต่อไปที่จะชี้ขาดความเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยี
.
ในขณะที่จีนกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ ฝั่ง Tesla กลับเจอปัญหาในการพัฒนาหุ่น Optimus ที่ล่าช้ากว่ากำหนดไปมาก ทั้งปัญหาการผลิตและการลาออกของผู้บริหารคนสำคัญ สัญญาณเหล่านี้กำลังบอกว่าผู้นำอาจไม่ใช่คนที่เคยเปิดตัวได้ฮือฮาที่สุด
.
ท้ายที่สุดแล้วเกมนี้วัดกันที่ใครจะผลิตหุ่นยนต์ประสิทธิภาพสูงในราคาที่จับต้องได้ก่อนกัน ซึ่งจีนก็ดูจะได้เปรียบอยู่ไม่น้อย ร่วมเจาะลึกการแข่งขันที่ดุเดือดครั้งนี้ และวิเคราะห์ว่าทำไม Tesla ถึงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง
.
อ่านบทความฉบับเต็มต่อได้ที่: https://thestandard.co/robot-olympics-china-grand-vision/
.
#TheStandardWealth

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568

กฎง่ายๆ คือให้ความเคารพ


.
.
.

1. เคารพผู้อื่นแม้ไม่รู้จัก
เขารู้ว่าการยกมือไหว้คนแก่ที่เดินสวนการพูดขอบคุณ
กับพนักงาน หรือการยิ้มให้คนไม่รู้จัก เป็นเรื่องเล็กน้อย
ที่อาจไม่เปลี่ยนโลกทั้งใบ แต่เปลี่ยนหัวใจใครบางคนได้
ในวันนั้น

2. เคารพคนที่คิดต่าง
เขาไม่ปิดกั้นตัวเองเพียงเพราะอีกฝ่ายเห็นไม่เหมือน 
เขาฟังด้วยใจ เปิดพื้นที่ให้ความต่างอยู่ร่วมกันได้เพราะเขารู้ว่าความคิดใหม่ๆ มักซ่อนอยู่หลังความไม่เหมือนเสมอ

3. เคารพความเงียบของใครบางคน
เขาไม่ตื้อให้ใครต้องอธิบาย ไม่บังคับให้เล่าทั้งที่ไม่พร้อม เพราะบางครั้งความเงียบคือการพักใจ และการเคารพความเงียบนั้นคือการบอกว่า ฉันยังอยู่ตรงนี้แม้คุณจะไม่พูด

4. เคารพเวลาของคนอื่น
เขามาตรงเวลา ไม่ให้ใครรอนานๆ เพราะเขารู้ว่าทุกนาทีของคนอื่นก็มีคุณค่าเหมือนเวลาของเขาเอง การให้เกียรติเวลา
ของใคร นั่นแหละคือการให้เกียรติทั้งชีวิตเขา

5. เคารพพื้นที่ส่วนตัว
เขาไม่ถามเรื่องที่อีกฝ่ายไม่อยากเล่าไม่บุกรุกพื้นที่ใจหรือพื้นที่กาย เพราะเขารู้ว่าทุกคนมีมุมเล็กๆ ที่อยากเก็บไว้เป็นของตัวเอง และนั่นคือสิ่งที่ควรได้รับการเคารพ

6. เคารพความพยายาม
เขาไม่หัวเราะเมื่อเห็นใครล้มเหลว แต่กลับมองเห็นความกล้าของการลงมือทำ เพราะเขารู้ว่าคนที่ล้ม คือคนที่พยายาม 
และความพยายามนั้นควรได้รับกำลังใจ ไม่ใช่การเยาะเย้ย

7. เคารพความฝันเล็กๆ
เขาไม่ดูถูกใครที่อยากเปิดร้านเล็กๆหรืออยากวาดรูปเล่นๆ เพราะเขารู้ว่าทุกฝันมีค่าในสายตาของเจ้าของมันและบางครั้งฝันเล็กๆ วันนี้ก็อาจกลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในวันหน้า

8. เคารพผลงานของคนอื่น
เขาไม่เอาไอเดียไปเป็นของตัวเอง ไม่ลืมบอกชื่อคนที่ทำ 
เขารู้ว่าผลงานทุกชิ้นเต็มไปด้วยเวลา แรงใจ และความทุ่มเทของใครบางคน การให้เครดิตคือการให้เกียรติที่ยุติธรรมที่สุด

9. เคารพธรรมชาติและสิ่งรอบตัว
เขาไม่ทิ้งขยะลงถนน ไม่ใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น เพราะเขารู้ว่าโลกใบนี้คือบ้านเดียวกัน ถ้าเราไม่เคารพมัน วันหนึ่งก็ไม่มีใครเหลือพื้นที่ดีๆ ให้พักพิงอีกแล้ว

10. เคารพเงื่อนไขของชีวิต
เขาไม่ฝืนควบคุมทุกอย่าง เพราะเขารู้ว่าบางเรื่องเราเปลี่ยน
ไม่ได้ เขาเลือกจะอยู่ร่วมกับมันอย่างสงบ และใช้พลังไปกับสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้จริง นั่นคือการเคารพความจริงของชีวิต

11. เคารพผู้ใหญ่และคนที่มาก่อน
เขาไม่ลืมที่จะก้มหัวให้กับความเหน็ดเหนื่อยของคนรุ่นก่อน เพราะเขารู้ว่าทุกสิ่งที่เขามีวันนี้ มีรากฐานมาจากการเสียสละของใครบางคนที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว

12. เคารพคนรุ่นใหม่
เขาไม่มองว่าเด็กคือคนด้อยกว่า แต่กลับยอมรับว่าพวกเขา
มีมุมมองสดใหม่ ที่อาจเป็นทางออกให้ปัญหาที่คนรุ่นเก่าไม่เห็น การเคารพคือการยอมรับว่าทุกวัยมีคุณค่าในแบบของ
ตัวเอง

13. เคารพตัวเอง
เขาไม่ฝืนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ทำร้าย ไม่ลดค่าตัวเอง
เพื่อให้ใครพอใจ เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาไม่เคารพตัวเองก่อน 
ก็ยากที่จะให้ใครมาเคารพเขาได้

14. เคารพความแตกต่างเล็กๆ
เขาไม่หัวเราะใครเพียงเพราะการแต่งตัว หรือวิถีชีวิตไม่เหมือนกัน เพราะเขารู้ว่าความแตกต่างคือเสน่ห์ที่ทำให้
โลกนี้หลากหลาย และโลกที่หลากหลายคือโลกที่น่าอยู่ที่สุด

15. เคารพความเงียบงันในบทสนทนา
เขาไม่อึดอัดเมื่อไม่มีคำพูด เพราะเขารู้ว่าความเงียบ
ก็สื่อสารได้ ว่ามิตรภาพแข็งแรงพอที่จะไม่ต้องพูดทุกวินาที

16. เคารพความพ่ายแพ้ของใครบางคน
เขาไม่ซ้ำเติม ไม่ใช้คำพูดทำร้าย แต่เลือกยื่นมือให้กำลังใจ เพราะเขารู้ว่าทุกคนเคยแพ้ และทุกการแพ้คือโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งกว่าเดิม

