วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

AI สำหรับ SMEs ปั้นธุรกิจพุ่งทะยาน แทนการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

คู่มือ AI สำหรับ SMEs ปั้นธุรกิจพุ่งทะยาน แทนการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
.
AI จะเก่งกว่ามนุษย์ในทุกด้านภายใน 10-20 ปี และสำหรับงานหลายอย่าง ปัจจุบัน AI มีประสิทธิภาพเหนือกว่ามนุษย์ประมาณ 99% และหากธุรกิจไม่ใช้ AI มีความเสี่ยงที่จะถูกคู่แข่งทำลายลงภาย 3-5 ปี 
.
บนเวที The Time is Now: AI-First Revolution for Thai SMEs คู่มือใช้ AI สร้างธุรกิจกำไรโตกระโดด ภายในงาน The Secret Sauce Business Weekend อีสาน 2025 ซึ่งจัดขึ้น ณ จังหวัดขอนแก่น 
.
ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ ViaLink และ Siametrics Consulting ฉายภาพโลกของธุรกิจยุค AI ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง พร้อมย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ในการปรับใช้แนวคิด AI-First เพื่อเปลี่ยนความท้าทายเป็นข้อได้เปรียบ
.
ทำไมตอนนี้ถึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ AI สามารถนำมาใช้เพื่อการเติบโตได้อย่างไร พร้อมแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางของผู้ประกอบการส่วนตัวเพื่อยืนยันถึงพลังของ AI
.
การปฏิวัติ AI-First ทำไมต้องตอนนี้?
.
ดร.ณภัทรเริ่มต้นด้วยคำถามเรียบง่ายที่ว่า "มีความฝันไหม?" "เคยมีไอเดียดีๆ ที่ยังไม่ได้ลองหรือเปล่า?" "แชทเป็นไหม?" และ "มีเงินสักพันนึงไหม?" คำถามเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นย้ำถึงโอกาสที่เข้าถึงได้ในการทำความฝันทางธุรกิจให้สำเร็จ ซึ่งตรงข้ามกับข้ออ้างทั่วไป เช่น "ไม่มีเวลาทำ" "ไม่มีคน" "เหนื่อย" หรือ "ยังไม่เก่งพอ" 
.
คำถามเหล่านี้เป็นการเน้นย้ำว่า AI สามารถที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามข้อจำกัดมากมายในอดีต และมีความสำคัญอย่างยิ่งในการค้นหาคำตอบในยุคนี้
.
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ บริษัท Duolingo ธุรกิจสอนภาษาออนไลน์ ที่เปลี่ยนแปลงมาสู่ ‘AI-first’ 
.
Duolingo ซึ่งใช้เวลา 12 ปีในการพัฒนาหลักสูตรภาษา 100 หลักสูตร แต่ด้วย AI พวกเขาสร้างหลักสูตรใหม่ 150 หลักสูตรในเวลาเพียง 1 ปี ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า และคาดการณ์กำไรในปี 2025 จะเกิน 150 ล้านดอลลาร์ จากที่ขาดทุน 59.6 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 
.
AI ที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกทำให้คนเราถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มตามการนำ AI มาใช้
.
• กลุ่มทะยาน คนกลุ่มนี้กำลังทำงานหรือทำธุรกิจราวกับอยู่ในปี 2030 แล้ว
• กลุ่มดิ้นรน คนกลุ่มนี้ใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT เพียงเพื่อความอยู่รอด ทำให้ยังคงลอยตัวอยู่ได้แต่ไม่เติบโต มีปริมาณงานและรายได้เท่าเดิม
• กลุ่มถูกทิ้ง คนกลุ่มนี้ยังคงเพิกเฉยและทำงานในรูปแบบเดิมๆ พวกเขาไม่รอดเชิงเศรษฐกิจ เพียงแค่ยังไม่รู้ตัว
.
ดร.ณภัทรเน้นย้ำว่า "ทำไมต้องตอนนี้?" โดยชี้ให้เห็นว่าข้อจำกัดและข้ออ้างทั่วไปในการไม่ใช้ AI กำลังถูกทำลายลงภายใน 3-5 ปี เช่น ‘งบน้อย’ ปัจจุบันสามารถเริ่มต้นได้ด้วยหลักหมื่นหรือแม้แต่หลักพันบาท หรือ ‘ไม่มีฝ่ายไอที’ ปัจจุบันมีระบบพร้อมใช้ เจ้าของสามารถจัดการเองได้ หรือ ‘กลัวไม่เข้าใจ’ ปัจจุบันมีโซลูชัน No-Code และ AI ผู้ช่วยส่วนตัว หากธุรกิจไม่ลงมือใช้ AI "คู่แข่งกำลังใช้มันทำลายคุณ"
.
AI Growth Kit สำหรับธุรกิจที่พร้อมรับอนาคต
.
ดร.ณภัทร เสนอ ‘AI Growth Kit’ ที่มองผ่าน 3 มุม 
.
