ให้คิเแบบวัดด้วย “ROI” โตเร็ว
(สรุปวิธีทำ Marketing ROI)
.
สรุป The Future of Marketing ROI 2025
งานที่จะพาคุณไปเจาะลึก MarketingROI กับ คุณณกมล อัศวยนต์ชัย เจ้าของผลงานหนังสือขายดี Marketing Research 101 และ Guest Speaker ร่วมพูดคุยในหัวข้อ “Decision-Making in Incomplete Data Situations" กับ ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ : CEO & Co-Founder of AIMBITION CORP COMPANY LIMITED และคุณบังอร สุวรรณมงคล : MD and Founder,Hummingbirds Consulting
.
1. Return on Investment (ROI) คือเครื่องมือที่สำคัญในการประเมินผลลัพธ์ทางธุรกิจ
.
• ถ้าไม่สามารถวัดผลได้เราจะไม่สามารถพัฒนาได้ เช่น ยอดขายเท่าไหร่อยากโตขึ้นเท่าไหร่
(การวัดแต่ละบริบทแตกต่างกัน)
ตัวอย่างเช่น
• หากเป้าหมายคือ เพิ่มยอดขาย เราต้องมีตัวเลขอ้างอิงว่าปัจจุบันมียอดขายเท่าไร และต้องการเติบโตขึ้นเท่าไร
• ตัวชี้วัด (KPIs) อาจแตกต่างกันไปตามบริบท เช่น ในธุรกิจค้าปลีกอาจใช้ ยอดขาย เป็นตัวชี้วัดหลัก ในขณะที่ธุรกิจแพลตฟอร์มอาจเน้น จำนวนผู้ใช้งานที่กลับมาใช้ซ้ำ
.
2.ยุคใหม่ Marketing = lnvestment
.
ทุกแคมเปญการตลาดควรมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น Ai Big Data และ Machine Learning ทำให้เราสามารถ คาดการณ์ผลลัพธ์ของการลงทุนด้านการตลาดได้แม่นยำขึ้น
.
3.ต้นทุนการรักษาลูกค้าเก่าดีกว่าหาลูกค้าใหม่เสมอ
.
ลูกค้าที่ใช้บริการมายาวนาน มักมีแนวโน้มใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าใหม่ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นและความภักดีต่อแบรนด์
การรักษาลูกค้าเก่า ไม่ใช่แค่การให้ส่วนลด แต่รวมถึง การมอบประสบการณ์ที่ดี เช่น การบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ การให้สิทธิพิเศษ หรือการใช้ระบบ Membership ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
.
4.มีงบแล้วอยากโตมากกว่านี้ทำอย่างไรได้บ้าง?
.
-ต้องวัดว่าตลาดที่เราอยู่เติบโตขึ้นหรือลดลง
-ก่อนที่จะลงทุน บริษัทเราได้รับส่วนแบ่งกี่เปอร์เซ็นต์
-จะใช้กลยุทธ์ในการเติบโตอย่างไรให้เหมาะสมกับสเกล
.
5. ทุกสินค้ามี เกิด โต กำไร ตาย (+ยืด/ยื้อชีวิต)
.
ทุกผลิตภัณฑ์มีช่วงอายุขัยที่ประกอบไปด้วย 4 ระยะ
- Introduction (เกิด) → เปิดตัวสินค้า ต้องใช้การตลาดเพื่อสร้างการรับรู้
- Growth (โต) → ยอดขายเติบโต ต้องขยายตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- Maturity (กำไร) → ตลาดเริ่มอิ่มตัว ต้องรักษาส่วนแบ่งตลาดและเพิ่มมูลค่าให้สินค้า
- Decline (ตาย) → ยอดขายเริ่มลด ควรพิจารณา ปรับปรุงสินค้า หรือออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อยืดอายุของธุรกิจ
.
6. การพัฒนา Customer Experience หรือหัวใจของลูกค้าสำคัญที่ช่วยจะให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน หากเรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการเราก็สามารถลงทุนเพื่อพัฒนาในสิ่งนั้นได้
.
ตัวอย่างเช่น
•หากลูกค้าให้ความสำคัญกับการจัดส่งที่รวดเร็ว ควรลงทุนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
•หากลูกค้าต้องการบริการหลังการขายที่ดี ควรเสริมทีม Customer Support เพื่อตอบคำถามอย่างรวดเร็ว
.
สิ่งสำคัญคือการวัดผลก่อนการลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่า การลงทุนจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจจริง“แต่ละธุรกิจมีจุดที่ต้องโฟกัสให้ลูกค้าของตัวเองแตกต่างกัน”
.
7. ข้อมูลที่อยู่ในหัวลูกค้าเขามีความต้องการอะไร
.
ความต้องการลึกๆ ไม่มีในอินเตอร์เน็ต
เทคนิคการหา คือการถามเพื่อให้รู้ข้อมูลเชิงลึก
เขาจะมองว่าเราใส่ใจแต่ถ้าเขาไม่เต็มใจเขาปฎิเสธเราก็หาข้อมูลจากคนอื่น แต่ส่วนมากแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าเห็นว่าเราปรับจริงตามFeedback ของลูกค้าเขาจะยินดีให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา
.
8. ถ้าอยากเพิ่มยอดขายต้องเข้าใจ why ของลูกค้า
.
