ตลาดแรงงานตอนนี้ไม่ได้ต้องการแค่คนทั่วไป คนที่เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง หรือเป็ดที่มีหลากหลายฟังก์ชันแต่ไม่เด่นสักอย่าง แต่เป็น ‘เป็ดตึง’ ที่นอกจากมีหลายฟังก์ชัน แล้วยังเชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งด้านอีกด้วย
นั่นคือสิ่งที่ ซีเค เจิง CEO of Fastwork และ กรวุฒิ ลาภปรารถนา CEO of TechUp เห็นตรงกัน ระหว่างบทสนทนาบนเวที ‘Future of Work: Empowering the Next Generation สร้างโอกาสงานให้เด็กจบใหม่ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง’ ภายในงาน THE STANDARD Economic Forum 2025
🤖 โลกการทำงานใหม่: AI ไม่ได้มาแทนที่ 'คน' แต่แทนที่ 'งานน่าเบื่อ'
ภูมิทัศน์ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง AI ไม่ได้เข้ามาเพื่อแย่งงานมนุษย์ทั้งหมด แต่จะเข้ามาทดแทนงานที่เราไม่อยากทำ เช่น งานเอกสาร งานคีย์ข้อมูล หรืองานบริการลูกค้าที่ต้องเจอกับอารมณ์ที่หลากหลาย AI จะบังคับให้มนุษย์ต้องยกระดับตัวเองขึ้นไปทำในสิ่งที่สร้างสรรค์และมีคุณค่ามากกว่าเดิม
ซีเคชี้ว่ามี 2 กลุ่มที่หางานยากที่สุดในยุคนี้ คือ ‘ผู้บริหารอาวุโส’ อายุ 45-60 ปีขึ้นไป ที่มีอีโก้สูง ปรับตัวช้า และไม่ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ และ ‘เด็กจบใหม่’ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ เพราะองค์กรยุคนี้ต้องการคนที่พร้อมทำงานทันทีมากกว่าต้องมาสอนใหม่
กรเสริมว่า ความคาดหวังต่อเด็กจบใหม่ในอดีตคือการทำตามคำสั่งและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ AI สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่า เหนื่อยน้อยกว่า และต้นทุนถูกกว่า เพียงเดือนละประมาณ 700 บาท เป็นค่า Subscribe เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โอกาสอยู่ที่หัวหน้าหรือผู้บริหารส่วนใหญ่ยังใช้ AI ไม่เป็น เด็กจบใหม่ (Digital Natives) ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีอยู่แล้ว หากสามารถใช้ AI เป็น และเข้าไปช่วยองค์กรทำ Automation ได้ จะกลายเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก
🚀 'เป็ดที่ตึง' กลยุทธ์คว้าโอกาสของคนรุ่นใหม่
เมื่อ AI กลายเป็น ‘เป็ดที่เก่งมาก’ (Generalist) ที่รู้กว้างในทุกเรื่อง ทางรอดของมนุษย์คือการเป็น ‘เป็ดที่ตึง’ ซึ่งหมายถึง Specialist ที่เก่งรอบด้าน
ซีเคเน้นว่าต้องเก่งให้ลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก่อน เพื่อที่จะเป็นคนที่บอกได้ว่าสิ่งที่ AI ตอบนั้นถูกหรือผิด และยังต้องกว้างขวางในทักษะรอบๆ สายงานตัวเอง เพื่อจะเป็นคนแบบ ‘One Stop Service’ ได้
กรเสริมว่า นอกจากความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง คุณต้องมีทักษะทั่วไป ที่จำเป็น 3 อย่างคือ
1. การแก้ปัญหาเชิงตรรกะ
2. การสื่อสาร
3. การเรียนรู้ด้วยตนเอง
และหนึ่งในสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับเด็กจบใหม่ก็คือ ‘พอร์ตฟอลิโอ’ ในโลกความจริง ถ้ายังไม่มีใครจ้าง ก็จงสร้างผลงานขึ้นมาเอง เช่น ทำโฆษณาให้แบรนด์เองฟรีๆ แล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย หรือหาแพลตฟอร์มรับจ้างทำงานฟรีแลนซ์เพื่อเป็นแหล่งเก็บผลงาน
🏛️ ภาครัฐต้องเปลี่ยนบทบาท: จาก 'ผู้เล่น' สู่ 'ผู้สนับสนุน'
การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐในบทบาทที่ถูกต้อง รัฐควรต้องมองว่าอะไรคือปัญหาของวิกฤติเด็กจบใหม่ไม่สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างในปัจจุบัน และหาทางแก้ที่ต้นเหตุจริงๆ มากกว่าปลายเหตุ
กรเสนอให้ภาครัฐนำโมเดลอย่างสิงคโปร์หรือฝรั่งเศสมาใช้ คือการให้ ‘Learning Credit’ (งบประมาณ) แก่ประชาชน เพื่อนำไป Upskill ในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองว่าเป็นที่ต้องการของตลาด และมีข้อมูลชัดเจนว่าผู้เรียนจบแล้วได้งานจริง
นอกจากนั้น ปัญหาคือภาครัฐพยายามเป็น ‘ผู้เล่น’ ในทุกอุตสาหกรรม ทั้งที่คนเก่งที่สุดอยู่ที่ภาคเอกชน แท้จริงแล้วหน้าที่ของรัฐคือการเป็นผู้ ‘สร้างสิ่งแวดล้อม’ (Enabler) ให้ผู้ประกอบการเติบโตได้ เช่น การศึกษา การท่องเที่ยว หรือการเกษตร และที่เหลือให้เอกชนได้ไปตามทางของตัวเอง
วิกฤตตลาดแรงงานครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง ในขณะที่เด็กจบใหม่กำลังเผชิญปัญหา พวกเขาไม่มีอำนาจมากพอจะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
องค์กรต้องเปลี่ยนวิธีประเมินคุณค่าคน และภาครัฐต้องเลิกเป็นผู้เล่นและหันมาสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของเอกชน หากทั้งสามส่วนร่วมมือกัน เราจึงจะสร้างอนาคตของตลาดแรงงานไทยให้รอดพ้นจากวิกฤตนี้ได้
#TheStandard #ThailandsNextFrontier #พรมแดนใหม่เศรษฐกิจไทย #TheStandardEconomicForum2025
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น