วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เริ่มแล้วโครงการ AI for Teachers ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

เริ่มแล้ว
โครงการ AI for Teachers ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
โดยสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา
📚 เปิดฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะ AI ออนไลน์ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
🗓️ สมัครได้ตั้งแต่: 1–20 พ.ย. 2568
🎥 เริ่มเรียนรุ่นที่ 1 :  27–29 พ.ย. 2568
📍 สมัครได้ที่: https://learn.novituz.com เลือกหน้า "อาชีวศึกษา"
✨ สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้
✅ 3 โมดูลหลัก: B, A, P (รวม 6 หัวข้อย่อย)
✅ Workshop Clip Media สำหรับการใช้ AI ตัดต่อ
✅ สอบผ่านรับเกียรติบัตรรายโมดูล ผ่านครบ 3 โมดูลรับวุฒิบัตรโครงการ
✅ เหมาะสำหรับครูอาชีวศึกษา ทุกสังกัด ทุกหน่วยงาน ทุกสาขาวิชา
🏆 สอบผ่านครบ 3 โมดูล+เข้าเรียน Clip media 2 วัน → มีสิทธิ์เข้าร่วมประกวดผลงาน!
โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook Page โครงการ
https://www.facebook.com/AIforTeachersTH
#AIforTeachers #MicrosoftAISkill #ครูไทยก้าวทันAI #Ovec #Bpcd

สรุป!✅️📌7วิธียิงADS FB โปรโมทลิ้ง AFF กินค่าคอมเดือนละ 5-6หลัก อย่างละเอียด Step by Step มือใหม่อ่านเข้าใจง่ายเอาๆไปต่อยอดได้จริง อ่านตัวเต็ม เซฟเก็บไว้เลย...👇👇

STEP 1: เลือกสินค้า/ข้อเสนอ (Offer)
เลือกสินค้าที่ ราคาไม่สูงเกิน และ ตัดสินใจเร็ว (เช่น 199–999 บาท หรือดีล Flash Sale)
มี Commission ชัด + หน้าสินค้าเชื่อถือได้ (รีวิว/คะแนน/รูปชัด)
มี Search Demand/เทรนด์ (ดูใน Shopee/Lazada Top Sellers / TikTok Trends)
ทำลิสต์ 5 ตัวแรก -> ตั้งสมมติฐาน “ใครจะซื้อ + ซื้อเพราะอะไร” (Pain/Benefit/Proof/Offer)
STEP 2: ติดตามผลแบบไม่ง้อ Pixel
2.1 UTM ที่ต้องใส่ทุกลิงก์ (จะแท็กหรือไม่แท็กก็ได้)
?utm_source=facebook&utm_medium=cpc&utm_campaign=ชื่อแคมเปญ&utm_content=ครีเอทีฟ_A1
ตั้งชื่อให้อ่านง่าย เช่น aff_shopee_skincare_q4_a1_img1

2.2 ตารางสรุป (ทำใน Google Sheet)
คอลัมน์แนะนำ:
วันที่ | แคมเปญ | ชุดโฆษณา | ครีเอทีฟ | งบ | Reach | Clicks | CTR% | CPC | Estimate Orders* | Commission* | หมายเหตุ
* ดึงจากหลังบ้าน Affiliate หรือใช้ “คลิกวันนี้ → ยอดถัด 24–72 ชม.” เพื่อประเมิน CVR ช่วงแรก

2.3 ทางเลือกเสริม (ถ้ามี)
GA4 บนเพจกลาง (ถ้ามีเพจบทความ/รีวิวของเราเอง) เพื่อเห็น LPV/Scroll/Outbound Click
Short Link (เช่น bit ly) เพื่อดูคลิกซ้ำและแบ่งแคมเปญง่าย
ไม่มีเพจตัวเองก็ทำได้ แต่มีเพจ/บทความกลางจะวัดผลและให้คะแนนครีเอทีฟได้แม่นกว่า

STEP 3: เตรียมเพจ/ครีเอทีฟให้ผ่านง่าย
เพจ: ชื่อ-โปรไฟล์-คัฟเวอร์ สื่อสารหมวดสินค้า ชัดเจน (เช่น “รีวิวของดีมีโปร”)
หลีกเลี่ยงคำต้องห้าม: อวดอ้างเกินจริง, เปรียบเทียบร่างกาย, ก่อน/หลัง, การแพทย์แรง ๆ
โพสต์ออร์แกนิก 3–5 โพสต์แรก (รีวิวสั้น/รูปก่อน) ให้เพจดูมีตัวตน

ทริคคอนเทนต์ (สั้น กระแทก)
ฮุค 1 บรรทัด: “โฟมล้างหน้าตัวนี้ ลดสิวอุดตันใน 7 วัน*”
บูลเล็ตคุณประโยชน์ 3 ข้อ
Proof: รีวิว/เรตติ้ง/ยอดขาย
ข้อเสนอ: โปร/คูปอง/ส่งฟรี
CTA: “กดรับโปรที่นี่” + ลิงก์ AFF (สั้น/อ่านง่าย + UTM)
ตัวอย่าง Copy ไทยพร้อมใช้ (แก้ตามสินค้าจริง)
“⏰ โปรนี้ของหมดไวมาก ใครเป็นสิวผด-มันง่าย ลองตัวนี้… รีวิว 4.9/5 จาก 12K+ คน กดรับคูปองเพิ่มอีก! 👉 [ลิงก์AFF]”
ครีเอทีฟ:
ภาพสินค้า + “เหตุผล 3 ข้อ” + ป้ายราคา/ส่วนลดชัด
วิดีโอสั้น 15–30 วิ: Hook 3 วิแรกโชว์ปัญหา → วิธีแก้ → ข้อเสนอ → CTA

STEP 4: โครงสร้างแคมเปญ “ไม่มี Pixel ก็รันได้”
วัตถุประสงค์ที่แนะนำ: Traffic (Link Clicks) หรือ Engagement (Post Engagement/Video Views)
Landing Page Views ต้องอาศัยสัญญาณเพิ่มจากฝั่งปลายทาง จึงไม่แนะนำช่วงแรกถ้าไม่มีเพจกลาง

4.1 โครงสร้างเริ่มต้น (วัน 1–3)
Campaign A: Traffic (Link Clicks)
Budget: 300–500 บาท/วัน
Ad Set 1 = Interest กว้าง (เช่น หมวดสินค้าที่เกี่ยวข้อง 3–5 กลุ่ม)
Ad Set 2 = Broad (ไม่มี Interest)
Placement = Advantage+ (อัตโนมัติ)
Optimization = Link Clicks
3–5 โฆษณาต่อ Ad Set (ครีเอทีฟ/คัดลอกต่างกัน)
Campaign B: Video Views (ThruPlay) เพื่อสะสมกลุ่มคนดูวิดีโอ (ไว้ทำรีมาร์เก็ต)
Budget: 200–300 บาท/วัน
1–2 วิดีโอ (15–30 วิ)
หลัง 2–3 วัน สร้าง Engagement Audience: คนดู >=25% / 50%

