วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2568

ผู้ที่ติดโลกอยู่..เพราะอะไร เพราะไม่เท่าทันโลกและไม่เข้าใจโลก

เมื่อเราปรารถนาทางธรรมให้เข้าถึงความสงบในบารมีที่แท้จริง เราก็ต้องละวางทางโลก ครั้นเมื่อเรานั้นได้บารมีทางธรรม มีความสงบในศีลสมาธิปัญญาแล้ว ครั้นเราไปอยู่ในทางโลก..มันก็จะไม่ติดโลกนั่นเอง รู้ว่าโลกเป็นอย่างนี้ มันก็จะเริ่มเรียนรู้โลกมากยิ่งๆขึ้นไป
ดังนั้นผู้ที่ติดโลกอยู่..เพราะอะไร เพราะไม่เท่าทันโลกและไม่เข้าใจโลก เพราะยังไปตำหนิติเตียนผู้อื่นเค้าอยู่อย่างนี้ จึงได้ไปติดกรรมเค้ามา บุคคลที่ไม่ติดโลกแล้วเข้าใจโลกแล้วเป็นอย่างไร เมื่อเจอสิ่งใดมากระทบ..ก็รู้แล้ววางในสิ่งนั้นได้ นี่แหล่ะผู้ที่ว่าไม่ติดโลก รู้โลก เข้าใจโลก.. 

คือเข้าใจตัวเองว่าเมื่อเรายังมีความโทสะ อารมณ์แบบนี้ก็ย่อมมีความไม่พอใจ เมื่อมีอารมณ์โมหะมีความหลง ก็เรียกว่าไม่เท่าทันสติ..ย่อมมีอารมณ์แบบนี้ เมื่อมีอิจฉาริษยาย่อมมีความพยาบาท มีกระทบกระทั่งในคำพูด..ก็เป็นอย่างนี้ เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้เรียกเข้าใจโลก ก็ต้องเข้าใจตัวเองให้มาก เมื่อเข้าใจตัวเองมากแล้ว..ก็จะเข้าใจผู้อื่น เมื่อเมตตากับตัวเองมากแล้ว..ก็จะเมตตาผู้อื่น และเมื่อมีอภัยให้กับตัวเองให้มากๆแล้ว..ก็จะมีอภัยให้กับผู้อื่นเค้า

ดังนั้นผู้ที่ยังติดโลกอยู่ก็เพราะเหตุนี้..เพราะไม่เท่าทันโลก เพราะไม่เท่าทันอารมณ์นั่นเอง จึงเป็นเหตุให้โลกธรรมทั้งหลายมันเข้ามาในจิตของเรา ดังนั้นให้อยู่กับความเป็นจริง เช่นมีอารมณ์มากระทบก็รู้ ไม่ใช่ว่าหนีโลกแต่ให้รู้จักโลก เมื่อบุคคลใดที่ยังไม่เข้าถึงภูมิธรรม ยังมีเศษวิบากกรรม ผู้นี้แลที่ยังมีวิบากกรรม แล้วถามตัวเองซิว่าเรานั้นมีมั้ย ถ้าเรามีให้มาดูที่อารมณ์ของตัวเองให้มาก เมื่อเราละอารมณ์ของเราของตัวเองเสียแล้ว เมตตาก็จะบังเกิดขึ้น ขันติก็จะบังเกิดขึ้น อภัยมันก็จะบังเกิดขึ้น.. 

ถ้าต่างคนต่างมีเมตตา ต่างคนต่างมีกรุณา มุทิตาและอุเบกขาซึ่งกันและกันแล้ว แม้นจะมีความกระทบกระทั่งจิตใจกันนั้น..มันก็เป็นของธรรมดา มันอยู่ที่ว่าใครจะเป็นผู้เห็นก่อน..วางก่อน ถ้ามันมีผู้นั้นเห็นก่อนมีธรรมมากกว่า คนที่มีธรรมมากกว่าก็จะให้อภัยบุคคลที่เค้ามีธรรมน้อยกว่า นี่เค้าเรียกว่าการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มีเมตตาซึ่งกันและกัน 

แต่ถ้าต่างคนต่างจะมาถือดีเอาชนะ นี้เรียกว่าไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เลย ไม่ชื่อว่าบุคคลนั้นที่จะมาประพฤติปฏิบัติเลย นั้นการประพฤติปฏิบัติต้องถามตัวเองว่า..ความโลภ ความโกรธ ความหลง..มีความเท่าทันอารมณ์มากยิ่งขึ้นมั้ย ถ้าเรามีความเท่าทันมีสติมากขึ้น..นั่นเรียกว่าใช้ได้ ถ้ามาประพฤติปฏิบัติอยู่วัดอยู่วาแล้ว เมื่ออารมณ์มากระทบจิตมากระทบใจอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เรานั้นไม่สามารถเท่าทัน.. 