-ทำไมลูกค้าปัจจุบันถึงซื้อและทำไมเขาถึงไม่กลับทำไมลูกค้าปัจจุบันเขาตัดสินใจซื้อสินค้าบริการของเรา/สิ่งไหนที่ทำให้ลูกค้าไม่ซื้อเราซ้ำ
.
-ทำไมลูกค้าซื้อของคนอื่นแต่ไม่ซื้อของเรา
มีอุปสรรคหรือประสบการณ์ไม่ดีที่ทำให้เขาไม่อยากซื้ออีก
.
-ทำไมลูกค้าที่น่าจะเป็นของเราแต่ไม่เป็นของเรา
เราทำไม่ตรงจุดหรือสื่อสารไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย
.
**ข้อมูลเชิงปริมาณ ข้อมูลเชิงคุณภาพ มีสิ่งนี้คู่กันจะทำให้การวางแผนมีประสิทธิภาพ **
.
9. การลดราคา” อาจช่วยกระตุ้นยอดขายในระยะสั้น แต่ในระยะยาว มันอาจไม่ได้ลดแค่กำไร แต่ลดคุณค่าของสินค้าและแบรนด์ไปด้วย
.
เมื่อสินค้าถูกลดราคาอยู่บ่อยครั้ง ลูกค้าอาจมองว่าสินค้านั้นไม่มีมูลค่ามากพอที่จะขายในราคาปกติ ทำให้พวกเขาเริ่มเปรียบเทียบราคามากกว่าคุณภาพ และอาจรอให้มีโปรโมชันก่อนตัดสินใจซื้อ สิ่งนี้ส่งผลให้ลูกค้าไม่ภักดีต่อแบรนด์ เพราะพวกเขาซื้อเพียงเพราะ “ราคาถูก” ไม่ใช่เพราะ “สินค้าดี” ในที่สุด ธุรกิจอาจตกอยู่ในวังวนของการลดราคาเรื่อย ๆ เพื่อรักษายอดขาย แต่กลับทำให้มูลค่าแบรนด์ลดลงเรื่อย ๆ แทนที่จะลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ลองเพิ่มมูลค่าให้สินค้าผ่านการบริการที่ดีขึ้น ของแถมหรือแพ็กเกจที่คุ้มค่า รวมถึงสร้างจุดขายที่แข็งแกร่งเพื่อให้ลูกค้าเลือกแบรนด์ของเราเพราะ “คุณภาพ” ไม่ใช่เพราะ “ราคาถูก” การใช้โปรโมชันควรมีจังหวะที่เหมาะสม และไม่ควรให้ลูกค้าคาดหวังว่าจะมีการลดราคาตลอดเวลา
.
10. ธุรกิจใหม่ที่พึ่งเริ่มต้น ทำยังไงให้สู้คู่แข่งได้
.
เลือกลูกค้าที่โฟกัสคุณภาพมีกำลังซื้อสูงลูกค้าที่เขาชอบแล้วบอกต่อจะเพิ่มการรับรู้แบรนด์ได้ไว
เช่น ร้านกระเป๋าเราตั้งสโลแกนเลยว่าเราขายของแท้ถ้าเจอของปลอมยินดีคืนเงิน 5 เท่าสิ่งนี้จะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจและกล้าเข้ามาจากนั้นเราต้องดูแลลูกค้าให้ดีและประทับใจร้านของเรา
.
ลูกค้าที่มีคุณภาพของเราคือลูกค้าแบบไหน
1.ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ
2.ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสามารถจ่ายเงินให้กระเป๋าที่มีคุณภาพดี
3.ลูกค้าที่แนะนำร้านให้คนอื่น
.
11. Marketing ROI ทำอย่างไร?
ใช้ Data และ ให้ เกิดผลลัพธ์สูงสุด
.
เริ่มจาก 4 ระยะ
.
ระยะ 1 : Insight Discovery + Winning Strategy
ระยะ 2 : Implementation
ระยะ 3 : Evaluation (ROI measurement)
ระยะ 4 : Improve Customer Experience
.
ข้อมูลคือแผนที่ ข้อมูลเชิงลึกคือเข็มทิศ
ROI คือจุดหมายปลายทาง
พอรู้เป้าหมายแล้วเราจะไปถึงผลลัพธ์ที่เราอยากได้เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับเป้าหมายนั้นๆ
**ROI คือการทำงานที่เป็นกลยุทธ์ที่ต้องวางแผนและตั้งเป้าหมายแล้วเราจะมองภาพธุรกิจของเราออก**
.
12. นิยามความสำเร็จในปี 2025 ดูตัวชี้วัดไหนดี
.
ตัววัดที่ 1ต้องเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
ธุรกิจที่เข้าใจลูกค้าได้ดีที่สุดจะได้เปรียบในการแข่งขัน
.
ตัววัดที่ 2 “Employee Lifetime Value”
ถ้าบริษัทลงทุนกับพนักงานอย่างถูกต้อง พวกเขาจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับองค์กร
.
ตัววัดที่ 3 Firm Lifetime Value
องค์กรให้โอกาสในการเติบโตในระยะยาว
ถ้าบริษัทมีเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนพนักงานจะเห็นว่างานมีคุณค่าและจะทุ่มเทมากขึ้น
Win ทั้ง 3 ลูกค้า พนักงาน ตัวเจ้าของธุรกิจ
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
.
#Business #Marketing #ROI
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น