มุมที่ 1 การเติมความฉลาดให้ตัวเองและทีม 
.
ซึ่ง AI ช่วยให้เรารอบรู้ขึ้นในเวลาน้อยลง นี่เป็นสิ่งสำคัญเพราะความล้มเหลวทางธุรกิจมักเกิดจากเจ้าของหรือผู้จัดการขาดความรู้ที่รอบด้านหรือตัดสินใจผิดพลาด
.
AI ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและนักวิจัยในราคาถูก บางครั้งเพียงไม่กี่พันบาทต่อเดือน เช่น ChatGPT Plus ที่ราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือน การสอบถามที่ซับซ้อน เช่น การวิจัยตลาด สามารถให้คำตอบที่มีคุณภาพได้ภายในไม่กี่นาที คล้ายกับการมีพนักงานที่มีการศึกษาสูงหรือที่ปรึกษา 
.
หรือการใช้ AI อย่าง NotebookLM ของ Google ที่สามารถวิเคราะห์เนื้อหาขนาดยาว เช่น วิดีโอ YouTube 3 ชั่วโมง ได้ภายในไม่กี่วินาที สกัดแนวคิด และช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนากับเนื้อหานั้นได้ สิ่งนี้ช่วยลบข้ออ้างที่ว่าไม่มีเวลาเรียนรู้
.
ที่สำคัญกว่านั้นคือ การปลดล็อกเวลาที่ไม่จำกัด เพราะเวลาทบต้นเหมือนเงินทุน
.
“เวลาเป็นสิ่งมีค่าและสามารถทบต้นได้เหมือนเงินทุน การประหยัดเวลาช่วยให้สามารถทำกิจกรรมเชิงกลยุทธ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
.
ตัวอย่างเช่น การสร้างข้อเสนอทางธุรกิจ สิ่งที่เคยใช้เวลา 4-5 วันและมักถูกปฏิเสธ ตอนนี้สามารถทำได้ ภายในไม่เกิน 15 นาที โดยใช้ AI เช่น Claude 
.
มุมที่ 2 สร้างระบบงาน (ที่ดี) สักที
.
การสร้างระบบงานหลังบ้านที่แข็งแกร่งมีความสำคัญต่อความยั่งยืนของธุรกิจ และเพื่อลดการพึ่งพาความพยายามส่วนตัวของเจ้าของ
.
อย่างระบบประเมินพนักงานแบบกำหนดเอง โดยใช้ AI ให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการบริหารทีมฟุตบอลระดับโลก แล้วนำแนวคิดมาปรับใช้เพื่อสร้างการประเมินที่เหมาะกับบริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูล
.
มุมที่ 3 ให้ AI มาทำงาน ‘ปวดประสาท’ ให้เป็นอัตโนมัติ
.
ดร.ณภัทร แนะนำ ‘Manuel’ ซึ่งเป็น AI ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับ “งานปวดประสาท” คืองานซ้ำๆ ที่เป็นหัวใจสำคัญของการจัดองค์กร ซึ่งรวมถึงการประมวลผลเอกสารต่างๆ 
.
ประโยชน์ของการทำหน้าที่เหล่านี้ให้เป็นอัตโนมัติด้วย AI ได้แก่
• กระแสเงินสดที่ดีขึ้น ได้รับเงินเร็วขึ้น จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด ควบคุมได้
• การจัดการสินค้าคงคลังที่ง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงสินค้าขาดสต็อก ลดสินค้าส่วนเกิน รู้ว่ามีอะไรอยู่เท่าไหร่
• การขายที่ชาญฉลาด ใบสั่งซื้อที่เป็นระเบียบมากขึ้น ข้อผิดพลาดน้อยลง การส่งมอบที่รวดเร็วขึ้น
• การจัดซื้อที่รวดเร็วขึ้น ทำให้การซื้อซับซ้อนน้อยลง เร่งการอนุมัติ ทำให้ผู้ขายเป็นไปตามเป้าหมาย
.
ตัวอย่างธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ ที่เคยคำนวณค่าคอมมิชชันการขายด้วยตนเอง
.
ก่อนใช้ AI พนักงานจะดึงข้อมูลการขาย, ดึงไฟล์, คำนวณใน Excel, สร้างไฟล์, และส่งอีเมล กระบวนการนี้มีแนวโน้มที่จะเกิด ข้อผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลด้วยมือ, ความเสี่ยงของการทุจริต, และใช้เวลาเต็มวันของพนักงานระดับ Supervisor ต่อคน
.
เมื่อใช้ AI มีการออกแบบกระบวนการทำงานให้ AI เข้ามาจัดการ AI รวบรวมข้อมูลการขายจากระบบ POS, สรุปค่าคอมมิชชัน, และส่งเพื่อขออนุมัติภายในไม่กี่นาที
.