ไอ้ไม่เท่าทันไม่เป็นไร ไม่เท่าทันในขณะนั้น..แล้วขณะต่อไปเล่า เรามีสติเห็นอารมณ์มั้ย อารมณ์มันยังไม่ดับในใจไม่เป็นไร..อารมณ์ครั้งต่อไปแล้วเป็นอย่างไร ให้เราเห็นอารมณ์ ถ้าเราเห็นอารมณ์แล้ว..อารมณ์มันจะค่อยๆดับของมันเอง เมื่อเราเห็นอารมณ์อยู่บ่อยๆมันจะเท่าทัน แต่ถ้าเราเห็นอารมณ์แล้ว..ไม่มีสติไประงับอารมณ์ นี่แหล่ะความกระทบกระทั่งมันก็จะบังเกิดขึ้น

เมื่อกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยๆแล้ว มันจะมีเหตุให้มีปากบ้างให้มีเสียงบ้าง แต่ถ้าเรามีอยู่ในใจในความไม่พอใจ แล้วสามารถพิจารณาละอารมณ์แล้ว เจริญเมตตา..อโหสิกรรม..ขอขมากรรมได้ นั่นแหล่ะเรียกว่าใช้ได้ เรามีภูมิธรรมที่สูงกว่า เราไม่จำเป็นเลยว่าจะให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องขอขมาหรืออโหสิกรรมเรา.. 

ต้องถามใจตัวเองว่า..เรายังติดใจติดอารมณ์อยู่หรือเปล่า เค้าจะมีไฟมากเพียงใด จะมีความโกรธเกรี้ยวอย่างใดก็ตาม แต่เมื่อเรานั้นมากระทบอารมณ์เราแล้ว..เราวางได้ดับได้ วางไม่ได้ในขณะนั้น..แต่ขณะต่อไปเราสามารถวางได้ ฝึกใจอย่างนี้อยู่บ่อยๆ จนเรานั้นควบคุมไฟได้ เมื่อนั้นแลอารมณ์แห่งไฟเหล่านี้ก็ไม่มีความหมายกับเรา เพราะไฟเหล่านี้มันจะไม่ตามเราแล้วทีนี้ มันจะไปอยู่ที่ใคร..มันก็ไปอยู่กับผู้ที่ส่งออกมา พวกนี้ก็จะเผาไหม้ตัวของบุคคลนั้นเอง 

ตัวของเราต่างหาก ถ้าต่างคนต่างมีไฟซึ่งกันและกัน..นี้จึงเรียกมีเวรมีพยาบาทต่อกันอย่างนี้ ก็เรียกว่าไม่สามารถจะจบยุติในกรรมนี้ได้ การจะยุติในกรรมต้องแก้ที่ใจของตัวเราเอง ตัดกรรมต้องตัดที่ใจ ละที่ใจของตัวเอง เมื่อไฟเรามันมีกำลังน้อยแล้ว เรามีสติมากกว่า มีธรรมที่จะควบคุมไฟเหล่านี้ได้ ไฟเหล่านี้ก็ไม่มีผลกับเราแล้ว 

ดังนั้นแล้วการฝึกจิตหรือกรรมฐานที่แท้จริง..ก็คือสิ่งที่มากระทบอารมณ์ ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่มากระทบอารมณ์แล้ว เราจะเอาอะไรที่ไหนเล่าจะมาฝึกได้ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าจิตเราจะพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เราก็ไม่สามารถรู้ได้ สิ่งนี้แลที่มันจะมาทดสอบเรา บ่งบอกว่าจิตเราพัฒนาไปถึงไหน ก็คือสิ่งที่มากระทบนี้..เราเพียรฝึกประพฤติปฏิบัติให้มาก

วันไหนที่กำลังจิตเรายังไม่มากพอ..เราก็อย่าปะทะโดยตรง วันไหนเรามีสติแล้วมีความตั้งมั่นแล้ว มีกำลังจิตที่ดี นั่นแหล่ะจิตเราจะไม่กลัวในสิ่งใด แม้สิ่งนั้นจะมากระทบเรา เรารู้..สิ่งนั้นก็วางและดับลงไปได้ แม้นจะมีขุ่นอยู่ในใจก็เป็นของธรรมดา แต่เราจะไม่เอากระเพื่อมออกมาภายนอก..อย่างนี้ 

