ช่องทาง / แพลตฟอร์มที่ลงขาย “ฟรี / ไม่มีค่าโฆษณาเริ่มต้น”

แพลตฟอร์ม / ช่องทาง วิธีใช้งานเบื้องต้น ข้อดีหลัก ข้อจำกัด / ความเสี่ยง /ข้อเสียที่ควรรู้

TIKTok Shop ข้อดี ขายง่าย ยิงแอดได้  คนไปอยู่ในนั้นเยอะ ข้อเสีย กฎเยอั ตัดราคาฉ่ำ ค่าธรรมเนียมขึ้นเอาๆ ทุกปี บีบผู้ขายระบม รับได้กำไรเยอะ รวยไว ทุนน้อย กำไรน้อย จมทุน

Shopee สมัครเป็นผู้ขายผ่าน Shopee Seller Center (ฟรี) ฐานลูกค้าใหญ่ในไทย → โอกาสถูกค้นเจอสูง, มีแคมเปญ / โปรโมชั่นช่วยดัน, ระบบจัดการออร์เดอร์ /ชำระเงินครบ แข่งขันสูง — ถ้าไม่โปรโมตสินค้า อาจถูกกลบ /ไม่โดดเด่น, มีค่าคอมมิชชั่นเมื่อขายได้, ถ้าร่วม Shopee Mall อาจมีเงื่อนไขเข้มข้น

Lazada สมัครเป็นร้านค้า (ไม่มีค่าเปิดร้าน) แบรนด์ /ความน่าเชื่อถือสูง, ผู้ซื้อไว้วางใจ, มีระบบขนส่ง +ระบบชำระเงินให้ ค่าใช้จ่ายแอบแฝง เช่น ค่าคอมมิชชั่น, เงื่อนไขสินค้าเข้าแคมเปญ “LazMall” อาจเข้มข้น, คู่แข่งเยอะ

LINE MyShop / LINE OA + MyShop ถ้ามีบัญชี LINE Official Account สามารถเปิด MyShop ได้ฟรี ใช้งานง่าย — ลูกค้าคุ้นกับ LINE ดี, ส่งข้อความแจ้งออเดอร์ / สถานะผ่าน LINE ได้, ไม่ต้องเสียค่า “เปิดร้าน” การโปรโมตให้คนเห็นสินค้าอาจต้องทำเองเยอะ (โพสต์, แชร์), ลูกค้าต้องรู้จักมาที่ร้าน, ไม่มีระบบแคมเปญใหญ่ติดตัวมากเท่ากับ marketplace ใหญ่

Facebook Marketplace / Facebook (โพสต์ขายทั่วไป / กลุ่มซื้อ-ขาย) ใช้บัญชี Facebook ของคุณโพสต์สินค้าใน Marketplace หรือโพสต์ในกลุ่ม ง่ายที่สุด เริ่มได้ทันที, ไม่มีค่าใช้จ่าย, เข้าถึงผู้ใช้ Facebook จำนวนมหาศาล ไม่ใช่ “ร้านค้า” เป็นระบบตลาดเปิด — ลูกค้าอาจมีความกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือ, ไม่มีระบบจัดการหลังบ้านเต็มรูปแบบ (สต็อก, เชื่อมจ่ายเงินอัตโนมัติ)

LnwShop (Lnw shop) สมัครเปิดร้านฟรี (มีฟีเจอร์ฟรี) เป็นระบบเว็บขายของสำเร็จรูปในไทย ใช้งานภาษาไทย, เชื่อมต่อกับ Marketplace อื่น ๆ ได้ ถ้าต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง /โดเมน /สเกลใหญ่ อาจต้องเสียค่าอัปเกรด

Tarad com สมัครร้านค้าออนไลน์บน Tarad (มีตัวเลือก “ฟรีร้านค้า”) เป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงในไทยมานาน ความนิยมอาจลดลงเทียบกับ Shopee / Lazada, ต้องแข่งขันกับร้านเก่า ๆ ที่มีชื่อเสียง

WeLoveShopping เปิดร้านค้าโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเปิดร้าน เคยเป็นตัวเลือกของคนไทยหลายร้าน อาจมีการหักค่าคอมมิชชั่น /มีเงื่อนไขการเข้าร่วมแคมเปญ

TakraOnline มีบริการ “เปิดร้านค้าออนไลน์ฟรี” เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากมีหน้าร้านออนไลน์ ฟีเจอร์อาจไม่ครบเท่ายักษ์ใหญ่, การโปรโมตยังคงสำคัญ

เว็บไซต์ฟรี / ระบบเว็บสำเร็จรูป (MakeWebEasy, WordPress + WooCommerce เวอร์ชันพื้นฐาน, etc.) ใช้แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือเว็บฟรี (หรือเวอร์ชันฟรี) คุณควบคุมแบรนด์ /หน้าร้านได้เต็มที่, ไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มกลางมาก คุณต้องทำ SEO / โปรโมตเองให้คนเข้ามา, ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์ /โฮสต์ /ระบบชำระเงินเอง, มีต้นทุนแอบแฝงถ้าอยาก “ขยาย”

