ชวน เปรียบเทียบ #DeepSeek VS #ChatGPT ตัวไหนน่าใช้งานมากกว่ากัน - ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการไอทีต้องใช้ตัวไหน แล้วเพราะเหตุใดจึงทำให้วงการเอไอในสหรัฐฯ ปั่นป่วน ?
ตอนนี้ DeepSeek ได้รับความนิยมเนื่องจากมันเป็นผู้ช่วยเอไออันทรงพลังซึ่งทำงานคล้ายกับ ChatGPT คำอธิบายในแอปสโตร์ระบุว่า แอปฯ นี้ออกแบบมาเพื่อ "ตอบคำถามของคุณและปรับปรุงชีวิตของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ"
.
ส่วนความคิดเห็นอื่น ๆ จากผู้ที่ให้คะแนนแอปฯ นี้ระบุว่า "มันเขียนสื่อสารในลักษณะเฉพาะตัวมากขึ้น" ดังนั้น เราลองมาเปรียบเทียบ DeepSeek VS ChatGPT ดูกันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
.
ChatGPT (โดย OpenAI) และ DeepSeek AI (จากจีน) เป็น โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM - Large Language Models) ที่มีความสามารถคล้ายกัน แต่ก็มีจุดแข็งและข้อแตกต่างสำคัญ
.
แต่โดยสรุปแล้ว เทียบข้อดี-ข้อเสีย ChatGPT VS DeepSeek AI ได้ดังนี้
ChatGPT
ข้อดี • ความสามารถสูงในการวิเคราะห์ข้อมูลและใช้เหตุผล • รองรับ API เชิงพาณิชย์ • รองรับภาษาได้ดี รวมถึงภาษาไทย •มีทั้งโหมดเสียงและการสร้างภาพ
ข้อเสีย • ใช้ API ต้องเสียเงิน • รุ่นฟรีมีข้อจำกัดบางอย่าง • ข้อมูลอัปเดตต้องใช้ GPT-4 เวอร์ชันเสียเงิน
DeepSeek AI
ข้อดี • เป็นโอเพนซอร์ส สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้ • ราคาถูกกว่า (ใช้ฟรี) • ใช้ทรัพยากรต่ำแต่ให้ประสิทธิภาพสูง
ข้อเสีย • อาจมีการเซ็นเซอร์ข้อมูลหรือประเด็นที่ละเอียดอ่อนตามกฎหมายจีน • ยังใหม่ในตลาด อาจไม่แม่นยำเท่า GPT-4 • ไม่มีฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลออนไลน์แบบเรียลไทม์ • มีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
.
โดย ChatGPT มูลค่า : 1.57 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ขณะที่ นักวิจัยที่อยู่เบื้องหลังแอป DeepSeek AI ระบุว่า ใช้เงินเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 200 ล้านบาท) ในการสร้างและพัฒนามันขึ้นมา ซึ่งน้อยกว่าเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ในอเมริกาใช้จ่ายไปมาก
.
#SPRiNG #SPRiNGtech #SPRiNGinfo #AI #DeepSeek #DeepSeekAI #OpenAI #ChatGPT
.
ติดตามข่าวสารที่จะจุดประกายความคิด ให้ความหวังกับผู้คนและสังคม ได้ที่สำนักข่าว SPRiNG
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น