5 เทคนิคใช้ Gemini
ที่ให้ธุรกิจคุณเติบโต 10X
คนทำธุรกิจ "ต้องรู้" ชีวิตดีขึ้น 300%
(เซฟเก็บไว้)
ตอนนี้ทุกคนใช้ Gemini เริ่มเยอะขึ้นแล้ว
โดยเฉพาะหลากหลายธุรกิจนำไปปรับใช้กัน
แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
.
โดยเฉพาะยิ่งเอา AI มาใช้ทำคอนเทนต์
ยิ่งทำยิ่งแย่ลงไปอีก เพราะ…
.
ความจริงคือ การ "ขอให้ AI เขียนให้" แบบง่ายๆ
ไม่พอหรอกครับ ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้...
.
คู่แข่งของคุณ "ใช้ AI เหมือนกัน“
และยิ่งเวลาผ่านไป คำสั่งแบบเดิมๆก็จะ "ใช้ไม่ได้ผล"
.
เพราะสุดท้าย AI มันก็ "ตอบคล้ายๆกัน" ให้ทุกคน
แล้วธุรกิจของคุณจะเด่นได้ยังไง?
.
ผมเลยสรุปรวม "5 เทคนิคใช้ Gemini"
ที่จะทำให้คอนเทนต์คุณ "แตกต่าง" ได้แบบง่ายๆ
มีจุดจดจำแบรนด์ได้
.
ทั้งที่ใช้เครื่องมือเดียวกัน
.
ลุยกันเลยครับ 🔥
.
1.อย่าใช้ Gemini แค่ "จงเขียน..."
แล้วหวังผลงานจะดี
.
ความผิดพลาดที่ใหญ่สุดคือคนส่วนใหญ่พิมพ์แค่...
.
"ช่วยเขียนคอนเทนต์ขายครีมให้หน่อย"
.
แล้วก็ได้คำตอบกลับมาเหมือนๆกับคู่แข่งทุกราย
.
เคล็ดลับคือ ต้องบอก Gemini ให้ "เลียนแบบสไตล์"
ที่ประสบความสำเร็จ บอก "กลุ่มเป้าหมาย" ให้ชัด
.
แค่เปลี่ยนจาก "เขียนคอนเทนต์ให้หน่อย" เป็น
.
"เขียนคอนเทนต์สำหรับผู้หญิงวัย 30+ ที่กังวลเรื่องริ้วรอย
สไตล์การเขียนแบบเพื่อนสาวที่เข้าใจปัญหาผิว"
.
ผลลัพธ์จะเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นคอนเทนต์ที่
.
"โดนใจลูกค้า" มากกว่าคู่แข่งหลายเท่า
.
2.ใช้ "Chain Prompting" สร้างคอนเทนต์ที่จ๊าบ
.
แทนที่จะถามครั้งเดียวแล้วคิดว่าเสร็จ
ให้ใช้การถามต่อเนื่องเป็น "ชุดคำถาม"
ที่เพิ่มคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ
.
เช่น ขั้นที่ 1 "ช่วยวิเคราะห์ปัญหาผิวที่ผู้หญิงวัย 30+ กังวลมากที่สุด"
.
ขั้นที่ 2 "จากปัญหาเหล่านี้ ช่วยเขียนประโยคเปิดที่สะกิดใจ 5 แบบ"
.
ขั้นที่ 3 "เลือกประโยคที่ 3 แล้วต่อยอดเป็นคอนเทนต์เต็มรูปแบบ"
.
ขั้นที่ 4 "ปรับคอนเทนต์นี้ให้มีคำพูดที่กระตุ้นให้แชร์และคอมเมนต์"
.
สังเกตมั้ยครับว่าวิธีนี้ทำให้คุณได้คอนเทนต์ที่
"ตรงใจ" และ "เหนือชั้น" กว่าแค่ถามครั้งเดียว
.