17. เคารพความสำเร็จของคนอื่น
เขาไม่อิจฉา ไม่ประชด แต่เลือกยินดีด้วยจากใจเพราะเขารู้
ว่าความสำเร็จของคนอื่นไม่ได้ขโมยโอกาสจากเขาเลย 
ตรงกันข้าม มันอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เขาก้าวต่อด้วย

18. เคารพชีวิตทุกชีวิต
เขาไม่เหยียดสัตว์ ไม่ดูถูกคนด้อยกว่า เพราะเขารู้ว่าคุณค่าของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ความรวยหรือเก่ง แต่อยู่ที่หัวใจที่รู้จัก
ให้ความเคารพต่อกันและกันอย่างแท้จริง

แนะนำให้อ่าน
https://s.shopee.co.th/9fB0v9G9A3
https://s.lazada.co.th/s.zkTfO?cc

#เคารพกันและกัน

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เย็นกว่า ประหยัดกว่า สะอาดกว่า! จีนเริ่มทำ Data Center ใต้น้ำ ลดการสูบพลังงานของเซิร์ฟเวอร์บนบก


.
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้งกำลังกลายเป็นสมรภูมิสำคัญทางเทคโนโลยีโลก เบื้องหลังขุมพลังการประมวลผลมหาศาลคือ "Data Center" ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่สมองกลเหล่านี้ก็มาพร้อมกับจุดอ่อนสำคัญ นั่นคือการสูบพลังงานและทรัพยากรน้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อน แต่ตอนนี้ จีนกำลังเสนอทางออกที่อาจเปลี่ยนเกมการเล่นไปตลอดกาล ด้วยการนำ Data Center ทั้งหมดดำดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทร
.
แทนที่จะใช้ระบบทำความเย็นที่ซับซ้อนและกินไฟมหาศาลบนบก Data Center ใต้น้ำของบริษัท Hailanyun (หรือที่รู้จักในชื่อ HiCloud) ใช้หลักการง่ายๆ แต่ทรงพลัง นั่นคือการสูบฉีดน้ำทะเลเย็นๆ ผ่านระบบหม้อน้ำ (Radiator) ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังแผงเซิร์ฟเวอร์เพื่อดูดซับและระบายความร้อนออกไปโดยตรง
.
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่ง เพราะมันสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้มากกว่า 30% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกแบบดั้งเดิม และที่สำคัญไปกว่านั้น โครงการนี้ยังถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานสะอาดเกือบ 100% โดยรับไฟฟ้าถึง 97% มาจากฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่อยู่ใกล้เคียง
.
เฟสแรกของโครงการนี้มีกำหนดเริ่มใช้งานในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ประกอบด้วยชั้นวางเซิร์ฟเวอร์ 198 ตู้ แต่มีพลังการประมวลผลสูงพอที่จะเทรนโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง GPT-3.5 ให้เสร็จสิ้นได้ภายในวันเดียว นี่คือข้อพิสูจน์ว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่แค่จินตนาการ แต่สามารถใช้งานได้จริง

ไม่มีเงินไม่มีชื่อเสียง ไม่มีประสบการณ์ ก็สร้างชีวิตให้สำเร็จได้

.
.
.

1. เริ่มจากสิ่งเล็กๆที่ทำได้ทันที
เขาไม่รอให้มีทุนไม่รอให้พร้อมทุกด้านแต่เขาเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ตรงหน้าที่ทำได้เลย เช่น ขายของชิ้นเล็กในออนไลน์ ฝึกสกิลจากคลิปฟรี หรือเขียนโพสต์เล่าเรื่องทุกวัน เพราะเขารู้ว่าถ้า
ไม่เริ่มสักที ความฝันก็จะเป็นแค่ฝันตลอดไป

2. ใช้ความพยายามแทนเงิน
เขาไม่มีเงิน แต่เขาเอาความมุ่งมั่นเข้ามาแทน เขาเลือกทุ่มแรงกายมากกว่าคนอื่น ตื่นเช้ากว่า ทำดึกกว่า และไม่ยอมปล่อยให้เวลาหลุดมือไป เพราะเขาเชื่อว่าความพยายามหนักแน่นพอ จะกลายเป็นทุนที่ทรงพลังที่สุด

3. ทำให้คนได้มากกว่าที่เขาคาดหวัง
เขาไม่ได้ขายแค่ของหรือบริการ แต่เขาใส่ใจจนลูกค้ารู้สึก
ว่า สิ่งที่ได้มันมากกว่าราคาและนี่เองที่ทำให้โอกาสใหม่ๆ 
ตามมาเรื่อยๆ คนบอกต่อ คนกลับมาซื้อซ้ำ และเขาก็เติบโตโดยไม่ต้องอาศัยชื่อเสียงแต่แรก

4. เอาความรู้คนอื่นมาเป็นครู
เขาไม่มีเงินไปลงคอร์สแพงๆ แต่เขาอ่านบทความฟรี 
ฟังพอดแคสต์ ดูยูทูบ และศึกษาจากหนังสือมือสอง 
เขาใช้สมองดูดซับประสบการณ์ของคนที่สำเร็จมาก่อน 
แล้วนำมาปรับใช้จนกลายเป็นเส้นทางของตัวเอง

5. ฝึกจนชำนาญมากกว่าคนทั่วไป
เขาอาจไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ แต่เขามีพรแสวง 
เขาฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนที่เก่งกว่าแต่ขี้เกียจยังต้องถอย เพราะความเก่งที่แท้จริงไม่ได้มาจากพรสวรรค์ แต่มาจาก
การฝึกซ้อมแบบไม่ถอยหลัง

6. มองความล้มเหลวเป็นครูราคาแพง
เขาไม่กลัวการผิดพลาด เพราะเขารู้ว่าทุกครั้งที่ล้มคือบทเรียนที่สอนแรงที่สุด เขายอมเจ็บตอนนี้ เพื่อไม่ต้องเจ็บหนักตอนโต เพราะเขาเลือกให้ความล้มเหลวเป็นห้องเรียนที่จะปั้นให้เขาแข็งแกร่ง

7. ใช้ความจริงใจสร้างคอนเนคชั่น
เขาไม่ได้มีชื่อเสียงที่จะดึงดูดใคร แต่เขามีความจริงใจ 
เขาช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผล และเมื่อถึงวันที่เขาต้อง
การความช่วยเหลือ คนเหล่านั้นก็พร้อมจะยื่นมือกลับมา 
เพราะความจริงใจซื้อใจคนได้เสมอ

8. มองปัญหาเป็นโอกาสใหม่
เขาไม่บ่นว่าไม่มี แต่เขามองหาสิ่งที่คนยังไม่ทำ หรือสิ่งที่ยัง
ไม่ถูกแก้ แล้วเขาก็ลงมือทันที ปัญหาที่คนอื่นกลัว เขาเอามาเป็นสะพานสร้างความสำเร็จ