4.2 กฎตัดสินใจเร็ว (ภายใน 24–48 ชม.)
CTR (Link) ≥ 1.5% = มีแวว
CPC (Link) ≤ 3–6 บาท (ขึ้นกับหมวด) = ผ่าน
ถ้า 500 บาทแรก CTR <1% และ CPC >8–10 บาท → ปรับครีเอทีฟ/ฮุคใหม่ก่อน เพิ่มงบ

STEP 5: Creative Testing 
ทำ Ad Lab แบบนี้:
ใช้ข้อความเดียวกัน เปลี่ยน ภาพ/วิดีโอ 3–5 แบบ เพื่อหาภาพที่ “หยุดนิ้ว”
ใช้ภาพเดียวกัน เปลี่ยน ฮุค 3 แบบ เพื่อหาข้อความที่ “ทำให้คลิก”
เก็บสถิติ 48 ชม. แล้ว “คัด 1–2 ตัวชนะ” ย้ายไปชุดใหม่ + เพิ่มงบทีละ 20–30%
เกณฑ์ “ตัวชนะ”: CTR สูงสุด, CPC ต่ำสุด, และ หลังบ้าน Affiliate มีคำสั่งซื้อเกิดจริง ภายใน 24–72 ชม.

STEP 6: วัดผล/สเกลงบ “แบบไม่มี Pixel”
6.1 ตัวเลขที่ต้องดูทุกวัน
จาก Ads Manager: Reach, Clicks, CTR, CPC, Frequency
จากหลังบ้าน Affiliate: จำนวนคำสั่งซื้อ, GMV, Commission, CR (Orders/Clicks)
กะค่า CPA แบบคร่าว ๆ = งบ / จำนวนคำสั่งซื้อที่เกิดวันนั้น–ถัดไป
ตั้ง Benchmark เอง ต่อหมวดสินค้า (เช่น ต้องการ CPA ≤ 60 บาท/ออเดอร์)

6.2 วิธีสเกล
แคมเปญที่ชนะ: เพิ่มงบทีละ 20–30% ทุก 24 ชม.
ทำ Lookalike แบบไม่ใช้ Pixel? (เราไม่มีอีเวนต์) → ใช้ Engagement Lookalike ได้
Source = คนที่มีส่วนร่วมเพจ, คนดูวิดีโอ ≥50% ใน 14–30 วัน
แตกกลุ่มเป้าหมายตาม อุปกรณ์/เพศ/อายุ ถ้าค่าคลิกต่างกันชัด

6.3 กระจายความเสี่ยง
ทำ หลายข้อเสนอ (อย่างน้อย 3 หมวด), หลายแพลตฟอร์ม (Shopee + Lazada)
เก็บครีเอทีฟชนะไว้ รีรันตอนโปร/เทศกาล

STEP 7: รีมาร์เก็ต “แบบไม่ต้องพึ่ง Pixel”
ใช้กลุ่มที่ FB มีให้โดยไม่ต้องติดตั้งอะไร:
Video View Audience: คนดูวิดีโอ ≥25%/50% ใน 7–30 วัน
Page Engagement Audience: คนที่กดไลก์/คอมเมนต์/แชร์/คลิกเพจ
ครีเอทีฟสำหรับรีมาร์เก็ต:
“ยังลังเลอยู่? นี่คือ 3 เหตุผลที่คนสั่งซ้ำ” + โปรเฉพาะทาง
ใส่ Deadline/จำนวนคูปอง ควบคุมความเร่งด่วน

แผน 14 วัน (มือใหม่ทำตามได้เลย)
วันที่ 1–2: เลือก 5 สินค้า → เขียนฮุค/บูลเล็ต → ทำภาพ/วิดีโอ 5–8 ชิ้น
วันที่ 3: ตั้ง UTM/Sheet → เปิด Campaign A (Traffic) + B (Video Views)
วันที่ 4–5: เก็บสถิติ → คัดครีเอทีฟชนะ 2–3 ตัว (CTR≥1.5%, CPC≤6)
วันที่ 6–7: ปรับข้อความ/ภาพแพ้ → เปิด Ad Set Broad เพิ่ม → เริ่มสร้างกลุ่มดูวิดีโอ
วันที่ 8–10: เริ่มรีมาร์เก็ตจาก Video View/Engagement → ทดสอบข้อเสนอที่ 2–3
วันที่ 11–14: สเกลงบ 20–30%/วันในชุดชนะ + แตกกลุ่มอายุ/อุปกรณ์

เกณฑ์ตัด-เพิ่ม (Cheat Sheet)
ตัด: 300–500 บาทแรก CTR<1% หรือ CPC>10 บาท → ปรับครีเอทีฟ/ฮุค
เก็บต่อ: CTR 1–1.5% แต่มีออเดอร์จริง → เพิ่มงบเล็กน้อย + ทำรีมาร์เก็ต
เร่ง: CTR>2%, CPC<3–4 บาท และมีออเดอร์ตามหลัง → เพิ่มงบ 30% / ขยาย Broad

โครงสร้างการตั้งชื่อ (ช่วยอ่านรีพอร์ตง่าย)
Campaign: AFF_[หมวด]_[ร้าน/แบรนด์]_[เดือน]
Ad Set: BROAD / INT_[interest1+2] / VV_REMARKET_30D
Ad: A1_img_cleanprice / A2_vid_testi / A3_img_top3reasons
ตัวอย่างคอนเทนต์ (หยิบไปใช้ได้ทันที)

ภาพนิ่ง:
หัวภาพ: “3 เหตุผลที่คนเลือก [สินค้า]”
บูลเล็ต: (1) แก้ [ปัญหา] เร็ว (2) รีวิว 4.9/5 (3) โปรคูปองเพิ่มวันนี้
ป้ายราคา/ส่วนลดชัด + CTA “กดรับโปร”

สคริปต์วิดีโอ 20 วิ:
0–3 วิ: ปัญหา (ชัด/ใกล้ตัว)
3–10 วิ: วิธีแก้ + Shot ใช้งาน
10–15 วิ: Proof (เรตติ้ง/ยอดขาย/รีวิว 1 บรรทัด)
15–20 วิ: ข้อเสนอ + CTA + ข้อความเร่งด่วน

ข้อความโฆษณา:
เวอร์ชันสั้น:
“ผิวมัน-สิวผด แพ้ง่าย? ตัวนี้ช่วยได้ ✔️ รีวิว 4.9/5 จาก 12K+ คน
วันนี้รับคูปองเพิ่ม ส่งฟรี เฉพาะลิงก์นี้ 👉 [ลิงก์AFF+UTM]”
เวอร์ชันยาว (มี Story สั้น ๆ)
“ก่อนหน้านี้หน้าแพ้ง่าย สิวขึ้นเวลาใส่แมสก์ จนได้ลอง… จุดที่ชอบคือ…
ตอนนี้มีโปรลด + คูปองเพิ่มอีกนิดหนึ่ง กดรับที่นี่ 👉 [ลิงก์AFF+UTM]”

