หนึ่งในโมเดลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดทั่วโลกสำหรับการนำพาองค์กรผ่านการเปลี่ยนแปลง คือ Kotter’s 8-Step Change Model ที่ไม่เพียงแค่การให้แนวทาง แต่ยังช่วยสร้างแรงกระเพื่อมในใจคน ทำให้ "การเปลี่ยนแปลง" กลายเป็น "พลังร่วม" ที่นำพาองค์กรสู่จุดใหม่ได้อย่างมั่นคง
.
Kotter’s 8-Step Change Model ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr. John P. Kotter ศาสตราจารย์ด้านผู้นำจาก Harvard Business School และผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงองค์กรระดับโลก ในปี 1995 เขาได้นำเสนอโมเดลนี้ในหนังสือ Leading Change ซึ่งกลายเป็นคู่มือสำคัญสำหรับผู้นำองค์กรทั่วโลกที่ต้องการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จ โดยโมเดลนี้เสนอว่า การเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพจะต้องดำเนินผ่าน 8 ขั้นตอนอย่างมีระบบ โดยแต่ละขั้นตอนทำหน้าที่ "เปิดทาง" ให้ผู้คนในองค์กรค่อย ๆ ปรับตัวและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน
.
[หลักการและวิธีการใช้]
.
8 ขั้นตอนของ Kotter’s Change Model มีดังนี้
(1) Create a Sense of Urgency: สร้างความรู้สึกว่า "ต้องเปลี่ยนเดี๋ยวนี้"
- โดยใช้ข้อมูลหรือหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็น เช่น ตลาดเปลี่ยนเร็ว คู่แข่งแซงหน้า หรือเทคโนโลยีล้าสมัย
.
(2) Build a Guiding Coalition: สร้างทีมผู้นำการเปลี่ยนแปลง
- คัดเลือกคนที่มีอิทธิพลในองค์กรมาเป็น “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์” เพื่อสร้างแรงส่งและความเชื่อมั่น
.
(3) Form a Strategic Vision and Initiatives: กำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
- วาดภาพปลายทางของการเปลี่ยนแปลงให้น่าตื่นเต้น และกำหนดแนวทางปฏิบัติที่จับต้องได้
.
(4) Enlist a Volunteer Army: สื่อสารและสร้างแรงจูงใจให้คนเข้าร่วม
- กระตุ้นให้พนักงานกลายเป็น "ผู้ร่วมขบวน" ไม่ใช่เพียงผู้สังเกตการณ์
.
(5) Enable Action by Removing Barriers: ขจัดอุปสรรคที่ขัดขวาง
- เช่น ระบบราชการที่เทอะทะ โครงสร้างที่ล้าสมัย หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง
.
(6) Generate Short-Term Wins: สร้าง "ชัยชนะระยะสั้น"
- ให้ทุกคนเห็นผลเร็ว เช่น ปรับระบบงานบางส่วนให้ดีขึ้นภายใน 3 เดือน เพื่อเสริมแรงใจและความเชื่อมั่น
.
(7) Sustain Acceleration: เร่งเครื่องต่อ อย่าชะลอ
- เมื่อเริ่มเห็นผล ต้องใช้โมเมนตัมนั้นขับเคลื่อนสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น
.
(8) Institute Change: ทำให้การเปลี่ยนแปลงฝังรากลึกในวัฒนธรรมองค์กร
- ปรับค่าความเชื่อ ระบบการวัดผล และการบริหารคนให้สอดคล้องกับสิ่งใหม่
.
[กรณีศึกษาและแนวทางการประยุกต์ใช้]
.
ตัวอย่างกรณีศึกษา: British Airways ในยุคการฟื้นตัว
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 British Airways ขาดทุนอย่างหนัก CEO คนใหม่คือ Colin Marshall ใช้แนวคิดคล้าย Kotter Model ในการเร่งการเปลี่ยนแปลง เช่น สร้างความเร่งด่วน, ปรับระบบบริการ, ยุบแผนกที่ล้าสมัย และชูวิสัยทัศน์ใหม่ว่า "ลูกค้าต้องมาก่อน" ภายใน 5 ปี บริษัทกลับมาทำกำไรและกลายเป็นสายการบินระดับโลก
.
ตัวอย่างกรณีศึกษา: Adobe เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจาก Software Box สู่ Subscription
Adobe เคยขายโปรแกรมเป็นกล่องๆ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปสู่ Cloud พวกเขาต้องเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ ใช้กระบวนการคล้าย Kotter’s Model โดยสื่อสารวิสัยทัศน์ใหม่ สร้างทีมผู้นำการเปลี่ยนแปลง ขจัดอุปสรรคทางเทคนิค และสร้างชัยชนะระยะสั้นด้วยการเปิดตัว Adobe Creative Cloud ซึ่งประสบความสำเร็จและเปลี่ยน Adobe สู่ยุคใหม่อย่างสมบูรณ์
.
[ข้อดี-ข้อเสีย]
.
[ข้อดี]
- มีขั้นตอนที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และสามารถติดตามความคืบหน้าได้
- เน้น "มนุษย์" และ "แรงจูงใจ" มากกว่าการบริหารเชิงเทคนิค
- เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย
[ข้อเสีย]
- ใช้เวลาและทรัพยากรมากในบางขั้นตอน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร
- หากผู้นำขาดความต่อเนื่อง อาจสะดุดในขั้น Sustainj หรือ Institute Change ได้ง่าย
.
[ข้อแนะนำและข้อควรระวัง]
- ใช้ควบคู่กับ Agile หรือ Lean Change Management เพื่อให้ปรับตัวได้เร็วขึ้น
- ลงทุนใน "การสื่อสารภายใน" อย่างจริงจัง เพราะเป็นหัวใจของทุกขั้นตอน
- อย่าข้ามขั้นตอนเพราะ "รีบ" เช่น การไม่มี Sense of Urgency ที่ชัดเจนจะทำให้ทั้งแผน กลายเป็นแค่ "นโยบายบนกระดาษ"
.
Kotter’s 8-Step Change Model ไม่ได้เป็นเพียงแค่ "ทฤษฎี" แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้จริงในการขับเคลื่อนองค์กร ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเรื่องปกติ โมเดลนี้จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยผู้นำ "จัดระบบ" การเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งองค์กรมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ชัดเจน การใช้โมเดลนี้ก็จะยิ่งเสริมพลังให้ทุกการเปลี่ยนแปลง "กลายเป็นพลังสร้างอนาคต" ได้อย่างแท้จริง
.
.
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
#theinsider #knowledge #ChangeManagement #การเปลี่ยนแปลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น