9. ใช้โลกออนไลน์เป็นเวทีชีวิต
เขาไม่มีเวทีใหญ่ ไม่มีใครรู้จัก แต่เขาใช้เฟซบุ๊ก ยูทูบ ติ๊กต็อก เป็นพื้นที่เล่าเรื่อง เป็นที่สร้างแบรนด์ตัวเอง จนวันหนึ่งชื่อเขา
ก็เริ่มดังขึ้นมา โดยไม่ต้องใช้เงินซื้อโฆษณาสักบาท

10. ลงมือก่อนค่อยแก้ทีหลัง
เขาไม่รอให้พร้อม 100% เพราะเขารู้ว่าการรอคือการเสียโอกาส เขาเลือกเริ่มจากสิ่งที่มี 50% แล้วค่อยปรับปรุง
ระหว่างทาง และนั่นแหละที่ทำให้เขาได้วิ่งนำคนที่มัวแต่
รอความสมบูรณ์

11. เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง
เขาไม่ได้ดูถูกตัวเองเพราะไม่มีเงิน ไม่มีชื่อเสียง แต่เขาเชื่อ
ว่าตัวเองมีบางอย่างที่โลกต้องการ เขาเลือกยืนหยัดด้วยสิ่งนั้น และค่อยๆ ทำให้คนรอบข้างเริ่มเห็นคุณค่าที่เขามี

12. ทำมากกว่าพูดเสมอ
เขาไม่เสียเวลาบอกว่า เดี๋ยวจะทำแต่เขาเลือกทำให้เห็น 
ผลงานจริงคือเสียงที่ดังที่สุด และเสียงนี้เองที่พาเขาไปไกล
กว่าคำพูดใดๆ

13. เอาความลำบากมาเป็นเชื้อไฟ
เขาไม่ได้หนีความจน เขาเอามันมาเป็นพลัง เขาพูดกับตัวเองว่า ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้วันนี้ พรุ่งนี้กูก็ยังจนเหมือนเดิมและนี่แหละคือไฟที่ผลักให้เขาก้าวไปเร็วกว่าใคร

14. สะสมประสบการณ์จากโอกาสเล็กๆ
เขาไม่รอโอกาสใหญ่ แต่เขากวาดทุกโอกาสเล็กๆ ที่เข้ามา 
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานฟรี หรือทำงานเล็กๆ เพราะเขารู้ว่าประสบการณ์เหล่านี้จะกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังในอนาคต

15. ทำให้คนรอบข้างประทับใจเสมอ
เขาไม่มีชื่อเสียง แต่เขาใส่ใจคนรอบตัว ทำให้ทุกคนที่เจอเขารู้สึกดี และจากคนไม่กี่คน เสียงบอกต่อก็ค่อยๆ กระจายไปเป็นพันเป็นหมื่น จนชื่อเขาเริ่มดังขึ้น

16. มีวินัยแม้ไม่มีใครเห็น
เขาไม่รอเสียงเชียร์ เขาลุกขึ้นทำซ้ำทุกวัน แม้จะไม่มีใคร
ปรบมือให้ เพราะเขารู้ว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากสิ่งที่คนเห็น 
แต่เกิดจากวินัยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

17. จำไว้ว่าทุกคนเคยเริ่มจากศูนย์
เขาไม่ท้อที่ตัวเองไม่มีอะไร เพราะเขารู้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ก็เคยเริ่มจากศูนย์เหมือนกัน ถ้าคนอื่นทำได้ 
เขาก็ทำได้เช่นกัน

18. ไม่หยุดเดินแม้ถูกดูถูก
เขาเจอคำสบประมาท เขาโดนหัวเราะใส่แต่เขาใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นเชื้อเพลิง เขาเดินต่อไปอย่างดื้อดึง และวันหนึ่ง คนที่เคยหัวเราะก็ต้องหันมายอมรับความจริงว่าเขาทำได้

แนะนำให้อ่าน
https://s.shopee.co.th/5feraA57FD
https://s.lazada.co.th/s.z9WTF?cc

แนวทางการใช้​AI. อีกแนว

### คนไทยส่วนใหญ่ใช้ NotebookLM เหมือน ChatGPT แห้งๆ แต่จะบอกว่าพี่ชายย มันโหดกว่านั้นเยอะะะ
.
หนึ่งในเครื่องมือโปรด ลูกรัก ใช้ทุกวัน5555 ผมเอาสูตรลับ NotebookLM มาฝากฮะ
.
[1] "สร้าง Everything Notebook": ผมแบ่ง Notebook ต่างๆ ตาม Topic เช่น ธุรกิจ จิตใจ แต่ก็มีเล่มนึงที่ใส่อะไรก็ได้ มันจะทำให้เราเก็บ Note ได้หลากหลายกว่า ไม่ต้องจำกัดตัวเองอยู่ เจออะไรที่ชอบก็โยนลงไปได้เลย
.
[2] "คุยกับตัวเอง": คุณเขียนบันทึกไหม เขียน Journal หรือป่าว ลองเอาสิ่งที่คุณเขียนโยนลงไปดูดิ เหมือนกับเราได้คุยกับใจตัวเองในหลายๆ วันที่ผ่านมา ฮีลใจ สะท้อนตัวเอง ดีสุดๆ
.
[3] "Prompt ยาวเกิน?": ไม่ใช่ปัญหา สูตรโกงคือเราสามารถเอา Prompt ยัดลง Google Doc แล้วตั้งชื่อไฟล์ว่า Prompt NotebookLM จากนั้น ให้มันอ่านและรันจากไฟล์นี้ได้เลย เจ๋งมะ55
.
[4] "ขอคำตอบแบบ ELI5": เวลาโยนอะไรลงไปใน NotebookLM แล้วต่อด้วย ELI5 (Explain like i am 5) อธิบายแบบเด็ก 5 ขวบ มันสามารถทำให้เรื่องยากๆ กลายเป็นง่ายแบบงงอะ
.
[5] "เถียงกันให้ดูหน่อย": เวลาใช้ AI อย่าเพิ่งเชื่อในทางเดียว คุณกำลังอยากรู้เรื่องอะไร ลองเอาวิดีโอหรือไฟล์ที่เขาเห็นไม่ตรงกันใส่ลงไป แล้วให้มันโต้กันดู คำตอบดีจริง
.
[6] "Podcast แบบสั่งได้": รู้ไหมฟังก์ชั่นแปลงเนื้อหาเป็น Podcast ใน NotebookLM เราสามารถปรับแต่งได้นะ อยากให้เขาโฟกัสเรื่องอะไรเป็นพิเศษ คุณอยากรู้เรื่องอะไร มีปัญหาอะไร บอกได้เลย
.
[7] "ไม่ Blank อีกต่อไป": เคยมั้ยเวลาไปฟังอะไรจากคนเก่งๆ แล้วเขาถามว่า "มีคำถามมั้ย" เลิกลั่ก ไม่รู้จะถามอะไร555 ใน NotebookLM มันมีคำถามเป็นไกด์ไว้ให้เรา กดไปเลยย ไม่ง๊องแล้ว
.
[8] "เปลี่ยน Format ของเนื้อหา": อีกอย่างที่ชอบคือ NotebookLM มันเปลี่ยน Format ให้ไปทางที่เราถนัดได้ เช่นคุณถนัดอ่านเนื้อหาเป็นข้อๆ ก็เอาวิดีโอโยนเข้าไป แล้วบอกมันว่าขอเป็นข้อๆ ได้ไหม น้านนน
.
[9] "สร้างหลักสูตรส่วนตัว": อยากเรียนรู้เรื่องอะไรละ ธุรกิจ? โค้ด? ถ่ายรูป? โยนเนื้อหาลงไป แล้วบอกให้มันจัดเป็นหลักสูตรให้ มันทำออกมาจัดเต็มเหมือนจ้างอาจารย์ร่างหลักสูตรหลักหมื่น ครบจบ โหดมากก
.
[10] "สร้างคำถามที่พบบ่อย": โยนเอกสารของทั้งบริษัทลงไป เปลี่ยนเป็น FAQ (คำถามที่พบบ่อย) ออกมาได้เลย ปริ้นหรือส่ง ไม่ต้องมาตอบพนักงานหรือลูกค้าซ้ำๆ ละ55
.
[11] "ชี้สิ่งที่เราไม่เห็น": ถ้าจะมีเรื่องนึงที่ AI เก่งกว่าเรามากก็คือการเชื่อมโยงนี่แหละ โยนเนื้อหาลงไป แล้วบอกให้มันหา insights มาซัก 2-3 ข้อ บอกเลยอันนี้ตกใจ
.
เมื่อก่อน เข้าถึงความรู้ได้เยอะ = โอกาสเยอะกว่า
แต่ตอนนี้ เรียนรู้ได้เร็วกว่า = โอกาสเยอะกว่า
.

