วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

7​ ข้อคิดจากหนังสือ Mastery



 1. ความเป็นเลิศเกิดจากการฝึก ไม่ใช่พรสวรรค์
คนที่ดูเหมือนอัจฉริยะ แท้จริงแล้วคือคนที่ฝึกหนัก ฝึกนาน และฝึกลึก พวกเขาให้เวลากับการเรียนรู้แบบลงมือทำโดยไม่หยุด เพราะรู้ว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากจุดเริ่มต้นที่เก่งกว่าใคร แต่จากการไม่หยุดเดิน

 2. เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ไม่ใช่แค่ทฤษฎี
คุณอาจอ่านได้มาก แต่ถ้าไม่ลงมือทำ ก็ไม่มีทางเข้าใจจริง การลองผิดลองถูก การใช้มือลงกับงานจริง และการสะสมประสบการณ์ คือวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นความเข้าใจ

 3. อารมณ์คือศัตรูของการเรียนรู้
เมื่อใจร้อน โกรธ หรือยึดติดกับอัตตา คุณจะต้านทานต่อการพัฒนา การเรียนรู้ต้องการใจที่เปิด รับคำติได้ ฟังได้ และไม่กลัวความล้มเหลว เพราะอารมณ์ที่ไม่มั่นคงจะบดบังสติและทำให้มองไม่เห็นจุดที่ควรแก้ไข

 4. ครูหรือพี่เลี้ยงที่ดีคือทางลัดของการเติบโต
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนล้วนเคยมีคนชี้ทาง คนที่กล้าแนะนำอย่างจริงใจ และดึงเราออกจากความหลงตัวเอง การมีพี่เลี้ยงที่ช่วยสะท้อนข้อบกพร่องและถ่ายทอดประสบการณ์ คือหนึ่งในวิธีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

 5. ความเบื่อคือประตูของระดับถัดไป
คนทั่วไปมักถอยเมื่อรู้สึกเบื่อ แต่ผู้ที่กำลังจะเป็นปรมาจารย์จะยิ่งฝึกหนัก เพราะรู้ว่าความเบื่อคือสัญญาณว่าคุณเริ่มเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งแล้ว และนี่คือจุดที่ทักษะจะก้าวกระโดด ถ้าคุณไม่หยุด

 6. ภาวะเชี่ยวชาญคือการเชื่อมระหว่างสัญชาตญาณและทักษะ
เมื่อฝึกฝนจนลึกพอ คุณจะเริ่ม “รู้” โดยไม่ต้องคิด การตัดสินใจจะรวดเร็วและแม่นยำโดยไม่ต้องวิเคราะห์ยาว ความรู้และความรู้สึกจะผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นลักษณะของ Master ตัวจริง

 7. ผู้เชี่ยวชาญไม่หยุดเรียนรู้แม้จะสำเร็จแล้ว
คนที่แท้จริงในสายของตนจะไม่หลงอยู่กับคำชื่นชม พวกเขาจะยังอ่าน ยังทดลอง ยังเรียนรู้ เพราะรู้ดีว่าความรู้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด และทุกวันที่ฝึกต่อไปคือการเข้าใกล้ความเข้าใจที่ลึกขึ้นเสมอ

สั่งซื้อได้ที่
https://s.shopee.co.th/z6tf0MCL

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

7​ ข้อคิดจากหนังสือ Mastery

 1. ความเป็นเลิศเกิดจากการฝึก ไม่ใช่พรสวรรค์ คนที่ดูเหมือนอัจฉริยะ แท้จริงแล้วคือคนที่ฝึกหนัก ฝึกนาน และฝึกลึก พวกเขาให้เวลากับก...