ความปลอดภัย/นโยบาย (สำคัญมาก)
หลีกเลี่ยงคำอวดอ้างเกินจริง, ก่อน-หลัง, แตะต้องคุณลักษณะส่วนบุคคล

ใช้ภาพ/เพลงที่มีสิทธิ์
มี Disclaimer เล็ก ๆ ถ้าพูดถึงผลลัพธ์ (“ผลลัพธ์แตกต่างกันในแต่ละบุคคล”)
ถ้าชิ้นไหนโดนปัดตก ให้ปรับถ้อยคำ/ภาพ ไม่ใช้คำแรง/เชิงการแพทย์
เป้าหมายรายได้ 5–6 หลัก/เดือน (กรอบคิดง่าย ๆ)
สมมติ Commission เฉลี่ย 20 บาท/ออเดอร์
ต้องการ 150,000 บาท/เดือน → 7,500 ออเดอร์/เดือน ≈ 250 ออเดอร์/วัน
ถ้า CR เฉลี่ย 3% → ต้องการคลิก ≈ 8,400 คลิก/วัน
ถ้า CPC เฉลี่ย 2.5 บาท → งบ ≈ 21,000 บาท/วัน
เริ่มจากเป้าหมายย่อย เช่น 15,000–30,000/เดือน → สเกลขึ้นเมื่อเจอ “ชุดชนะ” จริง


ที่มา​ ณัฐวุฒิ​ 

18 ธุรกิจ​แรงในจีน​ น่าทำในไทย

1. AI Creator Economy
“จีนใช้ AI สร้างคอนเทนต์แทนแรง — ทำคลิปได้ 100 ชิ้นในวันเดียว!”
→ คนธรรมดาเริ่มใช้ AI ทำคลิป, เขียนบท, ตัดต่อ, ทำเสียงขายสินค้าแทนตัวเอง
 2. Virtual Live & AI Influencer
“ยุคนี้ไม่ต้องออกกล้อง — แต่ขายดีเหมือนมี 100 ตัวตน”
→ เทรนด์ Virtual Host, Avatar Live ที่จีนเริ่มใช้ในทุกหมวดสินค้า

3. Community Commerce (พลังกลุ่มเล็ก)
“สังคมเล็ก รายได้ใหญ่ — แค่รวมกลุ่มคนชอบเหมือนกัน”
→ คนจีนสร้างกลุ่มสอนเต้น / กลุ่มสุขภาพ / กลุ่มแม่ค้า ทำรายได้จากสมาชิก

 4. Offline x Online Hybrid Shop
“ร้านเล็กที่จีนใช้มือถือเครื่องเดียวควบทั้งหน้าร้าน–หลังบ้าน”
→ เทรนด์ร้านกาแฟ / ร้านอาหาร / Beauty Bar ใช้ระบบ Live–QR–สแกน–จ่าย

5. KOC Economy (Key Opinion Consumer)
“ไม่ต้องดัง แค่ใช้จริง รีวิวจริง — ก็มีรายได้เดือนละแสน”
→ คนจีนสร้างรายได้จากการรีวิวในกลุ่มเล็ก (เฉพาะเจาะจง เช่นแม่บ้าน–สัตว์เลี้ยง)

 6. Smart Café / Robot Café
“ร้านกาแฟในจีนไม่มีบาริสต้า…แต่ขายวันละพันแก้ว”
→ เทรนด์หุ่นยนต์ชงกาแฟ, ระบบสั่งอัตโนมัติ, คอนเซ็ปต์ Café + Experience

7. Wellness Tech / AI Health Coach
“AI สแกนสุขภาพ → แนะนำอาหารและออกกำลังกายเฉพาะตัว”
→ จากจีนเริ่มแพร่ในไทย เช่น AI Scan ผิว, AI Diet, สปาอัจฉริยะ

 8. AI Tutor / AI School
“ครูในจีนเริ่มมีร่าง 2 — สอนสด + สอนผ่าน AI”
→ ใช้ AI แปลภาษา สรุปบทเรียน สอนสดพร้อม avatar

9. Second-Hand Luxury Marketplace
“คนจีนขายกระเป๋าเก่าได้กำไร — ไทยเริ่มตาม”
→ เทรนด์ Re-commerce / Resell Luxury เช่น เสื้อผ้า, กระเป๋า, iPhone

 10. Cultural Café / ธุรกิจเชิงวัฒนธรรมใหม่
“คาเฟ่จีนทำกำไรจากความเป็นชาติ”
→ ร้านชา / พิพิธภัณฑ์สัตว์โบราณ / คาเฟ่ธีมประวัติศาสตร์

11. Pet Economy 2.0
“หมา–แมว = ลูกคนใหม่ของชาติ!”
→ ธุรกิจอาหารสุขภาพ, โรงแรมสัตว์, เสื้อผ้า, กิจกรรม pet community

 12. Sustainable Lifestyle / Upcycling Design
“ของเหลือที่จีนไม่ทิ้ง — กลายเป็นของหรูในไทยได้”
→ แฟชั่นรีไซเคิล / เฟอร์นิเจอร์จากขยะพลาสติก / 

13. Digital Product Creator
“คนจีนทำเสียง 3 วิ ขายได้ทั้งปี!”
→ เสียง, ใบงาน, Template, Prompt, Effect — สินค้าดิจิทัลขายซ้ำได้ตลอด

 14. AI Voice Commerce
“แค่พูด ก็ขายได้ — จีนเริ่มใช้เสียงแทนใบหน้าแล้ว”
→ Creator ใช้เสียงแทนการไลฟ์ (เหมาะกับคนไม่ออกกล้อง)

15. Experience Tourism / Learning Trip
“จีนเปลี่ยนทัวร์ → เป็นคลาสเรียนชีวิต”
→ เทรนด์ท่องเที่ยวแนวเรียนรู้ เช่น พาเที่ยว + สอนถ่ายคลิป / ทำแบรนด์

 16. Family Learning Hub
“พ่อแม่จีนเรียนพร้อมลูก — ไทยกำลังเริ่มเห็นเทรนด์นี้”
→ ศูนย์เรียนรู้/WorkShop ครอบครัวแบบ Premiumของตกแต่งรักษ์โลก



17. AI Fashion / Smart Outfit
“แฟชั่นจีนไม่ได้ขายเสื้อ…แต่ขาย ‘ระบบแนะนำลุค’”
→ AI Mix & Match / เสื้อผ้าอัจฉริยะ / เสื้อผ้าพูดได้ผ่าน AR filter

 18. Voice Meditation / Soul Tech
“จีนเริ่มบูมธุรกิจเสียงบำบัด – ไทยกำลังตื่น”
→ เสียงปลุกพลัง, AI Meditation, Quantum Sound Studio