ก็ขอให้เราพิจารณาอารมณ์ของจิตอยู่บ่อยๆเนืองๆ ไม่มีใครเลยที่จะไม่มีกระทบอะไร ตราบใดเรายังอยู่ในโลกธรรมอยู่ ตราบใดที่เรายังวางโลกไม่ได้ เรายังเข้าใจโลกไม่แจ้ง แต่ถ้าเราแจ้งในอริยสัจแล้ว..โลกใบนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร โลกใบนี้ก็เหมือนสังขารขันธ์ ๕ นี้ เมื่อเราพ้นจากขันธ์ ๕ นี้ ก็เหมือนน้ำที่อยู่ใบบัว มันก็กลอกกลิ้งไปตามอิสระของมัน 

เราก็แค่อาศัยโลกใบนี้อาศัยกายสังขารนี้ประพฤติปฏิบัติสร้างกุศลบารมีสืบไป ที่จะสงเคราะห์ช่วยเหลือใครตามกำลังจิตวาสนาของเรานั้นต่อไป แต่เมื่อเรายังติดอยู่ในโลกนี้อยู่..ในโลกธรรมอยู่ นั่นชื่อว่าเรายังมีอัตตาตัวตนอยู่ นั้นการจะสร้างสงเคราะห์บารมีนั้น..มันก็เป็นไปได้ยาก เพราะตัวเราเองนี้ลำพังตัวเองนี้ก็ยังลำบากอยู่ ยังสงเคราะห์ตัวเองไม่ได้ ดังนั้นค่อยๆฝึกอบรมจิตไป..

พูดง่ายๆว่าถ้าเรายังสงเคราะห์ใครไม่ได้ ก็สงเคราะห์คนใกล้ตัว พ่อแม่บิดาลูกหลาน เพื่อนสนิทมิตรสหาย แล้วก็ตัวของเราเอง แต่เมื่อใดเรามีกำลังจิตที่มีกำลังมากแล้ว มีบารมีมากแล้ว คราวนี้ก็ต้องสงเคราะห์กับคนที่เราไม่ชอบหน้า สงเคราะห์เค้ายังไง..คือการทำความดีบ้าง มีความยิ้มแย้มเป็นไมตรีบ้าง 

ดังนั้นแล้วสิ่งเหล่านี้ถ้าเราไม่ฝึก ไม่ละ..มันก็จะไม่เกิดขึ้น น้ำมันหยดลงหินทุกวันๆมันก็กร่อนได้ ความดีทั้งหลายที่เราทำลงไป..พอมันมีกำลังมากแล้ว มันสามารถละในอกุศลได้เช่นเดียวกัน เราไม่ปรารถนาให้ใครมาทำดีกับเรา การทำความดีอย่าได้หวังความดีตอบแทน เราทำความดีเพื่อเรานั้นศรัทธาในความดี ไม่ได้ทำความดีเพื่อให้ความดีนั้นมาสนอง ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว..เรายังหวังผล เมื่อหวังผลแบบนี้..เมื่อเราไม่ได้ผลตอบแทนที่ดี เราก็จะหมดกำลังใจในการทำความดี นี้ไม่ใช่ชื่อว่าทางแห่งมรรคในการสร้างบารมีเลย..

เทศนาธรรมกรรมฐาน วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
บ้านโปร่งวิเชียร อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี

ติดตามข้อมูลข่าวสารกิจกรรมของมูลนิธิได้ทาง https://www.facebook.com/mprs.foundation
ติดตาม คลิปธรรมะได้ทาง YouTube channel : ธรรมะมหัศจรรย์ ตามรอยธรรมสมเด็จโต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นี่คือ 3 ขุนพลมือฉมัง ที่จะมาเป็นลูกน้องมือขวาให้คุณไม่ต้องจ่าย OT ไม่ต้องมีสวัสดิการ แต่ทำงานให้คุณ 24 ชั่วโมง!

. . 🔥 ฟันธง! เลือกใช้ AI ยังไงให้เหมือนจ้างเทพมาทำงาน  ดูให้ชัด แล้วเลือกใช้ให้ถูกคน! . . ChatGPT ขุนพลสาย Creative ปากจัด อย่...