50​ ประโยค​ Don't

1. Don’t worry. (โดนท์-วอ-รี) – อย่ากังวล

 2. Don’t cry. (โดนท์-คราย) – อย่าร้องไห้
 3. Don’t be late. (โดนท์-บี-เลท) – อย่าสาย
 4. Don’t forget. (โดนท์-ฟอร์-เก็ท) – อย่าลืม
 5. Don’t give up. (โดนท์-กิฟ-อัพ) – อย่ายอมแพ้
 6. Don’t lie. (โดนท์-ไล) – อย่าโกหก
 7. Don’t run. (โดนท์-รัน) – อย่าวิ่ง
 8. Don’t shout. (โดนท์-เชาท์) – อย่าตะโกน
 9. Don’t cheat. (โดนท์-ชีท) – อย่าโกง
 10. Don’t laugh at me. (โดนท์-ลาฟ-แอ็ท-มี) – อย่าหัวเราะเยาะฉัน
 11. Don’t move. (โดนท์-มูฟ) – อย่าขยับ
 12. Don’t touch it. (โดนท์-ทัช-อิท) – อย่าแตะมัน
 13. Don’t look back. (โดนท์-ลุค-แบ็ค) – อย่าหันกลับไป
 14. Don’t push me. (โดนท์-พุช-มี) – อย่าผลักฉัน
 15. Don’t call me now. (โดนท์-คอล-มี-นาว) – อย่าโทรหาฉันตอนนี้
 16. Don’t break it. (โดนท์-เบรค-อิท) – อย่าทำมันแตก
 17. Don’t waste time. (โดนท์-เวสท์-ไทม์) – อย่าเสียเวลา
 18. Don’t waste money. (โดนท์-เวสท์-มัน-นี) – อย่าใช้เงินเปลือง
 19. Don’t be afraid. (โดนท์-บี-อะ-เฟรด) – อย่ากลัว
 20. Don’t open the door. (โดนท์-โอเพ่น-เดอะ-ดอร์) – อย่าเปิดประตู
 21. Don’t eat too much. (โดนท์-อีท-ทู-มัช) – อย่ากินเยอะเกินไป
 22. Don’t drink and drive. (โดนท์-ดริ้งก์-แอนด์-ไดรฟ์) – อย่าดื่มแล้วขับ
 23. Don’t give me excuses. (โดนท์-กิฟ-มี-เอ็ก-คิวซิส) – อย่าแก้ตัว
 24. Don’t blame me. (โดนท์-เบลม-มี) – อย่าโทษฉัน
 25. Don’t be lazy. (โดนท์-บี-เล-ซี) – อย่าขี้เกียจ
 26. Don’t stare at me. (โดนท์-สแตร์-แอ็ท-มี) – อย่าจ้องฉัน
 27. Don’t quit. (โดนท์-ควิท) – อย่าล้มเลิก
 28. Don’t be silly. (โดนท์-บี-ซิล-ลี) – อย่าไร้สาระ
 29. Don’t copy me. (โดนท์-คอพ-พี-มี) – อย่าลอกฉัน
 30. Don’t mess it up. (โดนท์-เมส-อิท-อัพ) – อย่าทำพัง
 31. Don’t make excuses. (โดนท์-เมค-เอ็ก-คิวซิส) – อย่าหาข้ออ้าง
 32. Don’t argue. (โดนท์-อาร์-กิว) – อย่าเถียง
 33. Don’t be rude. (โดนท์-บี-รูด) – อย่าหยาบคาย
 34. Don’t fight. (โดนท์-ไฟท์) – อย่าทะเลาะ
 35. Don’t give me that look. (โดนท์-กิฟ-มี-แดท-ลุค) – อย่ามองฉันแบบนั้น
 36. Don’t ignore me. (โดนท์-อิก-นอร์-มี) – อย่ามองข้ามฉัน
 37. Don’t be shy. (โดนท์-บี-ชาย) – อย่าเขิน
 38. Don’t lie to yourself. (โดนท์-ไล-ทู-ยัวร์-เซลฟ์) – อย่าหลอกตัวเอง
 39. Don’t text while driving. (โดนท์-เท็กซ์ท-ไวล์-ไดรฟ์-วิ่ง) – อย่าส่งข้อความขณะขับรถ
 40. Don’t underestimate me. (โดนท์-อัน-เดอร์-เอส-ทิ-เมท-มี) – อย่าประเมินค่าฉันต่ำ
 41. Don’t panic. (โดนท์-แพน-นิค) – อย่าตกใจ
 42. Don’t say that. (โดนท์-เซย์-แดท) – อย่าพูดแบบนั้น
 43. Don’t leave me. (โดนท์-ลีฟ-มี) – อย่าทิ้งฉัน
 44. Don’t trust him. (โดนท์-ทรัสท์-ฮิม) – อย่าไว้ใจเขา
 45. Don’t complain. (โดนท์-คอม-เพลน) – อย่าบ่น
 46. Don’t take it seriously. (โดนท์-เทค-อิท-ซี-เรียส-ลี่) – อย่าจริงจังเกินไป
 47. Don’t stop dreaming. (โดนท์-สตอป-ดรีม-มิ่ง) – อย่าหยุดฝัน
 48. Don’t waste your energy. (โดนท์-เวสท์-ยัวร์-เอ็น-เนอร์-จี) – อย่าเสียแรงเปล่า
 49. Don’t rush. (โดนท์-รัช) – อย่ารีบ
 50. Don’t give up on me. (โดนท์-กิฟ-อัพ-ออน-มี) – อย่าทิ้งฉันไป

