และนี่คือ 5 บทเรียนสำคัญ ที่ทำให้ “เทศกาลเจนนี่” กลายเป็นอีกหนึ่งเคสที่น่าสนใจของ TikTok Live Commerce ไทย
.
1. สร้างโมเดลขายของแบบใหม่ เมื่อ 10 นาทีมีค่า
.
จุดเริ่มต้นของ “เทศกาลเจนนี่” มาจากการที่เธอลองคำนวณต้นทุนเวลา โดยปกติการไลฟ์ขายของของเธอจะอยู่ที่ชั่วโมงละ 200,000 บาท แต่เมื่อเห็นว่าความสนใจจากผู้ชมเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังเหตุการณ์ดราม่า เธอจึงตัดสินใจย่อเวลา ลดความยืดเยื้อ และเปลี่ยนโมเดลการขายให้สั้นลงแต่เข้มข้นกว่าเดิม
.
จึงเกิดเป็นโมเดล “10 นาที 50,000 บาท” พร้อมเงื่อนไขสำคัญคือแบรนด์ต้องได้ออเดอร์อย่างน้อย 1,000 ชิ้นใน 10 นาที หรือเฉลี่ยออเดอร์ละ 50 บาท
.
แต่สิ่งที่ทำให้มันน่าตื่นเต้นกว่านั้นคือ “ความเรียล” ของการขาย ในขณะที่บางแบรนด์ขายหมดภายใน 2 นาที เจนนี่จะถามทันทีในไลฟ์ “จะไปต่ออีก 1,000 ออเดอร์ไหม” เป็นการต่อรองสดที่ให้ผู้ชมสามารถรับรู้ไปด้วยกันทันที
.
ผลลัพธ์ที่ได้เกินคาด บางแบรนด์จ่ายให้เจนนี่สูงสุดถึง 8 ล้านบาทในเวลาเพียง 10 นาที ซึ่งหมายความว่าขายได้กว่า 160,000 ออเดอร์ และทุกครั้งที่เจนนี่ขึ้นไลฟ์ ก็จะมีเจ้าของแบรนด์ใหม่ๆ ติดต่อเข้ามากว่า 400–500 รายต่อวันเพื่อจองคิวขายสินค้า จนต้องตั้งทีมงานเฉพาะเพื่อจัดตารางและบริหารคิว
.
ที่สำคัญปรากฏการณ์นี้ไม่ได้จบแค่ยอดขายวันเดียว แต่กลับต่อยอดเป็นทวีคูณ วันแรก (9 ตุลาคม) ยอดขายอยู่ที่ 24 ล้านบาทจากการไลฟ์ต่อเนื่อง 18 ชั่วโมง วันที่สองขายได้ 33 ล้านบาทใน 17 ชั่วโมง วันที่สามแตะ 80 ล้านบาท และวันที่สี่ทะลุ 126 ล้านบาท
.
2. เปลี่ยนสู่ “หัวตลาด”
.
เมื่อเริ่มไลฟ์ขายสินค้าของแบรนด์ต่างๆ มากมายถึง 200 แบรนด์ในหนึ่งวัน เจนนี่เริ่มมองเห็นความเสี่ยงของการที่เธอเป็นผู้พูดขายเพียงคนเดียว เพราะความน่าเชื่อถืออาจค่อยๆ ลดลง เพราะไม่มีใครสามารถรู้ลึกถึงรายละเอียดของสินค้าทุกชิ้นได้อย่างแท้จริง เธอจึงปรับบทบาทของตัวเองมาเป็น “หัวตลาด” หรือผู้เปิดพื้นที่ให้เจ้าของแบรนด์มาขายด้วยตนเองในไลฟ์ เพื่อให้เกิดความจริงใจและความเชื่อมั่นจากผู้ชมมากที่สุด
.
เธอยังคงความเป็น “เรียล” ของไลฟ์ไว้เหมือนเดิม ไม่จัดฉาก ไม่แต่งเติม และไม่ทำให้ภาพลักษณ์ดูไกลจากตัวจริงของเธอ เพราะเจนนี่เชื่อว่า “ถ้าเป๊ะเกิน มันจะไม่ใช่เรา” ขณะเดียวกัน เธอมองว่าแบรนด์อื่นไม่ใช่คู่แข่ง แต่เป็นเพื่อนร่วมสนาม ทุกคนสามารถเติบโตไปด้วยกันบนเวทีเดียวกัน
.
3. เข้าใจพฤติกรรมผู้ชม = เข้าใจอัลกอริทึม
.
