ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา การศึกษาโลกเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนว่า การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียนสี่เหลี่ยมอีกต่อไป แต่ขยับเข้าสู่บริบทที่หลากหลาย ตั้งแต่เทคโนโลยี AI ไปจนถึงการดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนและครู
.
และบทสรุปต่อไปนี้คือภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสำคัญจากหลายประเทศ
.
📒ปรากฏการณ์ AI พลิกโฉมทุกระดับการศึกษา
📌จีนทดลองใช้ AI ในโรงเรียนประถมและมัธยม ควบคู่กับการพัฒนาคู่มือจริยธรรมการใช้ AI เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเรียนรู้และการใช้เทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ
📌สหรัฐฯ กำหนด AI Literacy Framework สำหรับ K-12 ให้เด็กเรียนรู้หลักการ AI ตั้งแต่เล็ก เพื่อเตรียมพร้อมสู่ตลาดงานอนาคต รวมไปถึงเริ่มใช้ Generative AI ในรายวิชาพื้นฐาน เปิดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่าน Prompt เพื่อฝึกคิดวิเคราะห์มากกว่าท่องจำ
ปัญหา การพึ่งพาเทคโนโลยีแบบไร้วิจารณญาณ
.
📘รูปแบบการเรียนรู้เน้น “ประสบการณ์จริง”
📌นโยบายการศึกษาในออสเตรเลียผลักดันให้นักเรียนระดับมัธยมออกไปทำงานภาคสนามจริง เช่น ฝึกงานในโรงงานเกษตร หรือร่วมวิจัยในมหาวิทยาลัย
📌นิวซีแลนด์พัฒนาโมเดล “เรียนในบริษัท” (Work-Integrated Learning) ให้นักเรียนได้ทำโปรเจกต์ที่บริษัทจริงและใช้เป็นเครดิตการศึกษา
📌ในยุโรปหลายประเทศ ปรับหลักสูตรวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมให้บูรณาการกับ Project-Based Learning ที่เชื่อมโยงกับปัญหาสังคม เช่น พลังงานสะอาดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
.
📓หลักสูตรใหม่ใส่ใจสุขภาวะทางใจมากขึ้น
📌อังกฤษปรับวิชาสุขภาพ (RSHE: Relationship, Sex and Health Education) ให้เข้มข้นขึ้น โดยเพิ่มประเด็นเรื่อง สุขภาพจิต, ความปลอดภัยดิจิทัล, และการเคารพความหลากหลายทางเพศ ตั้งแต่ระดับ Year 5 เป็นต้นไป
📌สหรัฐฯ เริ่มบรรจุวิชาสุขภาพจิตเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรประจำ โดยสอนเรื่องการรับมือความเครียด การสร้าง “Safe Culture” ในโรงเรียน และการขอความช่วยเหลือผ่านระบบออนไลน์
.
การเปลี่ยนแปลงในโลกการศึกษาตลอดครึ่งปีแรกของ 2025 ทำให้เราเห็นภาพชัดว่า ครูต้องไม่หยุดเรียนรู้ โรงเรียนต้องไม่หยุดปรับตัว และเด็กต้องไม่หยุดตั้งคำถามเพราะการศึกษา ไม่ใช่แค่การ “ตามทันโลก” แต่คือการพาโลกไปข้างหน้านั่นเองครับ
.
ขอบคุณข้อมูล
https://www.intelligenthq.com
https://timesofindia.indiatimes.com
https://standtogether.org
.
#อักษร #อจท #สวัสดีวันเสาร์ #โลกการศึกษา #สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น