ส่วนตัวมักจะหยิบ 13 เทคนิคการจัดการเวลา (ตามรูป) มาใช้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละเทคนิคก็มีข้อดีแตกต่างกัน
1. Pareto Principle (80/20) – เลือกทำ 20% ของสิ่งที่สำคัญ เพื่อสร้างผลลัพธ์ 80%
2. Eisenhower Matrix – แยกสิ่งที่ “สำคัญ” ออกจาก “เร่งด่วน” เพื่อไม่ให้ชีวิตถูกงานเล็กๆ เบนเบี่ยนความสนใจ
3. Parkinson’s Law – ยิ่งกำหนดเวลาไว้ชัดเจน งานก็ยิ่งเสร็จเร็ว และที่สำคัญไม่กินพื้นที่ชีวิตส่วนอื่นจนเกินความจำเป็น
4. Pomodoro Technique – ทำงานทีละ 25 นาที และพักเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อรักษาสมาธิและพลังงาน...
5. Deep Work – ลงลึกกับงานที่สำคัญที่สุด โดยปราศจากสิ่งรบกวน
6. Time Blocking – แบ่งเวลาเป็นบล็อกๆ สำหรับงานแต่ละประเภท ลดการสลับงาน เพราะทุกอย่างที่เริ่มต้นใหม่นั้นมีต้นทุนเวลา
7. Getting Things Done (GTD) – เก็บทุกเรื่องไว้ในระบบหรือสมุดบันทึกที่เรามองเห็นได้ชัดเจน แล้วจึงจัดการทีละขั้นตอน...
8. The ONE Thing – โฟกัสเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุด แล้วทุ่มเทสมาธิไปที่ตรงนั้น
9. Eat That Frog – เริ่มวันด้วยงานที่ยากที่สุด เพื่อให้เวลาหลังจากนี้จะง่ายขึ้น
10. Slow Productivity – ทำงานอย่างช้าๆ แต่ใส่ใจพร้อมๆ กับความละเอียดรอบคอบ
11. Zen to Done – ใช้หลักการจัดการงานแบบเรียบง่าย เน้นสร้างนิสัยเล็กๆ ให้ทำได้จริง
12. Flow State – ทำงานอย่างไหลลื่น ให้เหมือนกันเราลืมเวลา ด้วยสมาธิที่เต็มที่
13. Stoic Time Management – ใช้แนวคิดสโตอิก เตือนใจตัวเองว่าเวลาเราจำกัด จึงควรทำสิ่งที่มีค่าจริงๆ
เอาเข้าจริง
เราไม่จำเป็นต้องใช้ทุกเทคนิคพร้อมกัน และส่วนตัวก็มักจะเลือก 1–2 วิธีให้เข้ากับชีวิตที่ต้องรับผิดชอบต่องานในแต่ละช่วง ก็พอที่จะทำให้เรา “ใช้เวลาได้อย่างมีความหมาย” ประโยชน์และความหมายมากขึ้น
สุดท้าย
3 ช่องล่างสุด... ที่เป็นรูปนาฬิกานั้นเตือนให้เรารู้จริงๆ ว่า ‘เราทีเวลาจำกัด’ และทำทุกอย่างทั้งหมดไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำจึงเป็นสิ่งที่เราเลือกแล้วว่าสำคัญต่อเราอย่างแท้จริง เพราะ ‘เวลาคือชีวิตของเรา’ การที่จะมีแผนที่นำทางก็ช่วยมห้เราไม่หลงออกนอกเส้นทางนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น