สรุปวิธีใช้ “Pomelli” AI ตัวใหม่ของ Google ช่วยคิดคอนเทนต์การตลาด ออกแบบ Brand CI และกราฟิก - MarketThink

สรุปวิธีใช้ “Pomelli” AI ตัวใหม่ของ Google ช่วยคิดคอนเทนต์การตลาด ออกแบบ Brand CI และกราฟิก - MarketThink
- ล่าสุด Google เพิ่งปล่อยเครื่องมือ AI ตัวใหม่ มีชื่อว่า “Pomelli” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยงานด้าน Content Marketing โดยเฉพาะ
ทั้งช่วยคิด Brand DNA, คิดแคมเปญการตลาด และออกแบบภาพกราฟิก 
เรียกว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยนักการตลาด เจ้าของธุรกิจ ประหยัดเวลาในการคิดหรือออกแบบงานด้านการตลาดได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ Pomelli ยังเป็นเพียงเวอร์ชันเบตา และไม่เปิดให้ใช้งานในประเทศไทย

แล้ว Pomelli ของ Google ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?

1. คิด Brand DNA

วิธีใช้ฟีเชอร์นี้ต้องเริ่มจากการที่เรามี “วัตถุดิบ” ให้ AI ช่วยวิเคราะห์ ซึ่งวัตถุดิบที่ว่านี้คือ “ลิงก์เว็บไซต์” ของแบรนด์เรา

เมื่อใส่ลิงก์ลงไปแล้ว Pomelli ก็จะทำการวิเคราะห์เว็บไซต์ และช่วยคิด Brand DNA ของเรา เช่น

- Mood & Tone ของรูปภาพที่แบรนด์เราควรใช้
- ธีมสีของแบรนด์เรา
- รูปแบบตัวอักษร ว่าควรใช้ฟอนต์อะไร ให้เหมาะกับบุคลิกของแบรนด์

เมื่อเราได้ Brand DNA มาแล้ว เราก็สามารถนำองค์ประกอบเหล่านี้ ไปใช้ในการออกแบบอื่น ๆ เช่น ภาพแคมเปญ ภาพโปรโมตต่าง ๆ เพื่อให้ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน

2. ช่วยคิด Content Marketing ให้
หลังจากช่วยคิด Brand DNA แล้ว Pomelli ยังช่วยคิดไอเดียทำคอนเทนต์ไว้ขายสินค้าจากแบรนด์ของเราได้ด้วย

3. สร้าง Artwork หรือภาพกราฟิกได้

หลังจากที่ Pomelli ช่วยคิดไอเดียทำคอนเทนต์ให้เราแล้ว ยังสามารถช่วยออกแบบภาพกราฟิกให้เหมาะกับคอนเทนต์นั้น ๆ ได้ด้วย เพื่อที่ว่าแบรนด์จะสามารถนำไปใช้โปรโมตลงบนโซเชียลมีเดียและช่องทางต่าง ๆ ได้

4. มาพร้อมเครื่องมือปรับแต่งภาพกราฟิก

ที่น่าสนใจคือ Pomelli ยังมาพร้อมเครื่องมือปรับแต่งรูปภาพ ที่เราสามารถปรับแต่งแต่ละส่วนได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น

- รูปภาพ
- ฟอนต์, สีตัวอักษร, ขนาด และระยะห่างระหว่างบรรทัด
- ปรับแต่งปุ่ม Call to Action 
- ปรับเปลี่ยนโลโกแบรนด์

จะเห็นได้ว่า Pomelli เป็นเครื่องมือ AI ที่มีประโยชน์มาก ๆ ในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ที่ช่วยกำหนด Brand DNA ได้ และยังช่วยทำ Content Marketing ทั้งคิดแคมเปญ และออกแบบภาพกราฟิกได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ Pomelli เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชันเบตา
และใช้งานได้เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมถึงรองรับแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น

หมายความว่า ผู้ใช้งานในประเทศไทย ก็ต้องรออัปเดตกันในอนาคต..

สรุปวิธีใช้ “Sora 2” AI สร้างวิดีโอตัวโหด

สรุปวิธีใช้ “Sora 2” AI สร้างวิดีโอตัวโหด ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดให้ใช้ในไทย แบบฟรี ๆ - MarketThink
- เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา OpenAI เพิ่งประกาศขยายประเทศที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Sora ให้สามารถใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น ได้แก่ เวียดนาม, ไต้หวัน และไทย
ที่น่าสนใจคือ ในแอปพลิเคชัน Sora มี “Sora 2” เป็น AI สร้างวิดีโอตัวโหดอยู่ด้วย

พอเป็นแบบนี้ จึงทำให้หลังจากแอปพลิเคชัน Sora เปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี จนมียอดดาวน์โหลดทะลุ 1,000,000 ครั้ง ภายในเวลาไม่ถึง 5 วัน

แล้วแอปพลิเคชัน Sora ที่เพิ่งเปิดให้ดาวน์โหลดวันนี้ ทำอะไรได้บ้าง ? และใช้งานอย่างไร ?

1. ความโหดของ Sora 2

เชื่อว่าใครหลายคนที่ใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram ไปจนถึง YouTube ก็คงเคยเห็นคลิปวิดีโอแปลก ๆ ที่มีลายน้ำเขียนว่า Sora บริเวณมุมต่าง ๆ

ซึ่งคลิปเหล่านี้ก็เคยเป็นไวรัลอยู่หลายคลิป เพราะโทนภาพ และสไตล์ที่มีความสมจริงมาก ๆ จนทำให้ใครหลายคนที่พบเห็น ถกเถียงกันอย่างมากว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่

พูดง่าย ๆ ก็คือ คลิปที่ถูกสร้างด้วยโมเดลสร้างวิดีโอ Sora 2 มีความใกล้เคียงความเป็นจริงสุด ๆ ซึ่งถ้าเราไม่แยกให้ดี ก็แทบจะแยกไม่ออกเลยทีเดียว

โดยวิธีสังเกตง่าย ๆ ว่าวิดีโอนี้สร้างด้วย Sora ก็คือ จะมีลายน้ำเด้งขึ้นมาว่าเป็นวิดีโอที่สร้างด้วย AI

2. วิธีใช้งาน Sora 2 สร้างวิดีโอ บนแอปพลิเคชัน Sora

ตอนนี้แอปพลิเคชัน Sora พร้อมให้ดาวน์โหลดบน App Store สำหรับระบบ iOS เรียบร้อยแล้ว 

โดยวิธีใช้งานก็ง่าย ๆ เพียงแค่เข้าแอปพลิเคชัน Sora และสร้างบัญชีเพื่อ Login เข้าใช้งาน หลังจากนั้นก็เลือกรูปภาพที่ต้องการสร้างเป็นวิดีโอ และพิมพ์คำสั่งที่ต้องการได้เลย

ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้ Sora มีมาตรการที่รัดกุมเรื่องการใช้ใบหน้าของผู้อื่นมาก เพราะฉะนั้นรูปภาพที่มีใบหน้าคนติดจะไม่สามารถนำมาสร้างวิดีโอด้วย AI ได้

ซึ่งการที่จะสร้างวิดีโอที่มีใบหน้านั้น ผู้ใช้งานสามารถสร้างวิดีโอด้วย AI ที่ใช้งานแค่ใบหน้าของตนเองเท่านั้น 

โดยขั้นตอนก็คือ
- เลือกที่ “Edit Cameo” และเข้าไปกดสร้างได้เลย
- ทำตามขั้นตอนที่ประกอบไปด้วย พูดตัวเลขที่กำหนด หันหน้าตามที่กำหนด

โดยวิธีการสร้างวิดีโอก็เพียงแค่กดสัญลักษณ์ + ที่ตรงกลางด้านล่างของหน้าจอ จากนั้นให้เลือก @ ที่เป็น Username บัญชีของเรา และพิมพ์คำสั่ง
เพียงเท่านี้ เราก็จะได้วิดีโอที่เป็นใบหน้าของเรา ทำตามคำสั่งที่เราพิมพ์ลงไป

นอกจากใช้ใบหน้าของเราแล้ว เรายังสามารถอัปโหลดวิดีโอสัตว์ หรือวัตถุ เครื่องใช้ต่าง ๆ เก็บไว้ใน “Characters” เพื่อนำมาสร้างวิดีโอร่วมกันได้อีกด้วย

3. ประเภทคลิปวิดีโอ ที่สามารถสร้างได้บน Sora

ผู้ใช้งานสามารถสร้างวิดีโอได้ทั้ง แนวตั้งและแนวนอน
และสามารถสร้างวิดีโอที่มีความยาวสูงสุด 15 วินาที

#Sora2
#OpenAI

สื่อสารกับเจ้านาย(หัวหน้า) ยังไงให้ดูไม่เป็นคนโง่The Psychology of Smart Communication

สื่อสารกับเจ้านาย(หัวหน้า) ยังไงให้ดูไม่เป็นคนโง่
The Psychology of Smart Communication
หลายคนไม่ได้ดู “โง่” เพราะเขาไม่เก่ง
แต่ดูโง่... เพราะ “เขาพูดผิดเวลา พูดผิดอารมณ์ หรือพูดผิดจังหวะ”

การสื่อสารกับคนที่มีอำนาจเหนือกว่า
ไม่ใช่เรื่องของคำพูดสวย ๆ
แต่มันคือ “การอ่านพลังในห้องให้ขาด”
ก่อนจะพูดคำแรกออกไป

================================
1. เข้าใจว่าทุกคนมี “Ego” เป็นเกราะป้องกัน

You can’t talk logic to a triggered ego.

ยิ่งตำแหน่งสูง Ego ยิ่งหนา — เพราะมันคือระบบป้องกันตัวตนจากแรงกดดัน
ถ้าคุณพูดในจังหวะที่เขารู้สึกถูกคุกคาม
เขาจะ “ปิดใจ” ก่อนจะ “ฟังเหตุผล”

เพราะงั้น อย่าพยายามพูดให้เขาเข้าใจ
แต่ “พูดให้เขารู้สึกปลอดภัยที่จะเข้าใจ”

ก่อนพูดอะไรกับเจ้านาย ให้ประเมินอารมณ์เขาก่อนเสมอ
ถ้าเขาอยู่ในโหมดตึง — ใช้พลังนิ่ง
ถ้าเขาอยู่ในโหมดเปิด — ใช้พลังชัด

Timing matters more than wording.
============================
2. เปลี่ยนจาก “การพูด” เป็น “การวางกรอบ”

การพูดตรงไปตรงมาไม่ผิด
แต่ถ้าคุณพูดโดยไม่มีกรอบ
มันจะเหมือนคุณกำลัง “อธิบายตัวเอง”
ไม่ใช่ “เสนอความคิด”

แทนที่จะพูดว่า

“ผมคิดว่าแผนนี้อาจไม่เวิร์กครับ”
ลองเปลี่ยนเป็น
“ถ้าเราใช้แนวทางนี้ต่อ ผมกลัวว่าผลลัพธ์จะช้ากว่าที่คาดไว้ครับ
แต่ผมมีอีกทางที่อาจช่วยเร่งจังหวะได้ดีกว่า”

คุณไม่ได้ปฏิเสธ คุณ “เสนอกรอบใหม่”
และนั่นคือภาษาของคนที่ “มีส่วนร่วมในเกมเดียวกัน”

=====================
3. ใช้พลังของ “คำถาม” แทนการโต้แย้ง

เมื่อคุณถามอย่างชาญฉลาด
คุณไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นมาก
แต่จะทำให้เขา “คิดในกรอบที่คุณสร้างไว้”

แทนที่จะพูดว่า

“ผมไม่แน่ใจว่าแนวทางนี้ถูกนะครับ”
ให้พูดว่า
“ถ้าเราใช้แนวทางนี้ต่อไป สิ่งที่เราจะต้องแลกคืออะไรครับ?”

คุณไม่ได้ขัด — แต่คุณ “สะท้อนความคิด” ด้วยความสงบ
และนั่นคือทักษะจิตวิทยาที่ทำให้คนฟัง “รู้สึกเก่งขึ้นตอนอยู่กับคุณ”

========================
4. ควบคุม “น้ำเสียง” มากกว่า “เนื้อหา”

สมองของคนฟังรับ “อารมณ์” ก่อน “ข้อมูล”
น้ำเสียงที่นิ่ง มั่นใจ และมีจังหวะ
จะทำให้คำพูดธรรมดาฟังดูฉลาดขึ้นทันที

พูดช้าลง 20%
หยุดก่อนตอบ 2 วินาที
และมองตาอย่างมั่นใจโดยไม่แข็ง

เพราะความฉลาดในบทสนทนา
ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่พูด
แต่อยู่ใน “พลังของการส่งออก”

=========================
5. ทำให้เจ้านายรู้สึก “คุณเข้าใจแรงกดดันของเขา”

เจ้านายไม่ได้อยากได้คนเห็นด้วยเสมอ
แต่เขาอยากได้ “คนที่เข้าใจว่าเขาต้องรับผิดชอบอะไร”

ถ้าคุณพูดโดยเข้าใจมุมมองของเขา
คุณจะไม่ใช่ลูกน้องที่พูดเยอะ
แต่จะกลายเป็น “ที่ปรึกษาที่เขาไว้ใจ”

เพราะสุดท้ายแล้ว...
คนที่สื่อสารได้ดีที่สุด
ไม่ใช่คนที่พูดเก่ง
แต่คือคนที่ “เข้าใจจิตใจอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกไป”

