1. คลื่นรบกวนในชีวิตประจำวัน
ทุกวันนี้รอบตัวเรามีคลื่นวิทยุเต็มไปหมด เช่น
มือถือ (700, 900, 1800, 2100, 3500 MHz)
Wi-Fi, Bluetooth (2400 MHz, 5000–6000 MHz)
คลื่นพวกนี้คือ “เสียงรบกวนในอากาศ” ที่ร่างกายเราหลีกเลี่ยงไม่ได้
2. คลื่นแม่
คลื่นแม่ เช่น 144, 177, 188 MHz (รวมถึงตัวอื่นๆ เช่น 333, 432, 443 ฯลฯ) คือ “ความถี่อ้างอิง” ที่มีคุณสมบัติพิเศษตรงที่ มันหารลงตัวกับคลื่นรบกวน
👉 พูดง่ายๆ เหมือน “แม่กุญแจ” ที่เข้ากับ “ลูกกุญแจ” ของคลื่นรบกวนพอดี
3. ฮาร์มอนิก (คลื่นลูก)
เวลาเอาคลื่นแม่ไปเทียบกับคลื่นรบกวน บางครั้งมันจะ “ลงตัวแบบพอดี” หรือ “ใกล้เคียงมาก” → อันนี้เรียกว่าเกิด ฮาร์มอนิก
ผลคือ คลื่นแม่สามารถเข้าไปสั่นตาม หรือดึงพลังงานของคลื่นรบกวนออกมาได้ (เหมือนเครื่องดนตรีที่จูนคีย์ตรงกัน จะสั่นตอบสนองกันเอง)
4. ประโยชน์คืออะไร?
144, 177, 188 MHz → ครอบคลุมทั้งมือถือ, Wi-Fi, 5G
432, 443 MHz → ตรงกับ Wi-Fi/5G แบบใกล้เคียงมาก
333, 764 MHz → เด่นใน Wi-Fi เจนใหม่ (5–6 GHz)
133 MHz → เด่นในมือถือ (900/1800 MHz)
👉 สรุปง่ายๆ: แต่ละคลื่นเหมือน “เครื่องมือ” ที่ทำงานกับสัญญาณรบกวนคนละกลุ่ม
5. ทำไมต้องหลายคลื่น?
เพราะแต่ละคลื่นแม่ทำหน้าที่ต่างกัน
เหมือนมียาหลายขนาน → ตัวไหนแก้หวัด, ตัวไหนแก้ปวด, ตัวไหนแก้แพ้
ดังนั้น “ไม่มีตัวเดียวที่ดีที่สุด” แต่ 144, 177, 188 ถือว่าครอบจักรวาลสุด เพราะมันเชื่อมโยงกับทั้งมือถือและ Wi-Fi ที่เราใช้เยอะที่สุด
✅ ถ้าจะอธิบายกับคนทั่วไป ให้พูดสั้นๆ ว่า:
> คลื่นแม่คือคลื่นพื้นฐานที่จูนพอดีกับคลื่นรบกวนในชีวิตประจำวัน พอจูนตรงกันมันก็ไปหักล้าง หรือดึงเอาพลังงานรบกวนออกมาได้ คลื่น 144, 177, 188 MHz ถูกใช้เพราะมันครอบคลุมมือถือและ Wi-Fi ซึ่งเราต้องเจอทุกวัน
#ความรู้จากrb22
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น