3.สร้าง "Persona เฉพาะ"
ให้ AI พูดแทนแบรนด์เรา
.
นี่คือความลับที่ทำให้คอนเทนต์คุณ
"แตกต่าง" จากคู่แข่ง
.
แทนที่จะให้ Gemini พูดในแบบทั่วไป
ให้สร้าง "ตัวตนเฉพาะ" ที่พูดแทนแบรนด์คุณ
.
"ฉันต้องการให้คุณตอบคำถามในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณที่มีประสบการณ์ 20 ปี มีสไตล์การพูดที่เป็นกันเอง ใช้ศัพท์เฉพาะด้านความงามแต่อธิบายให้เข้าใจง่าย และชอบเล่าประสบการณ์จริงประกอบ"
.
แค่นี้ AI จะช่วยสร้าง "เสียงของแบรนด์" ที่คงที่
พร้อมสร้างความแตกต่างจากคอนเทนต์ทั่วไป
.
4.ใช้ "ข้อมูลเฉพาะตัว" ที่คู่แข่งไม่มี
.
ถ้าใช้แค่ความรู้ทั่วไป AI จะให้คำตอบที่
"เหมือนกัน" กับทุกคน
.
เคล็ดลับคือ ให้ป้อนข้อมูลเฉพาะของคุณเข้าไป เช่น
- ผลสำรวจลูกค้าของคุณ
- กรณีศึกษาจริงจากลูกค้า
- ข้อความรีวิวจากลูกค้าจริง
.
บอก AI ว่า
"ใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการสร้างคอนเทนต์"
.
ทันทีที่คุณใส่ข้อมูลเฉพาะ คอนเทนต์ที่ได้จะมี
"ความเฉพาะตัว" ที่คู่แข่งลอกเลียนไม่ได้
.
ยิ่งถ้าคุณใช้ฟังก์ชั่น Gem เป็น
ยิ่งทำให้ Gemini เก่งมากขึ้น
จำข้อมูลคุณได้ตลอด
.
5.ถาม Gemini แบบ "นักการตลาดมืออาชีพ"
ไม่ใช่แค่ "คนอยากได้เนื้อหา"
.
สิ่งที่แยกคนใช้ AI เก่งกับมือใหม่ คือ "คุณภาพคำถาม"
.
ลองถามแบบนี้
.
"ช่วยเขียนคอนเทนต์ที่ใช้หลักจิตวิทยา FOMO (กลัวพลาด)
เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ในช่วงเซลล์ 5.5
โดยใช้กรณีศึกษาจริงที่ให้ไว้ และเน้นการเร่งตัดสินใจ
แต่ต้องไม่ดูเป็นการขายแรงเกินไป"
.
เห็นความแตกต่างมั้ยครับ?
.
คำถามพวกนี้แสดงว่าคุณ "รู้ว่าต้องการอะไร"
Gemini จะทำงานได้ดีขึ้นหลายเท่า
.
ใช้ Gemini ให้เหนือชั้น ต้องเปลี่ยนจาก
.
"ขอให้เขียนให้" เป็น
"เป็นผู้กำกับให้ AI ทำงานตามแผน"
.
เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้ Gemini ได้
"เหนือกว่าคู่แข่ง"
.
ทั้งที่ใช้เครื่องมือเดียวกัน
.
จำไว้เลยว่า "AI เดียวกัน แต่คำถามต่างกัน"
ผลลัพธ์จะต่างกันราวฟ้ากับเหว
.
เพราะสุดท้าย... คนที่เข้าใจลูกค้าดีกว่า
จะใช้ AI ได้ดีกว่าเสมอ
.
คุณจะไม่ได้แข่งกันที่ "ใครมี AI ดีกว่า"
แต่แข่งที่ "ใครเข้าใจลูกค้าดีกว่า"
.
ขอบคุณครับ 🙏🏻
#หัวหน้าแบงค์fullfunnel
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น