.
1. คิดมากเพราะรู้มาก รู้นั่น รู้นี่ รู้ทุกมุม เลยตัดสินใจช้าหรือไม่ตัดสินใจเลยเพราะข้อมูลมันเต็มหัวไปหมด จึงหมดเวลาไปกับการอยู่กับข้อมูล ศึกษาทางเลือก วางแผน หมดเวลาไปกับกระดาษและหน้าจอจนผลลัพธ์ไม่ค่อยเกิด
ทางแก้คือ ยอมปล่อยงานที่พร้อมแค่ 80% ให้ผลลัพธ์มันเกิดก่อนแล้วค่อยปรับแก้ไปตามสถานการณ์
.
.
2. เก่งจนเคยตัว หลงใน comfort zone ว่าเรายืนหนึ่ง แต่หารู้ไม่ว่าโลกภายนอกยังมีคนอีกมากมายที่เก่งกว่าเรา ทางแก้คือออกไปเจอโลกภายนอกที่มีแต่คนเก่งรวมกัน ไปแบบปิดปาก เปิดใจดูว่าข้างนอกแข่งขันกันแค่ไหนและตัวเราเองอยู่ระดับประมาณไหนในกลุ่มนั้น
.
.
3. เรียนมากไปก็เป็นอีกปัญหาใหญ่ของคนเก่ง คือเรียนเยอะแต่ไม่เอาความรู้นั้นมาทำจริง ทางแก้คือจัดเวลาลองทำให้พอๆ กับเวลาที่ลงเรียน ตั้งกฏ เรียน 1 ชั่วโมง ทำจริง 1 ชั่วโมงกับตัวเอง
.
.
4. เก่งคนเดียว ทำงานกับใครไม่ได้ อาจเป็นเพราะอคติคิดว่าคนอื่นโง่หมดหรือตัวเองรู้สึกว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร (กลัวอาย เสียหน้า ไม่อยากรอ ฯลฯ) ทางแก้คือ ให้หาคนเก่งจริงที่เรายอมรับแล้วอย่างหมดใจมาให้คำแนะนำกับเรา เราจะยอมรับคำแนะนำมากกว่าคนทั่วไป เป็นการสลายอีโก้ที่ได้ผลมาก
.
.
5. เก่งมากก็มีโอกาสมาก มากจนเลือกไม่ถูก ไม่โฟกัส สุดท้ายจบลงมือเปล่า ไม่ได้อะไรสักอย่าง คนเก่งแบบนี้น่าเสียดายที่สุด ทางแก้คือ ให้เลือกโฟกัสทำทีละอย่างเป็นเวลา 3-4 เดือน แล้วดูผล ถ้าไม่มีพัฒนาการที่น่าพอใจค่อยตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ บางที ที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ความจริงคืออาจจะเก่งแค่ระดับปลายแถวก็ได้
.
.
6. รอให้ทุกอย่างพร้อม สมบูรณ์แบบจึงจะลงมือหรือปล่อยงาน ใครเป็นแบบนี้ แย่แน่นอน เพราะจะคาดหวังหาความสมบูรณ์แบบอะไรจากโลกใบนี้
ทางแก้คือ มี design thinking mindset คือ คิด-ทดสอบไอเดีย-ทำและวัดผล-ปรับใหม่ให้ดีขึ้น
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ งานก็จะดีขึ้น พัฒนาขึ้น
.
.
7. หูหนวก ตาบอดจากคำเตือนของคนรอบข้าง เป็นอาการที่น่าสงสารเพราะหลงตัวเองจนหูตามืดบอด และจะน่ากลัวที่สุดคือ คนเก่งที่รายล้อมด้วยคนสอพลอ
ขอบคุณบทความจาก CR Trick of the Trade
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น