วิธีรีเซ็ตสมองให้กลับ สดใหม่ อีกครั้ง ตามหลักกลไก “Neuroplasticity”
(ใครเบลอๆช่วงนี้ลองดูอันนี้ดีมาก)
หลายคนคิดว่า “พอเราโตสมองเราจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไปแล้ว
.
แต่ความจริงคือ…สมองของเรา “กำลังเปลี่ยนอยู่ทุกวัน”
นี่ไม่ใช่บทความแบบ self-help แนว “จงคิดบวก”
.
แต่มันคือ Neuroscience Hacks จาก
Dr. Lara Boyd นักประสาทวิทยาแห่ง University of British Columbia
.
ลองฝึกตาม [6] วิธีนี้ดู จะรู้ว่าสมองตัวเอง รีเซ็ตได้จริง
#อ่านจบปุ๊ปเก่งขึ้นปั๊ป
------------------------
[1] เริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ = สมองสร้างสายไฟใหม่
.
ทุกครั้งที่คุณทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
สมองจะ “ต่อวงจรใหม่” ระหว่างเซลล์ประสาท (neurons)
เหมือนวางถนนเส้นใหม่ในเมืองที่ยังไม่เคยมีใครเดิน
.
ยิ่งคุณใช้ถนนเส้นนั้นบ่อยเท่าไร ทางก็ยิ่งชัด ยิ่งเร็ว ยิ่งแข็งแรง
แต่ถ้าคุณเลิกใช้ มันจะค่อย ๆ หายไป
.
🟢 เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่คุณไม่เคยลอง เช่น เขียนมืออีกข้าง เดินทางที่ใหม่ๆ เรียนรู้สกิลใหม่ ทักษะใหม่ๆ อ่านหนังสือแนวอื่นๆที่เราไม่ถนัด
🔴 ห้ามบอกตัวเองว่า “ยังไม่พร้อม” เพราะสมองพร้อมเปลี่ยนเสมอ
-------------------------
[2] สมองเปลี่ยนได้ 3 ชั้น (3-Level Reset)
.
Dr. Lara Boyd อธิบายว่า สมองเราอัปเดตตัวเองได้ 3 ระดับ
เหมือนเฟิร์มแวร์ที่เรียนรู้จากการใช้งาน
.
(1) Chemical Change - การเปลี่ยนระดับสารเคมีในสมอง
คือช่วง “อินสแตนต์” ที่เรารู้สึกว่าจำได้ทันทีหลังเรียน
แต่ถ้าไม่ฝึกซ้ำ มันจะจางลง
.
(2) Structural Change - การสร้างโครงสร้างใหม่ของเซลล์ประสาท
นี่คือการเปลี่ยนแบบ “ถาวร” ที่ทำให้เรามีความจำระยะยาว
.
(3) Functional Change - สมองเริ่มทำงานประสานกันดีขึ้น
ส่วนที่ใช้บ่อยจะเปิดติดเร็วขึ้น สมองทำงานลื่นขึ้น
.
🟢 ถ้าอยากให้สมองเปลี่ยนจริง ต้อง “ทำซ้ำ” จนถึงระดับโครงสร้าง
เพราะนั่นคือจุดที่สมองสร้างวงจรถาวรให้ตัวเอง
🔴 แค่ เข้าใจ ไม่พอ สมองไม่เปลี่ยนจากคำว่า “อ๋อ”
มันจะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อคุณ “ลองทำ > ทำซ้ำ > ทำจนชิน”
เช่น
ถ้าเราอ่านหนังสือ 1 ครั้งแล้ว "เข้าใจ" นี่คือ chemical change (ชั่วคราว)
แต่ถ้าเรากลับมา “อธิบายให้คนอื่นฟัง”, “เขียนสรุป”, “เอาไปลงมือทำจริง”
สมองจะเริ่ม สร้างเส้นทางเชื่อมใหม่ ระหว่าง neuron
= นี่คือ structural change (ถาวรกว่า)
---------------------------------
[3] ทำไมบางคนเรียนรู้ไวกว่าอีกคน
.
เพราะ Neuroplasticity ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
สมองแต่ละคนมีโครงสร้างเฉพาะตัว เหมือนลายนิ้วมือ
.
บางคนจำด้วยภาพ
บางคนจำด้วยการเขียน
บางคนจำด้วยการอธิบายออกเสียง
.
ไม่มีสูตรเดียวที่ใช้ได้กับทุกสมอง
สิ่งที่ได้ผลคือ “หาวิธีที่เข้ากับสมองของคุณที่สุด”
.