=====================
🎩 Bonus for Social Minds
ผมมีแจกเนื้อหาฟรี คลาส Social Mastery EP.1
ผมอธิบายไว้อย่างละเอียดถึงจิตวิทยาการสื่อสาร
.
ใครอยากเข้าใจ “จิตวิทยาการโน้มน้าวโดยไม่ต้องพยายาม”
คอมเมนต์คำว่า “สนใจ” ไว้ครับ

แล้วพรุ่งนี้เรามาพบกับบทความต่อๆไปนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ

Hand Inner Game

เจาะกลยุทธ์ BYD เมื่อการ ‘สเกลเทคโนโลยี’ ผสานกับ ‘ท้องถิ่น’ คือกุญแจครองตลาด EV ทั่วโลก



ในจังหวะที่ BYD (บีวายดี) ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายอดขายอันดับหนึ่งของโลก และครองส่วนแบ่งตลาดอย่างโดดเด่นในประเทศไทย เสียงชื่นชมในนวัตกรรมกลับมาพร้อมกับคำถามสำคัญที่ทั่วโลกจับตา ตั้งแต่ข้อกล่าวหาเรื่องเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน แรงกระเพื่อมจากสงครามการค้า ไปจนถึงความกังวลของผู้บริโภคชาวไทยต่อปัญหา ‘ติดดอย’

The Secret Sauce คุยกับ Liu Xueliang General Manager, BYD Asia Pacific Auto Sales Division สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย โดยเขาเปิดมุมมอง วิสัยทัศน์ และกลยุทธ์เบื้องหลังการเติบโตของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้อย่างหมดเปลือก

🟡 จากโรงงานแบตเตอรี่ สู่ ‘บริษัทเทคโนโลยีที่ทำรถยนต์’

จุดเริ่มต้นของ BYD ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ราวปี 1994 ไม่ได้เริ่มต้นในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ แต่เป็นโรงงานเล็กๆ ที่ผลิตแบตเตอรี่มือถือให้กับ Nokia และ Motorola

หลิวเน้นย้ำว่า แก่นปรัชญาของ BYD ตลอดสามทศวรรษคือ ‘นวัตกรรมทางเทคนิค’ ซึ่งไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงกลยุทธ์ แต่ฝังอยู่ในชื่อบริษัท BYD ที่ย่อมาจาก Build Your Dreams สะท้อนการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสานฝันและสร้างโลกที่ยั่งยืน

สิ่งที่ทำให้ BYD แตกต่างอย่างแท้จริง คือการมีผู้ก่อตั้งอย่าง Wang Chuanfu ที่เป็นวิศวกรด้านเทคนิค และการขับเคลื่อนด้วยทีมวิจัยและพัฒนากว่า 120,000 คน มากที่สุดในโลก ทำให้หลายฝ่ายมองว่า BYD ไม่ใช่แค่บริษัทรถยนต์ แต่คือบริษัทเทคโนโลยีที่ทำรถยนต์

จุดหักเหสำคัญเกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อ BYD ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ แม้จะประสบความสำเร็จในธุรกิจแบตเตอรี่ แต่การตัดสินใจครั้งนั้นสร้างความกังขาจนราคาหุ้นร่วงเกือบครึ่งหนึ่ง เป็นการเดิมพันที่ไม่มีใครมั่นใจในตอนนั้น

🟡 เผชิญหน้าข้อวิจารณ์ เงินอุดหนุน และการแข่งขัน

หนึ่งในข้อสงสัยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน คุณหลิวยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า BYD ได้รับการสนับสนุนในช่วงเปลี่ยนผ่านระบบขนส่งสาธารณะสู่พลังงานไฟฟ้า แต่ย้ำว่าเป็นการสนับสนุนด้านนโยบายที่เปิดกว้างสำหรับทุกบริษัท ไม่ได้มุ่งเป้าเฉพาะ BYD

สำหรับแรงปะทะจากสงครามการค้า โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ และยุโรป BYD มองว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้บริโภคทั่วโลก ทางออกของ BYD คือการเร่งเดินหน้ากลยุทธ์ ‘ผลิตในท้องถิ่น ขายในท้องถิ่น’ ซึ่งรวมถึงการสร้างโรงงานในประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยง และตอบสนองตลาดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

แม้ไม่เห็นด้วยกับสงครามการค้า แต่ BYD กลับเปิดรับการแข่งขันที่ยุติธรรม พวกเขาเชื่อว่าการแข่งขันที่ดีจะผลักดันให้ทุกคนพัฒนาเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน

🟡 ปักหมุดประเทศไทย การศึกษาที่ยาวนาน สู่การถ่ายทอดเทคโนโลยี

 BYD มองประเทศไทยว่าเป็น ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ ด้วยห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ครบวงจร และนโยบาย 30/30 ที่ผลักดันให้รถ EV คิดเป็น 30% ของการผลิตภายในปี 2030

คุณหลิวเล่าว่า การเข้ามาในไทยไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการทดลองตลาดมากว่า 10 ปี ผ่านรถแท็กซี่ไฟฟ้า VIP 101 คัน ที่วิ่งเก็บข้อมูลจริงในกรุงเทพฯ ก่อนจะตัดสินใจสร้างโรงงานผลิต EV แห่งแรกใน EEC ใช้เวลาสร้างเพียง 16 เดือนเท่านั้น

BYD ยังให้คำมั่นสัญญาใน 4 เรื่องสำคัญ:

 🔸 Localization Rate: ปัจจุบัน BYD ใช้ชิ้นส่วนในประเทศเกิน 50% และปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด

 🔸 ซัพพลายเชน: เพื่อเร่งการพัฒนาในประเทศ ซัพพลายเออร์ชาวจีนจำนวนมากได้ตามมาตั้งฐานในไทย

 🔸 บุคลากร: พนักงานในโรงงานกว่า 90% เป็นคนไทย และใช้เวลาเพียงปีเดียวในการฝึกฝน

 🔸 ความร่วมมือ: เปิดกว้างต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย เพื่อเติบโตไปด้วยกัน

🟡 สลายความกังวลติดดอย ด้วย Scaling และการบริการ

BYD ตระหนักดีถึงความกังวลของผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะเรื่องราคาขายต่อและอายุแบตเตอรี่ กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้คือการสเกลให้ใหญ่พอที่จะลดต้นทุนการผลิต และส่งต่อราคาที่จับต้องได้ให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ BYD ยังทุ่มทุนสร้างศูนย์อะไหล่สำรองที่ใหญ่ที่สุดสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ในไทย บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าบริการหลังการขายจะพร้อมเสมอ

จากบริษัทที่เริ่มต้นเล็ก ๆ ด้วยความฝัน วันนี้ BYD ไม่ได้มาเพียงเพื่อขายรถ แต่กำลังปักหมุดฝังรากในประเทศไทย ผ่านโรงงาน บุคลากร และห่วงโซ่อุปทาน

คำถามสำคัญสำหรับประเทศไทยในฐานะ ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ ไม่ใช่แค่เราจะซื้ออะไร แต่คือเราจะเรียนรู้อะไรจากกองทัพวิศวกรของเขา เพื่อเปลี่ยนจากผู้ประกอบเป็นผู้สร้าง และเริ่มสร้างฝันในแบบของเราเอง