ในโลกของการตลาด อีกปัจจัยที่สำคัญนอกจากยอดผู้ติดตามหรือยอดวิว สิ่งนั้นคือ “เอนเกจเมนต์” ที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ขายกับผู้ชมที่ทำให้คนอยากอยู่ต่อ ฟังต่อ และซื้อจริง ซึ่งเจนนี่เข้าใจสิ่งนี้ เธอไม่เพียงแต่สร้างคอนเทนต์เพื่อขายของ แต่สร้างบรรยากาศของการมีส่วนร่วมที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเทศกาลงานวัด
.
เธอรู้ว่าผู้ชมบน TikTok เข้ามาเพื่อ “รู้สึก” ไม่ใช่เพื่อ “ดูโฆษณา” จึงเลือกใช้สไตล์การไลฟ์ที่เรียบง่าย บ้านๆ ใช้เพียงโทรศัพท์เครื่องเดียวและมุมกล้องธรรมชาติ นอกจากนี้ เจนนี่ยังเข้าใจ “อัลกอริทึมของแพลตฟอร์ม” อย่างลึกซึ้ง เธอสังเกตว่าหากขายสินค้าหมวดเดียวกันติดๆ กัน TikTok จะลดการมองเห็นทันที จึงจัดลำดับให้คั่นหมวดสินค้าแตกต่าง เช่น อาหารเสริม สลับกับเสื้อผ้า ของกิน เพื่อคงความสดใหม่ของคอนเทนต์และรักษาความสนใจของผู้ชมไว้ต่อเนื่อง
.
4. การจัดการความเสี่ยงหลังการขายและการต่อยอด
.
แม้จะมียอดคำสั่งซื้อสูง แต่เจนนี่เข้าใจดีว่าการขายออนไลน์ย่อมมีออเดอร์ตีกลับหรือยกเลิก จึงยังคงปักตะกร้าไว้แม้จะหมดเวลา เพื่อให้ลูกค้ากดสั่งเพิ่มหลังจากการขายรอบหลักจบลง เป็นการบริหารความคาดหวังให้ทั้งฝั่งลูกค้าและเจ้าของแบรนด์พึงพอใจ
.
ที่สำคัญ เธอไม่ได้หยุดแค่การขาย แต่ยัง “สอนวิธีขาย” ให้แบรนด์นำคลิปยอดวิวสูงไปต่อยอด เช่น ตัดเป็นคลิปสั้นลง TikTok หรือรีโพสต์ในเพจ เพื่อขยายยอดขายผ่านระบบ Affiliate ต่อเนื่อง เธอเข้าใจดีว่ากระแสออนไลน์มีอายุสั้น แบรนด์จึงต้องรีบใช้โอกาสนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
.
เธอยืนยันว่า “ไม่หวงวิชา ใครอยากทำได้หมด” เพราะเธอเชื่อว่าความรู้ที่แบ่งปันออกไปจะกลับมาหาเธอในรูปแบบอื่นเสมอ ตัวอย่างชัดเจนคือการที่เธอสอนเทคนิคการไลฟ์ให้ “ป๋อ ณัฐวุฒิ” ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้และสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาทภายในเวลาไม่นาน นั่นคือสิ่งที่เธอมองว่าเป็นความสำเร็จร่วมที่ยิ่งใหญ่กว่าการขายเพียงคนเดียว
.
5. บริหารทีม บริหารเงิน
.
เบื้องหลังความสำเร็จร้อยล้านในไม่กี่วัน ไม่ได้มีแค่ความสามารถในการขาย แต่คือระบบการบริหารจัดการที่แข็งแรง เจนนี่ให้ความสำคัญกับทีมงานมาก ตัวอย่างชัดคือการจ่ายค่าจ้าง “บูม” ผู้ช่วยไลฟ์สดวันละ 1 แสนบาท หรือราวเดือนละ 3 ล้านบาท แม้จะมีเสียงวิจารณ์มากมาย แต่เธอกลับมองว่านี่คือการลงทุนในคนเพราะไม่มีความสำเร็จใดเกิดขึ้นได้จากคนคนเดียว
.
สุดท้าย หลังจบคืนที่สี่ของเทศกาลเจนนี่ที่มียอดขายทะลุร้อยล้าน สิ่งที่ผู้คนเฝ้ารอไม่แพ้ยอดขาย คือตอนต่อไปของปรากฏการณ์นี้ และค่ำคืนนี้ก็คงไม่ต่างจากสี่วันที่ผ่านมา ที่คนดูจะเปิดจอรอลุ้นกันว่าเจนนี่จะสร้างสถิติใหม่อีกหรือไม่ และใครจะเป็นแขกรับเชิญคนต่อไปในไลฟ์สด
#BrandAgeOnline #เทศกาลเจนนี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น