50 สิ่งที่ : ChatGPT สามารถช่วยคุณได้

📖 50 สิ่งที่ : ChatGPT สามารถช่วยคุณได้
‘‘
📓การเรียนรู้และการศึกษา
1. อธิบายบทเรียนในแต่ละวิชา เช่น คณิต วิทย์ สังคม 
2. สรุปเนื้อหาแต่ละบทให้ง่ายขึ้น
3. ติวสอบ ออกแบบข้อสอบ พร้อมเฉลย
4. อธิบายทีละขั้นตอน เช่น วิธีแก้โจทย์เลข
5. ช่วยเขียนรายงาน/เรียงความ
‘‘
📖เรียนภาษาและการแปล
6. แปลภาษา (อังกฤษ–ไทย หรือภาษาอื่นๆ)
7. สอนแกรมม่าอังกฤษ
8. แก้ไขประโยคที่ผิด
9. สร้างประโยคตัวอย่าง
10. สร้างบทสนทนาจากสถานการณ์จริง
‘‘
💡ความคิดสร้างสรรค์และไอเดีย
11. คิดไอเดียธุรกิจ
12. คิดชื่อแบรนด์
13. คิดสโลแกน
14. คิดหัวข้อคอนเทนต์
15. คิดเกม/กิจกรรม
‘‘
✍️การเขียนและคอนเทนต์
16. เขียนบทความ
17. เขียนโพสต์โซเชียล
18. ช่วยคิดแคปชั่น
19. เขียนสคริปต์วิดีโอ/ยูทูบ
20. การคิดข้อความเชิงการตลาด
‘‘
🎨งานออกแบบและภาพ
21. ช่วยออกแบบโปสเตอร์/โลโก้ (ให้ไอเดีย + AI สร้างภาพ)
22. สร้างรูปภาพด้วย AI จากคำสั่ง
23. ช่วยวางเลย์เอาท์หนังสือ E-book
24. คิดธีมสีหรือสไตล์งานออกแบบ
25. สร้างสติ๊กเกอร์/การ์ตูน AI
‘‘
📊การทำงานและออฟฟิศ
26. เขียนอีเมลธุรกิจ
27. สรุปการประชุม
28. ช่วยทำ Dashboard
29. วิเคราะห์ข้อมูล Excel/CSV
30. เขียนรายงานวิจัย/โปรเจกต์
‘‘
💻เทคโนโลยีและโปรแกรมมิ่ง
31. เขียนโค้ด (Python, JavaScript, HTML ฯลฯ)
32. แก้บั๊กโค้ด
33. อธิบายการทำงานของโค้ด
34. แปลงโค้ดจากภาษา A → B
35. ช่วยออกแบบระบบ/ฐานข้อมูล
‘‘
💵การพัฒนาและการเงิน
36. ให้ความรู้เรื่องการลงทุน
37. ช่วยคำนวณดอกเบี้ย/การออม
38. อธิบายแนวคิดเศรษฐกิจ
39. สร้างตารางวางแผนเกษียณ
40. ช่วยวิเคราะห์/เปรียบเทียบ ความคุ้มค่าของการลงทุน
‘‘
🏃สุขภาพและการใช้ชีวิต
41. ให้ความรู้ด้านโภชนาการ
42. สร้างแผนการออกกำลังกาย
43. ให้คำแนะนำด้านการกินภายใต้ข้อจำกัด
44. ให้สูตรอาหารง่ายๆ
45. ช่วยจัดตารางเวลา
‘‘
🎶 บันเทิงและไลฟ์สไตล์ 🎬🎶
46. แนะนำหนัง/ซีรีส์
47. แนะนำเพลงตามอารมณ์
48. แนะนำกิจกรรมยามว่าง
49. แนะนำหนังสือ
50. แนะนำเกมสนุกๆ
————
📚 FB : เรียนรู้ตลอดชีวิต - Lifelong Learning 
◾️ เพจที่เราจะเรียนรู้ทุกอย่างเพื่อพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆ กัน

รวมเทคนิค “Marketing Campaign” ร้านอาหารใช้ได้ผล!