#TheSecretSauce

เพราะ"แตกต่าง" จึงสำเร็จ​กว่า​คนทั่วไป​

1. คนส่วนใหญ่เลือกทางที่ปลอดภัย
ฝูงแกะจำนวนมากมักเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อความมั่นคงและสบายใจ แต่บางครั้ง… ความปลอดภัยนั้นก็ทำให้พวกเขาไม่เคยได้ค้นพบเส้นทางใหม่

 2. คนส่วนน้อยกล้าเดินออกจากฝูง
แกะสีดำที่กล้าเหยียบพรมแดง คือสัญลักษณ์ของคนที่เลือกจะ “เป็นตัวของตัวเอง” ถึงแม้จะถูกมองว่าแปลกหรือแตกต่าง แต่กลับเป็นคนที่ได้พบโอกาสก่อนใคร


 3. ความสำเร็จรอคนที่กล้าไม่เหมือนใคร
พรมแดงและรถหรูคือรางวัลของผู้ที่เลือกเส้นทางใหม่ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะพวกเขากล้าที่จะ “ต่าง” ตั้งแต่แรก


 4. ความโดดเดี่ยว…คือราคาของความต่าง
เส้นทางของ “แกะดำ” มักเงียบและเปลี่ยวในตอนเริ่มต้น แต่ความโดดเดี่ยวนั้นเอง ที่กลั่นความเข้มแข็งและพาไปถึงจุดหมายที่ไม่เหมือนใคร


 5. ความเสี่ยงคือประตูสู่ความสำเร็จ
การก้าวออกจากฝูงหมายถึงการยอมรับความไม่แน่นอน แต่ในขณะเดียวกัน… มันก็เปิดโอกาสให้เจอสิ่งใหม่ที่คนส่วนใหญ่ไม่มีวันได้พบ


 6. สิ่งสำคัญไม่ใช่ภาพลักษณ์ แต่คือการลงมือทำ
แกะดำอาจไม่ดูสวยงามเท่าแกะขาว แต่การเลือกเส้นทางที่แตกต่าง คือการกระทำที่มีความหมายและสร้างผลลัพธ์ที่แท้จริง


 7. ความแตกต่างไม่ใช่การต่อต้าน
มันคือการกล้าคิด กล้าทำในแบบของตัวเอง แกะดำไม่ได้เดินหนีฝูง… แค่เลือกทางที่หัวใจเรียกหาเท่านั้นเอง


แนะนำหนังสือ
ชีวิตเติบโตทุกวัน 
เมื่อกล้าตั้งคำถามนอกกรอบ
https://s.lazada.co.th/s.ZZbJ4P?cc
https://s.shopee.co.th/6AcfiYMowb

สรุปงาน OpenAI DevDay 2025 🌍✨ที่ Sam Altman ประกาศว่า ChatGPT กำลังจะกลายเป็น"ระบบปฏิบัติการใหม่ของโลก" อย่างเป็นทางการ

สรุปงาน OpenAI DevDay 2025 🌍✨
ที่ Sam Altman ประกาศว่า ChatGPT กำลังจะกลายเป็น
"ระบบปฏิบัติการใหม่ของโลก" อย่างเป็นทางการ 
.
งานนี้เปรียบเสมือนการ "ทิ้งระเบิด" 3 ลูกใหญ่
ที่จะปฏิวัติวงการเทคโนโลยี

.
💣 ระเบิดลูกที่ 1: ChatGPT ไม่ใช่แค่แชทบอทอีกต่อไป
ตอนนี้ ChatGPT คือ แพลตฟอร์มเต็มรูปแบบที่เราสามารถสร้าง "แอปพลิเคชัน" 
ลงไปได้โดยตรง (Apps SDK) และยังสามารถสร้าง "ผู้ช่วย AI ส่วนตัว" (Agent Kit) 
ที่ทำงานซับซ้อนแทนเราได้ง่ายๆ แค่ลากวาง

💣 ระเบิดลูกที่ 2: AI คือโปรแกรมเมอร์คนใหม่ของคุณ
Codex ได้รับการอัปเกรดเป็น GPT-5 Codex Model ที่ทรงพลังมาก
จนวิศวกรของ OpenAI เองกว่า 70% ใช้มันในการเขียนและรีวิวโค้ดทั้งหมด
อนาคตของการสร้างซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

💣 ระเบิดลูกที่ 3: เปิดตัว AI ที่ฉลาดและสร้างสรรค์ที่สุด
GPT-5 Pro: โมเดลที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง
Sora 2: สร้างวิดีโอพร้อม "เสียงและบรรยากาศสมจริง" จาก Prompt เดียว

.
ข่าวใหญ่ส่งท้าย: Jony Ive อดีตหัวหน้าทีมออกแบบของ Apple 
จะมาร่วมสร้าง AI Hardware กับ OpenAI

.
Sam Altman ย้ำว่า "การสร้างซอฟต์แวร์ที่เคยใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปี
ตอนนี้จะเหลือเพียงหลักนาที คุณไม่จำเป็นต้องมีทีมใหญ่ แค่มีไอเดียดีๆ ก็สร้างมันขึ้นมาได้"

มาแชร์มุมมองกันค่ะ คุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือการทำงานของคุณอย่างไร?
และคุณตื่นเต้นกับฟีเจอร์ไหนมากที่สุด?
#openaidevday2025 #openai #SamAltman #chatgpt 
#AIUpdate #GPT5 #Codex #Sora2 #technews #technology 
#gakneversitup #neversitupsoftware #neversitup #ไม่เคยกั๊ก

