ความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นได้ง่าย เพราะการ “คิดเชิงกลยุทธ์” (Strategic Thinking) ไม่ได้หมายถึงการวางแผนระยะยาวเท่านั้น แต่คือความสามารถในการ มองเห็นภาพรวม คาดการณ์แนวโน้ม วิเคราะห์ปัจจัยรอบด้าน และเลือกทางเดินที่สร้างผลกระทบยั่งยืนซึ่งต้องอาศัยทั้งเวลา สมาธิ และมุมมองที่กว้างกว่า “สิ่งที่อยู่ตรงหน้า”
📍เราอยู่ในโหมด “แก้ปัญหา” มากกว่า “คิดเชิงระบบ”
มนุษย์เราคุ้นเคยกับการตัดสินใจแบบอัตโนมัติ ใช้ “ทางลัดทางความคิด” (mental shortcuts) เพื่อประหยัดพลังสมอง เพราะในแต่ละวันมีงานจิปาถะมากมายที่ต้องจัดการให้เสร็จ
แต่ทางลัดเหล่านี้เอง ที่ทำให้เราหยุดคิดเชิงกลยุทธ์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่อเราชินกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราจะไม่เหลือพื้นที่ให้ตั้งคำถามเชิงระบบ เช่น “สิ่งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวหรือไม่?” หรือ “เราควรลงทุนเวลาในเรื่องนี้จริงหรือ?”
📍วัฒนธรรม “ยุ่งตลอดเวลา” ทำให้ไม่มีที่ว่างให้กับการคิด
องค์กรจำนวนมากให้รางวัลกับคนที่ “ทำงานหนัก” มากกว่าคนที่ “คิดลึก” แต่ความจริงคือ กลยุทธ์ต้องการเวลาเงียบ ความตั้งใจ และการไตร่ตรอง — สิ่งที่หาได้ยากในสังคมที่ทุกนาทีต้อง productive ซึ่งมันก็มีการตั้งคำถามไว้อย่างน่าสนใจว่า “ถ้ากลยุทธ์สำคัญขนาดนั้น ทำไมเราถึงไม่เคยมีเวลาให้มันเลย?”
คำตอบอาจคือ เพราะเรายังไม่กล้า “หยุด” เพื่อ “มองไกล”
📍สภาพแวดล้อมและโครงสร้างองค์กรไม่เอื้อให้คิดเชิงกลยุทธ์
ในหลายองค์กร คนระดับปฏิบัติการมักถูกจำกัดให้ทำตามแผน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการคิดเชิงกลยุทธ์ จึงเกิดวงจร “คิดน้อย ทำมาก” ที่ตัดตอนศักยภาพในการมองภาพรวม
นอกจากนี้ การทำงานแบบแยกส่วน (silo) และการมี “หลายเป้าหมายเกินไป” ก็ทำให้ความสนใจของพนักงานกระจัดกระจาย ไม่มีสมาธิพอจะต่อจุดข้อมูลให้กลายเป็นภาพใหญ่ได้
📍อุปสรรคทางจิตใจและวัฒนธรรมองค์กร
- Bias และสมมติฐานส่วนตัว ทำให้เรามองโลกผ่านเลนส์เดิม ๆ
- ความกลัวความล้มเหลว ทำให้ไม่กล้าเสนอแนวคิดใหม่
- ขาดการสะท้อนกลับ (Feedback) ทำให้ไม่รู้ว่าความคิดของเราสอดคล้องกับทิศทางองค์กรหรือไม่
เมื่อไม่มีพื้นที่สำหรับการตั้งคำถามหรือการโต้แย้งเชิงสร้างสรรค์ การคิดเชิงกลยุทธ์ก็ไม่อาจเติบโตได้
📍 ผลลัพธ์ที่มักไม่รู้ตัว
การขาด Strategic Thinking ไม่ได้แปลว่าคนทำงาน “ไม่เก่ง” แต่มันแปลว่าองค์กรกำลังเสียโอกาสในการ
- ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
- มองเห็นภัยและโอกาสก่อนคู่แข่ง
- สร้างแรงบันดาลใจให้คนร่วมทางอย่างมีเป้าหมายร่วม
สุดท้ายแล้ว การขาดกลยุทธ์ไม่ได้ทำให้ “ทุกอย่างพังในทันที” แต่มันค่อย ๆ ทำให้ทีมหลงทางโดยไม่มีใครรู้ตัว
📍แล้วเราจะเริ่มฝึก Strategic Thinking ได้อย่างไร?
- กันเวลาไว้เพื่อคิด ไม่ใช่แค่ทำ — สร้าง “thinking time” รายสัปดาห์
- ตั้งคำถามเชิงอนาคต — “ถ้าเราทำสิ่งนี้ต่อไปอีก 2 ปี ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?”
- มองข้ามขอบเขตทีมของตัวเอง — เข้าใจว่าแต่ละส่วนเชื่อมโยงกันอย่างไร
- สะท้อนผลลัพธ์เป็นประจำ — อะไรได้ผล? อะไรไม่? และเพราะอะไร?
การคิดเชิงกลยุทธ์ไม่ใช่พรสวรรค์ของผู้บริหาร แต่เป็นทักษะที่ทุกคนต้อง “ฝึก” ให้เกิดขึ้นในทุกระดับงาน และในยุคที่ความเร็วกลายเป็นบรรทัดฐาน — คนที่ “กล้าช้าลงเพื่อคิดให้ลึก” คือคนที่จะพาองค์กรไปไกลกว่าใคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น