.
ในยุคที่การแข่งขันทางการค้ารุนแรง การใช้ “โปรโมชัน” กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของธุรกิจแทบทุกประเภท มีเป้าหมายเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาด เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้มากที่สุด ยิ่งถ้าไปดูผลสำรวจจะทำให้เห็นว่า “โปรโมชัน” สำคัญแค่ไหน
.
✅ 87% ของผู้บริโภคชาวไทยระบุว่า “โปรโมชัน” มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ
✅ 60% ยอมเปลี่ยนแบรนด์ที่เคยซื้อ หากแบรนด์อื่นมีโปรโมชันน่าสนใจกว่า
✅ 50% สร้างการรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้น (Brand Awareness)
✅ 30% คือยอดลูกค้าที่เพิ่มขึ้นหลังที่ธุรกิจมีการใช้ Marketing Campaign
.
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า เมื่อมีแคมเปญเข้ามากระตุ้นจะช่วยเพิ่มยอดใช้จ่ายต่อบิลได้ 10-15% และเพิ่มโอกาส 15–25% ในการดึงลูกค้าใหม่ให้กลับมาซื้อ (Repeat Rate) หลังจากจบแคมเปญ
.
อย่างไรก็ดีการใช้ Marketing Campaign ก็ไม่ต่างจากดาบสองคมถ้าเลือกใช้ไม่ถูกต้องแทนจะได้ผลดีอาจกลายเป็นผลเสีย เช่นลูกค้าไม่ซื้อสินค้าในช่วงเวลาปกติจะรอซื้อแค่ตอนจัดแคมเปญ หรือแคมเปญที่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคก็ไม่อาจเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้เช่นกัน
.
โดยเฉพาะกับร้านอาหารที่แต่เดิมก็มี “ต้นทุน” ที่สูงจากค่าวัตถุดิบ + บริหารจัดการ ถ้าจะทำแคมเปญเพิ่มด้วยก็ต้องคิดวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนว่าจะกระตุ้นยอดขายได้จริงไม่ใช่ไปเพิ่มภาระให้ตัวเอง แทนที่จะได้กำไรเพิ่มอาจกลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มโดยไม่จำเป็น หรือควรเลือกแคมเปญที่เหมาะสมซึ่งมีหลายแบบเช่น
.
✅ แคมเปญสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness Campaign) เน้นไปที่การสร้างการรับรู้และรู้จักแบรนด์มากขึ้น
✅ แคมเปญสะสมคะแนน (Loyalty Program) สำหรับเน้นกระตุ้นยอดขายในทันที
✅ แคมเปญส่งเสริมการขาย (Promotion Campaign) เพิ่มโอกาสในการตัดสินใจของลูกค้าในช่วงเวลานั้นได้ทันที
✅ แคมเปญเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ (Product Launch Campaign) การสร้างโอกาสเพิ่มการขายได้ในระยะยาว
✅ แคมเปญสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Campaign) เน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าให้เหนียวแน่น
.
ในแวดวงธุรกิจปัจจุบันนี้ก็จะมีการเลือกใช้แคมเปญเหล่านี้แตกต่างกันไปยกตัวอย่างที่เห็นภาพง่ายสุดคือการที่โลตัส เปิดแคมเปญ HAPPY MALL STAMP สะสมแสตมป์ล่าไอเท็ม “ความสุขจากทุกใบเสร็จ สะสมง่าย แลกได้จริง ไม่ต้องลุ้น” ที่รวมรางวัลตั้งแต่ iPhone 16 Pro Max ยันตั๋วเครื่องบินไป-กลับฮ่องกง 
.
หรือการที่ ลัคกี้ สุกี้ ใช้เวลาแค่ 3 ปี ก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 1,000 ล้านบาท ผ่านการใช้ THEMATIC Campaign" รักเธอไม่มีหมด" รวมไปถึงศึกเดือดในแวดวงสุกี้ที่ต่อสู้กันด้วยแคมเปญเด็ดๆ ซึ่งก็มีเป้าหมายเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดให้กับแบรนด์ได้มากที่สุด
.
แต่ถ้าจะให้แยกย่อยและเลือกรูปแบบสำหรับการทำ Marketing Campaign ในร้านอาหารก็มีอีกหลายแบบที่นำมาใช้ได้ผลจริง ได้แก่
.
1️⃣ จับคู่อร่อย คุ้มยิ่งกว่า!
.
การจัดเซตเมนูที่ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่า และเพิ่มยอดขายให้ร้านอาหารได้ส่วนใหญ่เป็นการนำเมนูอาหาร 2 เมนู มารวมกันเป็น 1 เซ็ต มีผลทางจิตวิทยา ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ามากกว่าการสั่งแค่เมนูเดียว
.
2️⃣ เมนูใหม่ ราคาพิเศษ
.
การจัดโปรโมชัน เมนูใหม่ ราคาพิเศษ ทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากรู้ อยากลอง ซึ่งหากเมนูนั้นอร่อยถูกใจ ก็จะกลายเป็นเมนูที่ลูกค้าจะสั่งต่อไปในครั้งหน้าได้ด้วย
.
3️⃣ แลกซื้อราคาพิเศษ
.
คือการจูงใจให้ลูกค้าสั่งเมนูอาหารที่เรากำหนดไว้ เพื่อแลกซื้ออีกเมนูในราคาพิเศษ เช่น สั่งข้าวพัดกระเพรา 1 จาน รับสิทธิ์แลกซื้อน้ำอัดลมราคาพิเศษ 15 บาท เป็นต้น
.
4️⃣ ส่วนลดพิเศษตามเทศกาล
.
การจัดเมนูพิเศษหรือมอบส่วนลดให้เหมาะสมกับแต่ละเทศกาล และอาจเป็นการโฆษณาผ่านโซเชี่ยลได้แบบฟรีไม่ต้องเสียเงินจากโพสต์ของลูกค้าเอง
.
5️⃣ ฉลองเปิดร้านหรือครบรอบเปิดร้าน
.
กลยุทธ์ครอบรอบเปิดร้านเช่น ครบรอบ 1 ปี , ครบรอบ 2 ปี การใส่โปรโมชันก็ต้องให้สอดคล้องและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่พิเศษจริงๆ เช่นอาจมีเมนูพิเศษ หรือจัดกิจกรรมแจกของรางวัลสำหรับลูกค้า เป็นต้น
.
6️⃣ จัดเซตอาหารกลางวัน – อาหารเย็น
.
เช่นการจัดเซตอาหารกลางวัน เป็นแฮปปี้มีลด์ที่ควรใส่เมนูให้เหมาะสม + เครื่องดื่ม จำหน่ายในราคาพิเศษ สามารถทำได้ทั้งอาหารกลางวัน และอาหารเย็น 
.
7️⃣ เมนูพิเศษฉลองวันเกิดลูกค้า
.
สำหรับร้านอาหารที่มีระบบสมาชิกจะมีข้อมูลลูกค้า ซึ่งการจัดเมนูพิเศษฉลองวันเกิดให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิกคือหนึ่งแคมเปญที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า ผลดีคือการที่ลูกค้าจะนำไปบอกต่ออันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้ร้านอาหารมีโอกาสที่คนอื่นจะเข้ามาเป็นลูกค้าประจำได้มากขึ้นด้วย
.
และถ้าดูในมุมของรายได้ที่มีข้อมูลว่า Marketing Campaign ช่วยให้มีลูกค้าเพิ่ม 30% เพิ่มยอดใช้จ่ายต่อบิลได้ 10-15% นั่นหมายความว่าถ้าแต่เดิมร้านเรามีฐานลูกค้าต่อเดือนที่ 1,000 คน ยอดขาย 300,000 / เดือน หลังจบ Marketing Campaign เราจะมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 1,000 เป็น 1,300 คน มีบิลเฉลี่ยเพิ่มจาก 300 เป็น 350 และมียอดขายใหม่เท่ากับ 1,300 × 350 = 455,000 หรือมียอดขายเพิ่มมาจากเดิม 51%  
.
แต่ตัวเลขนี้คือประมาณการให้เห็นภาพว่ามีผลต่อยอดขาย ซึ่งถ้าจะให้ได้ผลดีจริงร้านอาหารควรเลือกโปรที่ “เพิ่มยอดโดยไม่ตัดกำไรตรง ๆ” ก็คือการไม่ลดราคาสินค้าหรืออาหารโดยตรง (เช่น ลด 30–40%) เพราะวิธีนั้นจะทำให้กำไรต่อจานหายไปทันทีแต่หันมาใช้วิธีที่ กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเพิ่ม โดยที่กำไรต่อจานยังปลอดภัย
.
ทั้งนี้เรื่องน่ารู้ก่อนคิดแคมเปญให้กับร้านอาหารมีหลักการสำคัญ 3 ข้อที่ควรรู้คือ
.
✅กำหนดเป้าหมาย (Goals) ที่ชัดเจนว่าจัดโปรโมชันเพื่ออะไร เช่น เพื่อเพิ่มลูกค้าใหม่ หรือต้องการดึงลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำ
.
✅รู้จักสินค้า และบริการของธุรกิจตนเอง (Context) เพื่อจัดทำ Sales Promotion ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นๆ ได้
.
✅วิเคราะห์ เลือกไอเดียทำโปรโมชัน (Make it happen) เพื่อให้การทำโปรโมชันนั้นมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ในสิ่งที่ร้านต้องการได้มากที่สุด หากทำโปรที่ผิดวิธีอาจเป็นการลงทุนที่ได้ไม่คุ้มเสีย
.
.
#MarketingCampaign #ร้านอาหาร #เพิ่มยอดขาย #การตลาด #การทำโปรโมชัน #กำหนดเป้าหมาย #Context #เลือกไอเดียทำโปรโมชัน

