1. หยุดอารมณ์ไม่ให้ทำร้ายตนเอง
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่นมักเกิดจากการที่เราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ หากเราไม่ระงับอารมณ์ เราอาจพบกับปัญหามากมาย การฝึกหยุดอารมณ์เป็นวิธีป้องกันความเครียดและการเก็บกด เพราะเมื่ออดทนไม่ไหว อาจระบายความโกรธใส่ผู้อื่น วิธีที่ดีที่สุดคือไม่คิดถึงสิ่งที่ทำให้โกรธ และเปลี่ยนไปสนใจสิ่งที่ทำให้เราสงบ แรก ๆ อาจยาก แต่หากฝึกเป็นประจำจะช่วยได้มาก
2. อาการเกร็งร่างกายเมื่อโมโห
เมื่อโมโห เราอาจเกร็งร่างกายโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากพยายามระงับอารมณ์ การเกร็งร่างกายช่วยให้เกิดสมาธิเร็ว แต่หากทำบ่อยครั้งจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บ เช่น เป็นตะคริวหรือเจ็บกล้ามเนื้อ ดังนั้นควรฝึกสมาธิอย่างถูกวิธีด้วยการเน้นที่อารมณ์ที่เราชอบ ไม่ควรสนใจร่างกาย เมื่อฝึกจนชำนาญ เราจะสามารถหยุดอาการเกร็งขณะระงับอารมณ์ได้
3. ยอมรับความจริงและปรับแก้ไข
เมื่อเรารู้สึกโกรธหรือเศร้า ควรยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้น และหาทางแก้ไขด้วยการสร้างอารมณ์เชิงบวก เช่น การสูดอากาศบริสุทธิ์ พูดคุยกับผู้อื่น หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เราสงบ การยอมรับอารมณ์ช่วยให้เรามองปัญหาได้ถูกต้องและหาทางแก้ไขได้อย่างตรงจุด
4. เขียนบันทึกประจำวัน
การเขียนบันทึกช่วยให้เราจัดการความคิดได้ดีขึ้น การบันทึกเหตุการณ์ช่วยเรียบเรียงความคิด ทำให้เรามองเห็นปัญหาและทางแก้ไขอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น เมื่อทำบ่อย ๆ จะช่วยให้ชีวิตมีระเบียบและชัดเจนมากขึ้น
5. เปลี่ยนพลังลบเป็นบวกด้วยสมาธิ
เมื่อเกิดอารมณ์เชิงลบ เช่น โมโหหรือเศร้า การฝึกสมาธิจะช่วยผลักดันพลังลบออกไป สมาธิสามารถฝึกได้หลายวิธี เช่น การนั่งสมาธิ การฟังเสียงที่ชอบ หรือการทำงานด้วยความตั้งใจ การฝึกสมาธิเป็นประจำจะช่วยให้เราควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นในชีวิตประจำวัน
6. ออกกำลังกายเพื่อลดความเครียด
การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจสดชื่นและลดความเครียดได้ นอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรง ยังส่งผลดีต่อจิตใจด้วย การออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน เช่น การวิ่งตอนเช้า หรือการเล่นกีฬากับเพื่อน จะช่วยให้เราสุขภาพดีและมีสังคมที่ดีขึ้น
7. พัฒนาตนเองจากประสบการณ์
เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่พอใจ แทนที่จะโกรธ ควรหามุมมองที่จะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นั้น เช่น หากเกิดปัญหาจากการขาดความรู้ ก็หาความรู้เพิ่มเติม หรือหากขาดวินัยก็ปรับปรุงให้ดีขึ้น การมองเห็นปัญหาในแง่บวกจะช่วยให้เราพัฒนาทักษะและความสามารถ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น