🟢 ทดลองหลายแบบ ฟัง ดู เขียน พูด แล้วสังเกตว่าวิธีไหนจำแม่นสุด
🔴 อย่าเทียบกับใคร เพราะสมองคุณคือ Design เฉพาะตัว
----------------------------
[4] สมองเปลี่ยนได้ทั้งทางดีและร้าย
.
Neuroplasticity คือดาบสองคม
มันเปลี่ยนได้ทั้งในทางที่ทำให้คุณดีขึ้น และแย่ลง
.
ถ้าคุณเสพสิ่งเดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น ความเครียด ข่าวลบ หรือสภาพแวดล้อมเดิม ๆ
.
สมองจะ “บันทึก” ความคิดแบบนั้นไว้
จนกลายเป็น pattern ของชีวิตเราเอง (เหมือนเราชอบเรื่องแย่ๆ)
.
แต่ถ้าคุณเปลี่ยนวงจรซ้ำในทางดี
สมองจะสร้างเส้นทางใหม่ที่แข็งแรงกว่า
.
🟢 ตั้งเวลา digital detox หรือเขียน gratitude list ให้สมองได้ “หายใจ”
🔴 อย่าเสพลบซ้ำทุกวัน เพราะนั่นคือการฝึกสมองให้คิดแบบเดิม
------------------------------
[5] วิธีฝึกให้สมองเปลี่ยนจริง
.
Dr. Lara Boyd บอกว่า “Behavior is the engine of change.”
สิ่งที่คุณทำซ้ำ คือสิ่งที่สมองจะจดจำ
.
(1) ฝึกซ้ำอย่างตั้งใจ (Deliberate Practice) -ยิ่งเจอเรื่องยากๆ สมองยิ่งโต
(2) ออกกำลังกาย - เพิ่มเลือดและออกซิเจนให้สมอง
(3) ฝึกซ้ำในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม - เพื่อให้ structural changes ติดทน (
(4) ลดพฤติกรรมซ้ำที่ไม่ดี - หยุดทำสิ่งที่หล่อหลอมวงจรเดิม
(5) เรียนรู้ต่อเนื่อง - สมองจะคงความยืดหยุ่นไว้ตลอดชีวิต
.
🔴 อย่าทำหลายอย่างพร้อมกัน เพราะ multitasking ทำให้สมองไม่สร้างวงจรลึก
-------------------------------
[6] Our brain is shapeable - สมองของเราปั้นได้เหมือนดินเหนียว
ยิ่งฝึกถูกทาง มันยิ่งแข็งแรง ยิ่งขี้เกียจคิด มันยิ่งฝ่อ
.
อย่าให้สมองถูกโปรแกรมด้วยสิ่งที่คุณทำโดยไม่รู้ตัว
เพราะทุกพฤติกรรมคือการ “ออกแบบสมองใหม่ทุกวัน”
.
🟢 ใช้พฤติกรรมซ้ำให้เป็น “โปรแกรมดี” เช่น การอ่าน คิดบวก สร้างสรรค์
🔴 หยุดฝึกสิ่งเดิมที่ทำให้คุณวนลูป เพราะสมองจะจำมันเป็นนิสัย
----------------------------------------
#สรุปแบบลงดาบ
-สมองไม่ตายตัว มันเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน
-ทุกการเรียนรู้คือการ “เดินสายไฟใหม่” ให้สมอง
-ทำสิ่งนั้นซ้ำๆ = สมองแข็งแรง พัฒนา
- หยุดทำ = สมองก็หายไปตาม (สังเกตุเรื่องที่เรียนมาสมัยก่อนคืนครูหมด)
.
- Neuroplasticity คือกล้ามเนื้อของความคิด
ฝึกถูก = สมองใหม่
ฝึกผิด = สมองเดิม
--------------------
#ช่วงchallenge ลองฝึกตามนี้สัก 14 วัน
.
[1] ฝึกทำสิ่งใหม่วันละอย่าง
อ่านเรื่องที่ไม่เคยสนใจ, เขียนมืออีกข้าง, เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน
[2] ฝึกใช้สมองอย่างมีสติ (Deliberate Practice)
เวลาทำงานหรือเรียน ให้โฟกัสลึกแทนที่จะทำหลายอย่างพร้อมกัน
[3] ฝึกหยุดพฤติกรรมที่ไม่เสริมวงจรสมอง
เช่น doom scroll, เสพข่าวลบๆ, เช็กมือถือก่อนนอน
Train your brain, before it trains you
ผมหวังว่าเรื่องนี้จะช่วยสร้างวันของคุณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น