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2568

🌟 3 เทคนิค “สร้างสมองแบบผู้ชนะ” ให้เก่งไม่แพ้นักกีฬาโอลิมปิก 🌟


.
เว็บไซต์ Forbes Magazine เผยข้อมูลที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักกีฬาระดับโอลิมปิกประสบความสำเร็จในการแข่งขัน หรือสร้างและทำลายสถิติมากมาย สิ่งนั้นเรียกว่า “กรอบความคิดผู้ชนะ (Winning Frame)” ซึ่งสำคัญไม่แพ้กับสมรรถภาพความแข็งแกร่งทางกาย 
บุคลิกภาพและจิตใจที่แข็งแกร่งมีส่วนสำคัญมากในการผลักดันให้เหล่านักกีฬาในระดับนี้ มีแรงกระตุ้นต่อเป้าหมายอย่างแรงกล้า และก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองเพื่อไปให้ถึงเหรียญรางวัลให้ได้ ซึ่ง Winning Frame สามารถปรับใช้กับการทำงาน เพราะไม่ว่าจะอาชีพไหน ๆ ความแข็งแกร่งทางจิตใจสำคัญไม่ต่างกัน 
‘ไบรอัน โรบินสัน’ (Bryan Robinson) ศาสตราจารย์กิตติคุณ มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ‘ไรน์ เชอร์แมน’ (Ryne Sherman) หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ จาก ‘Hogan Assessments’ สถาบันเพื่อการประเมินบุคลิกภาพระดับโลก และได้ถอด “3 เทคนิค สร้างสมองแบบผู้ชนะ” ในแบบนักกีฬาโอลิมปิก มีดังนี้ 
1. สร้างมันสมองแบบ “ผู้ชนะ” 
จิตที่เข้มแข็งมั่นคงช่วยให้พวกเขาจัดการกับความเครียด รักษาความมั่นใจ และฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลสมองทำได้ 2 แบบ ได้แก่… 
✅ ทางกายภาพ - ทั้งเรื่องโภชนาการที่เหมาะสม และการพักผ่อนที่เพียงพอ 
✅ ทางจิตใจ - มีความยืดหยุ่นทางจิตใจ ควบคุมอารมณ์ที่ดี ฟื้นตัวเมื่อล้มเหลวได้ไว 
2. มีภาพในหัวตัวเองว่าเป็น “ผู้ชนะ” 
นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว การวาดภาพในหัวถึงความสำเร็จหรือชัยชนะที่เรากำลังจะได้รับในปลายทางถือเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ในการขับเคลื่อนความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่ ช่วยลดความตึงเครียดและกดดันลงได้ นอกจากนี้ยังทำให้เราพร้อมที่จะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดเพื่อให้ภาพในหัวเกิดขึ้นจริง 
3. ฝึกสติและจิตใจให้แกร่ง “สติ” 
ช่วยทำให้เราจัดระเบียบตัวเองได้ดี มีระเบียบวินัย มีเป้าหมาย ไม่ไขว้เขวเมื่อเจอสิ่งยั่วยุหรือขัดขวางการพัฒนาตัวเอง เพราะการจะทำอะไรให้สำเร็จสักอย่างจำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่องในการลงมือทำ ดังนั้นคนที่มีสติและจิตใจแข็งแกร่ง มีโอกาสเข้าใกล้ความสำเร็จมากกว่า ช่วยสร้าง “High Productivity” ในการทำงานได้ดีมากขึ้น 
Sources : 
https://tinyurl.com/durs8dvd  
https://tinyurl.com/5affan5x  
https://tinyurl.com/zzyjkmbu 

----------------------------------- 

📌 Upskill “ทักษะพัฒนาตัวเอง” ได้ง่าย ๆ ด้วยคอร์สออนไลน์จาก SkillLane
https://www.skilllane.com/categories/self-improvement 

—---------------------------------
.
#BuddyforYourGoal #พัฒนาตัวเอง #SelfDevelopment #Mindset 
#SkillLane #เรียนออนไลน์ #เรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา #EdTech #EducationTechnology #การศึกษา #การศึกษาไทย

Rule of 7 โอกาส 7 ครั้งที่จะเอาชนะใจลูกค้า(แต่เจ้าของธุรกิจ มักไม่ค่อยสนใจ)


.
กฎนี้บอกว่า ลูกค้าต้องเห็นข้อความของแบรนด์อย่างน้อย 7 ครั้ง ก่อนตัดสินใจซื้อ
เหตุผลคือ "ยิ่งเห็นบ่อย ยิ่งคุ้นเคย ยิ่งไว้วางใจ"
.
รายงานจาก Meta ยืนยัน ผู้บริโภคที่พบเห็นแบรนด์หลายจุดสัมผัส มีอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้ามากกว่าคนที่เห็นเพียงจุดเดียวถึง 2.5 เท่า
.
1. Retargeting จับถูกคนให้เห็นซ้ำ 
แทนที่จะพยายามเข้าถึงทุกคน ให้โฟกัสที่คนที่แสดงความสนใจในแบรนด์คุณแล้ว (คนกดถูกใจ, เข้าชมเว็บไซต์) แพลตฟอร์มจะใช้งบประมาณการตลาดของคุณอย่างคุ้มค่าที่สุด โดยแสดงโฆษณาเฉพาะกับกลุ่มที่มีโอกาสซื้อสูง
.
 2. Influencer Marketing พลังการรับรองจากบุคคลที่สาม 
คนมักเชื่อถือการรับรองจากบุคคลที่สามมากกว่าข้อความจากแบรนด์โดยตรง เลือกผู้มีอิทธิพลที่มีค่านิยมสอดคล้องกับแบรนด์ (เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ) และระวังอย่าขายเกินจริงในเนื้อหาที่สนับสนุน
.
 3. Content Repurposing หนึ่งต้นทุน หลายผลลัพธ์ 
จากวิดีโอหลักหนึ่งชิ้น สร้างภาพข้อมูล, โพสต์ภาพนิ่ง, บทความ และเนื้อหาขนาดเล็กอีกมากมาย นอกจากเพิ่มโอกาสการมีส่วนร่วมกับลูกค้ายังช่วยเข้าถึงผู้ชมที่พลาดเนื้อหาต้นฉบับ
.
 4. Email Marketing การสื่อสารส่วนตัวที่ทรงพลัง 
สร้างลำดับอีเมลที่ให้คุณค่าแก่ผู้สมัครรับข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่ละอีเมลควรมีจุดประสงค์เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้, การสร้างการมีส่วนร่วม หรือการกระตุ้นการซื้อ ใช้การปรับให้เข้ากับบุคคลและการแบ่งกลุ่มเพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้อง
.
 5. Remarketing Ads ตามติดทุกที่ 
ใช้ pixel tracking เพื่อแสดงโฆษณาแก่ผู้ที่เคยเยี่ยมชม website ของคุณแล้ว ปรับ messaging ให้เข้ากับ stage ของ customer journey ที่พวกเขาอยู่ ทำให้แบรนด์ ปรากฏอยู่ใน digital space ที่ลูกค้าใช้งาน
.
 6. Multi-Platform Presence อยู่ทุกที่ที่ลูกค้าอยู่ 
นอกจาก social media หลัก ให้ขยายไปยัง platform ที่ target audience ของคุณใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น podcast, YouTube, industry forums หรือ niche platforms ปรับคอนเทนต์ให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม
.
 7. Strategic Partnerships ร่วมมือเพื่อขยายฐาน 
สร้าง co-marketing initiatives กับแบรนด์ที่มี audience คล้ายกันแต่ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรง เช่น webinar ร่วม, co-branded content หรือ cross-promotion ช่วยให้เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มความน่าเชื่อถือ
 .
นำไปใช้ให้เกิดผล (Implementation) จำไว้ว่าไม่จำเป็นต้องเป็น 7 รูปแบบที่แตกต่างกันทั้งหมด คุณสามารถสร้าง diversity ด้วย
 .
o 7 ช่วงเวลาที่แตกต่าง (different timings)
o 7 แพลตฟอร์มที่แตกต่าง (different platforms)
o 7 รูปแบบ content จากเนื้อหาเดียวกัน (different formats)
 .
เริ่มต้นด้วยการวัดจุดสัมผัสปัจจุบันในแคมเปญการตลาดของคุณ กลุ่มเป้าหมายได้เห็นข้อความของแบรนด์คุณครบ 7 ครั้งไหม? หากยังไม่ครบ ถึงเวลาปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มจุดสัมผัสและสร้างการเปลี่ยนใจที่สูงขึ้น
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
.
#Business
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน
.
อ้างอิง
https://bit .ly/3D8lR5a