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ลดเวลาทำงานลง 20 เท่า, ลดปัญหาการปฏิบัติงานลงมากกว่า 50% และเจ้าของเห็นข้อมูลและสรุปได้เร็วขึ้น โซลูชันทั้งหมดนี้เป็นแบบ ‘No-Code’ และให้ ‘ROI ที่รวดเร็ว’ คือเห็นผลตอบแทนภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน ไม่ใช่เป็นปี 
.
ถอดบทเรียนจากยาดม นัว Nose
.
ดร.ณภัทร ได้แบ่งปันความท้าทายส่วนตัว จากการเริ่มต้นธุรกิจใหม่จากศูนย์ภายในหนึ่งเดือน เพียงลำพัง โดยใช้ AI เท่านั้น ในสาขาที่ไม่คุ้นเคย
.
แนวคิดสำหรับธุรกิจ ‘นัว Nose’ หรือ ยาดม นัว Nose ซึ่งเป็นแบรนด์ยาดม เกิดขึ้นจากธุรกิจที่ปรึกษา โดยให้ยาดมแก่ลูกค้าที่กำลังประสบปัญหาด้านข้อมูล และพวกเขาก็ชอบ โดยตั้งเป้าที่จะสร้างยาดมที่ทันสมัย ไม่ใช่ ‘แก่’ หรือ ‘หรูหรา’ แต่เป็นยาดมที่ ‘สนุก, ตลก, และเข้าถึงได้’ สำหรับผู้คนที่ต้องเผชิญชีวิตที่ยากลำบาก 
.
ชื่อแบรนด์ ‘นัว Nose’ มาจากการรวมคำว่า ‘นัว’ ในภาษาไทย หมายถึง การกอดหรือความใกล้ชิด เข้ากับ ‘Nose’ ซึ่งเน้นย้ำถึงประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส
.
ดร.ณภัทร สร้างแนวคิดธุรกิจทั้งหมดในเวลาเพียง 10 นาที โดยการสนทนากับ AI ใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงตั้งแต่แนวคิดจนถึงการสั่งผลิต ส่วนที่ใช้เวลานานที่สุดคือการจดทะเบียนชื่อบริษัท ‘กลิ่นความเจริญ’ 
.
รวมทั้งใช้ AI ให้อ่านหนังสือกลยุทธ์เล่มหนึ่ง แล้วนำแนวคิดเหล่านั้นมาเขียนใหม่สำหรับแบรนด์ยาดม โดยปรับใช้กลยุทธ์ Blue Ocean แทนที่จะแข่งขันใน Red Ocean ของยาดมแบบดั้งเดิมด้วยการขายประโยชน์ทางการแพทย์ 
.
นัว Nose เข้าสู่ Blue Ocean โดยการขาย ‘ความผูกพันทางอารมณ์’ ‘คุณค่าทางอารมณ์’ และ ‘สุขภาพที่ดี’ โดยเพิ่มอารมณ์ขันและการใช้งานสำหรับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
.
AI ยังถูกใช้ใน ด้านการดำเนินงาน เช่น Customer Journey และ Data Journey ไมว่าจะเป็นการกำหนดโปรโมชั่นและราคาสินค้าใน Google Sheets, การสั่งซื้อและการตรวจสอบการชำระเงิน, เชื่อม Line OA กับ DB & CRM, และเชื่อมต่อผ่าน API ไปยังระบบ Fulfillment
.
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ถูกใช้เป็นนักวิทยาศาสตร์เพื่อคำนวณส่วนผสมทางเคมีสำหรับกลิ่นใหม่ๆ โดยทำการวิจัยและให้สัดส่วนน้ำมันที่แม่นยำ หรือการทดสอบตลาด ด้วยการสร้างลูกค้าปลอมหลายพันคนภายในการจำลอง Stargate เพื่อทดสอบกลิ่นก่อนการผลิต โดยได้รับข้อเสนอแนะเช่น กลิ่นเหมือนน้ำอบไทยโบราณ หรือชาวต่างชาติชอบ รวมทั้งการค้นหาทำเล โดย AI ช่วยระบุทำเลที่เหมาะสมที่สุด แม้กระทั่งแนะนำหมายเลขบูธเฉพาะในงาน
.
โดยสรุปแล้ว ดร.ณภัทร เชื่อว่าในยุคที่คำถามและคำตอบมีความสำคัญ ‘มุมมอง’ ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน 
.
“AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นข้อได้เปรียบ เพราะบางครั้ง ระยะห่างระหว่างแนวคิดและผลลัพธ์นั้นสั้นอย่างไม่น่าเชื่อ” 
.
#TheSecretSauceBusinessWeekendอีสาน2025 
#TSSBWอีสาน2025 #TheSecretSauceอีสาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความดื้อ กับ ความพยายามต่างกันยังไง?

. เพิ่งอ่านบทความนึงมาครับของ Paul graham ว่าด้วยความต่างระหว่าง “ความพยายาม” (Persistence) กับ “ความดื้อรั้น” (Obstinacy) ฟังดู...