Kaidee ลงประกาศขายสินค้าบน Kaidee ฟรี (โดยเฉพาะของมือสอง) ผู้คนนิยมใช้ Kaidee สำหรับสินค้ามือสอง /สินค้าที่ต้องการเจรจา ถ้าสินค้าใหม่ /ไม่มีความแตกต่าง อาจถูกมองข้าม, ไม่มีระบบ e-commerce เต็มรูปแบบ

เปรียบเทียบ: ข้อดีเชิงกลยุทธ์ vs ข้อเสียเชิงโจทย์

เพื่อช่วยให้คุณประเมินว่าแพลตฟอร์มใด “คุ้มค่าเวลา +แรง” สำหรับคุณ ผมสรุปเป็นมุมมองเชิงกลยุทธ์ให้:

มุมมอง สิ่งที่ควรดู /เลือก ตัวอย่าง

การเข้าถึงลูกค้า (Traffic ที่มีอยู่แล้ว) เลือกแพลตฟอร์มที่คนใช้มาก (เช่น Shopee, Lazada) เพื่อให้สินค้าโดนค้นเจอโดยไม่ต้องโฆษณา แต่มีการแข่งขันสูง

ความน่าเชื่อถือ / ภาพลักษณ์ ถ้าแบรนด์คุณใหม่ — อยู่ใน marketplace ที่ลูกค้าไว้วางใจอาจช่วยให้ขายได้เร็วขึ้น แต่เมื่อโตแล้วอาจอยากแยกร้านออกมาเป็นของตัวเอง

ต้นทุนแอบแฝง แม้เปิดร้านฟรี — ตรวจสอบ “ค่าคอมมิชชั่น”, “ค่าบริการเสริม”, “ค่าธรรมเนียมเข้าร่วมแคมเปญ” บางแพลตฟอร์มให้ร้าน “ไม่เสียค่าเปิดร้าน” แต่ถ้าคุณอยากอยู่ในหน้าแคมเปญ /โปรเจ็กต์เด่น อาจต้องเสียเงื่อนไข

การควบคุมร้าน /แบรนด์ ยิ่งคุณใช้ระบบของตัวเองหรือระบบที่เป็น multi-channel ที่ควบคุมได้ดี — คุณจะยืดหยุ่นมากขึ้น แต่คุณต้องแบกรับภาระ “ทำให้คนเข้ามา” เอง

ความง่าย /เวลาในการจัดการ สำหรับมือใหม่ — เลือกแพลตฟอร์มที่ UI /ระบบหลังบ้านใช้งานง่าย มีคู่มือ /ชุมชนช่วย แพลตฟอร์มใหญ่ ๆ มักมีเครื่องมือช่วย, แต่เงื่อนไขก็มากขึ้น

การแข่งขัน /ความอิ่มตัว ถ้าหมวดสินค้านี้คนเยอะ — คุณอาจถูกกลบถ้าไม่มีจุดเด่น บางหมวดสินค้าราคาต่ำอาจยากแข่งขันโดยไม่ใช้โฆษณา

คำแนะนำสำหรับมือใหม่: ขั้นตอนที่แนะนำให้ลองทำ

1. เริ่ม 2–3 ช่องทางก่อน

อย่ากระจายแรงเกินไป — เลือก 1 marketplace ใหญ่ (เช่น Shopee) + 1 โซเชียล (Facebook / LINE) แล้วโฟกัสทำให้ดี → ถ้าเริ่มมีประสบการณ์แล้วค่อยขยาย

2. ทำ SEO ภายในแพลตฟอร์ม

ใช้ชื่อสินค้า, คำค้น (keywords) ให้ตรงกับที่คนค้น — แม้ไม่ได้เสียเงินโฆษณา แต่อัลกอริทึมภายในแพลตฟอร์มนั้นสำคัญ

3. สร้างความน่าเชื่อถือ

รีวิวดี, รูปสินค้า /รายละเอียดครบ, ตอบแชทเร็ว — สิ่งเหล่านี้ช่วยลูกค้าตัดสินใจโดยไม่ต้องโฆษณา

4. ใช้ “เครื่องมือฟรี” ที่แพลตฟอร์มให้มา

เช่น แคมเปญฟรี (ของ Shopee / Lazada อาจมียูนิตที่ร้านใหม่ร่วมได้), โพสต์ไลฟ์ (Live) ฟรี, ใช้ฟีเจอร์ “ติดป้ายร้านค้าใหม่” ถ้ามี

5. วิเคราะห์ผล – ปรับ – ขยาย

ดูสินค้าที่ขายดี /ที่ไม่ดี, ช่องทางที่ให้ผลดีที่สุด → เน้นช่องทางที่ให้ผลดี แล้วขยายเป็นหลัก

ที่มา​ ณัฐวุฒิ​