Dr. กัปบอกว่าไม่มีใครต้องตายเพราะมะเร็งยกเว้นความสะเพร่า:

#ทุกคน  Dr. กัปบอกว่าไม่มีใครต้องตายเพราะมะเร็งยกเว้นความสะเพร่า:
1. ขั้นตอนแรกคือการหยุดน้ำตาลทั้งหมดที่ไม่มีน้ำตาลในร่างกายของคุณเซลล์มะเร็งจะตายอย่างเป็นธรรมชาติ
2. ผสมผลไม้มะนาวทั้งหมดกับน้ำร้อนสักแก้วและดื่มมันประมาณ 3 เดือนก่อนกินและมะเร็งแพ้การวิจัยโดยวิทยาลัย maryland ของยาบอกว่ามันดีกว่าการรักษาด้วยคีโม

3. ขั้นตอนที่สามคือการดื่มน้ำมันมะพร้าวอินทรีย์ 3 ช้อนเช้าและกลางคืนและมะเร็งจะหายไปคุณสามารถเลือกหนึ่งในสองการรักษานี้หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ความไม่รู้ไม่ใช่ข้ออ้าง; ฉันได้แชร์ข้อมูลนี้มานานกว่า 5 ปีบางทีตอนนี้เพิ่งมาถึงคุณแต่มันยังช้ากว่าไม่เคย ให้ทุกคนรอบตัวคุณรู้

" ดร. guruprasad reddy b v รัฐการแพทย์ของมหาวิทยาลัยมอสโกประเทศรัสเซีย

อ้อนวอนทุกคนที่ได้รับข้อมูลนี้เพื่อส่งต่อให้กับอีกสิบคนแน่นอนอย่างน้อยหนึ่งชีวิตจะได้รับการบันทึกไว้!
ฉันได้ทำส่วนของฉันแล้วหวังว่าคุณจะสามารถช่วยได้โดยการทำส่วนของคุณ ขอบคุณ!

1. การดื่มน้ำมะนาวสามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่าอย่าเพิ่มน้ำตาล น้ำมะนาวร้อนมีประโยชน์กว่าน้ำมะนาวเย็นๆ
2. pare หั่นเท่า 5 ชิ้นแล้วแช่น้ำด้วยน้ำร้อนสักแก้ว 30 นาทีแล้วดื่มทุก
3. มันสำปะหลังสด / มันสำปะหลังแต่ต้องต้มด้วยเปิดหม้อ วิตามิน b17 อยู่ในมันสำปะหลังที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้
✍ บ่อยครั้งมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ของมะเร็งลำไส้ / มะเร็งกระเพาะอาหาร

✍ อย่าได้กินผลไม้หลังกินข้าว ผลไม้ต้องถูกกินก่อนกินข้าว

✍ อย่าดื่มชาในช่วงประจำเดือน

✍ ลดการดื่มนมถั่วเหลืองไม่ควรเพิ่มน้ำตาลหรือไข่ให้นมถั่วเหลือง

✍ ไม่กินมะเขือเทศกับท้องว่าง

✍ ดื่มน้ำเปล่าสักแก้วทุกเช้าก่อนอาหารเพื่อป้องกันนิ่ว

✍ งดอาหาร 3 ชั่วโมงก่อนนอน

✍ หลีกเลี่ยงสุราไม่มีประสิทธิภาพทางโภชนาการแต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้

✍ อย่ากินขนมปังในขณะที่มันร้อนจากเตาอบหรือเครื่องปิ้งขนมปัง

✍ ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆที่อยู่ข้างๆคุณในขณะที่คุณหลับ

✍ ดื่มน้ำเปล่า 10 แก้วทุกวันสำหรับร่างกายที่ต้องการยังป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

✍ ดื่มน้ำเพิ่มระหว่างวันลดตอนกลางคืน

✍ อย่าดื่มกาแฟมากกว่า 2 แก้วต่อวันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับและกระเพาะอาหารได้

✍ กินอาหารที่เลี่ยนเล็กน้อยหรือหลีกเลี่ยงมันเพราะใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงในการสรุปทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย

✍ หลัง 5 โมงเย็นกินน้อย

✍ อาหารหกชนิดที่ทำให้คุณมีความสุข: กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, พีช

✍ นอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวันส่งผลให้มีการทำงานที่เสื่อมสภาพของสมองของเรา พยายามพักผ่อนสักครึ่งชั่วโมงจะทำให้เรายังเด็ก

น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาลสามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณสดชื่นได้

📌 น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง

✍ แช่มะนาว 3 ชิ้นๆละเท่าๆกัน กับน้ำร้อนทำให้มันเป็นเครื่องดื่มประจำวันเป็น anti-oxsidan

รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง

น้ำมะนาวเย็นเท่านั้นประกอบด้วยวิตามินซีไม่มีการป้องกันมะเร็ง

น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้

การทดสอบทางคลินิกได้พิสูจน์แล้วว่าน้ำมะนาวร้อนทำงานได้ดีเพื่อปิดเซลล์มะเร็ง

การรักษาสารสกัดมะนาวชนิดนี้จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้ายเท่านั้นแต่ไม่มีผลต่อเซลล์ที่ดี

ต่อไป... กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาวช่วยลดความดันสูง • การป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่อต้านเส้นเลือดลึกลิ่มการไหลเวียนเลือดและป้องกันการแข็งตัวของเลือด

ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหนโปรดหาเวลาอ่านสิ่งนี้แล้วบอกให้คนอื่นกระจายความรักให้กับคนอื่นๆ!

* ความสวยของการแบ่งปัน *

10 สิ่งที่โคตรเสียเวลาชีวิต

1. เถียงเพื่อชนะคนที่ไม่อยากเข้าใจ เขาใช้พลังไปกับการอธิบายให้คนที่ไม่ตั้งใจฟังเข้าใจทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้อยากเข้าใจตั้งแต่แรกแล้...