สรุป AI ใช้ทำธุรกิจ


.
AI ไม่ได้มาแทนที่คุณ แต่คนที่ใช้ AI เก่งต่างหาก จะมาแทนที่คุณ เพราะในขณะที่คุณยังติดอยู่กับงานเดิมๆ ทุกวัน แต่คู่แข่งคนอื่นๆ ทำไมทำธุรกิจได้เร็วกว่า ปิดดีลได้มากกว่า หรือสร้างคอนเทนต์ได้ไม่รู้จบ
.
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คุณขาดความสามารถ แต่อยู่ที่คุณยังไม่รู้จักใช้เครื่องมือที่ถูก ตอนนี้คนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ พวกเขาไม่ได้ทำงานหนักกว่าคุณ แต่พวกเขาทำงานอย่างฉลาดกว่า ด้วยเครื่องมือ AI ที่ช่วยลดเวลาการทำงานลงไปได้มากกว่าครึ่ง 
.
และนี่คือครื่องมือ AI 6 ตัวที่จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณคืออะไรบ้าง และแต่ละตัวมีจุดเด่นที่จะช่วยแก้ปัญหาอะไรของคุณได้บ้าง 
.
1. ChatGPT คือผู้ช่วยอเนกประสงค์ ที่ตอบได้ทุกเรื่อง 
.
ChatGPT เป็นเครื่องมือ AI ที่พัฒนาโดย OpenAI ซึ่งเป็นแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถสนทนา ตอบคำถาม และสร้างเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเขียนอีเมล บทความ โค้ดโปรแกรม ไปจนถึงการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ 
.
ทำอะไรได้
- เขียนเนื้อหาโพสต์ บทความ และคำโฆษณา
- ระดมไอเดียธุรกิจและวางแผนการตลาด
- เขียนอีเมล์ ร่างข้อเสนอ และเอกสารต่างๆ
- แปลภาษาและตรวจแก้ไขงานเขียน
- เขียนโค้ดและแก้ปัญหาเทคนิค
.
เหมาะกับ : ผู้ประกอบการ นักการตลาด ครีเอเตอร์ และคนทำงานทั่วไปที่ต้องการผู้ช่วยอเนกประสงค์ในทำงานประจำวัน
.
2. Claude คือผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียน และการวิเคราะห์เชิงลึก 
.
Claude เป็น AI ที่พัฒนาโดย Anthropic ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การสนทนาและการทำงานมีความปลอดภัย แม่นยำ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น Claude มีความสามารถพิเศษในการอ่านและวิเคราะห์เอกสารยาวๆ ได้ถึงหลายหน้า รวมถึงการเขียนเนื้อหาที่มีโครงสร้างชัดเจนและลึกซึ้ง 
.
ทำอะไรได้
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและสรุปประเด็นสำคัญ
- เขียนเอกสารยาวหรือรายงานที่ซับซ้อน
- ช่วยตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ
- ตรวจสอบและพัฒนาแผนธุรกิจ
- วิเคราะห์สัญญาและเอกสารทางกฎหมาย
.
เหมาะกับ : ผู้บริหาร นักวางแผน และผู้ที่ต้องการ AI ที่ช่วย "คิดไปด้วยกัน" อย่างมีเหตุผลและละเอียดรอบคอบ
.
3. Gemini คือ AI จาก Google ที่เชื่อมโยงกับทุกบริการของ Google 
.
Gemini เป็น AI รุ่นใหม่ที่พัฒนาโดย Google ซึ่งออกแบบมาให้ทำงานได้หลายรูปแบบ ทั้งข้อความ รูปภาพ และเสียง ที่สำคัญคือ Gemini สามารถเชื่อมต่อกับระบบนิเวศของ Google ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Google Docs, Google Sheets หรือ Google Drive 
.
ทำอะไรได้
- ค้นหาข้อมูลจาก Google ได้เร็วและแม่นยำ
- ทำงานร่วมกับ Gmail, Google Drive, Google Docs
- วิเคราะห์ทั้งข้อความและรูปภาพ
- สร้างเนื้อหาและวิเคราะห์เทรนด์
- จัดการงานข้ามแพลตฟอร์ม Google
.
เหมาะกับ : ผู้ที่ใช้ Google Workspace เป็นหลัก ต้องการเครื่องมือที่เชื่อมโยงกับระบบที่ใช้อยู่แล้วอย่างลงตัว
.
4. Perplexity คือเครื่องมือค้นหาอัจฉริยะ ที่ให้คำตอบแทนลิงก์ 
.
Perplexity เป็น AI ที่ออกแบบมาเป็นเครื่องมือค้นหาแบบใหม่ ที่ไม่ได้แค่แสดงลิงก์เว็บไซต์ แต่จะสรุปข้อมูลจากหลายแหล่งแล้วนำเสนอคำตอบที่ชัดเจนพร้อมอ้างอิงที่มา ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาคลิกเข้าไปอ่านหลายเว็บไซต์ 
.
ทำอะไรได้
- ค้นหาข้อมูลพร้อมแสดงแหล่งที่มา
- วิจัยตลาดและวิเคราะห์คู่แข่ง
- ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ
- หาข้อมูลเชิงลึกจากหลายแหล่ง
- สรุปข่าวสารและรายงานอุตสาหกรรม
.
เหมาะกับ : นักวิจัยตลาด นักวิเคราะห์ และผู้ที่ต้องการข้อมูลที่เชื่อถือได้พร้อมอ้างอิงชัดเจน
.
5. NotebookLM คือผู้ช่วยจัดการความรู้ ที่แปลงเอกสารเป็นข้อมูลเชิงลึก 
.
NotebookLM เป็นเครื่องมือ AI จาก Google ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการและวิเคราะห์เอกสาร บันทึก และข้อมูลต่างๆ ของคุณ คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ PDF, เอกสาร หรือลิงก์เว็บไซต์เข้าไป แล้ว NotebookLM จะช่วยสรุป วิเคราะห์ และตอบคำถามจากข้อมูลเหล่านั้นได้ 
.
ทำอะไรได้
- จัดเก็บและสรุปเอกสารหลายไฟล์
- วิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- ค้นหาข้อมูลในเอกสารของคุณได้ทันที
- สร้างโน้ตและสรุปประเด็นสำคัญ
- จัดระบบความรู้ให้เข้าถึงง่าย
.
เหมาะกับ : ผู้ที่มีเอกสารและข้อมูลจำนวนมาก ต้องการจัดระบบความรู้ให้เป็นระบบและค้นหาได้รวดเร็วม
.
6. Grok คือ AI แบบเรียลไทม์ ที่เข้าถึงข้อมูลใน X (Twitter) ได้ทันที 
.
Grok เป็น AI ที่พัฒนาโดย xAI บริษัทของ Elon Musk ซึ่งมีจุดเด่นพิเศษคือสามารถเข้าถึงข้อมูลบน X (Twitter) แบบเรียลไทม์ ทำให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุด รวมถึงมีบุคลิกในการตอบคำถามที่ตรงไปตรงมาและมีอารมณ์ขันมากกว่า AI ตัวอื่น 
.
ทำอะไรได้
- ติดตามข่าวสารและเทรนด์ล่าสุด
- วิเคราะห์การสนทนาบนโซเชียลมีเดีย
- เข้าใจบริบททางสังคมและวัฒนธรรม
- จับกระแสที่กำลังฮิต
- ตอบคำถามด้วยข้อมูลเรียลไทม์
.
เหมาะกับ : นักการตลาดโซเชียล ครีเอเตอร์ และผู้ประกอบการที่ต้องจับกระแสเทรนด์เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันเหตุการณ์
.
6 เครื่องมือ AI เหล่านี้ไม่ได้มาแทนที่ความสามารถของคุณ แต่มาเพื่อขยายศักยภาพของคุณให้ทำได้มากกว่าเดิมหลายเท่า คนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต คือคนที่รู้จักเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกกับงานที่ถูก แล้วใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด 
.
อย่ามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ยากเกินไป มองมันเหมือนผู้ช่วยที่พร้อมทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เหนื่อย ไม่บ่น และรอคำสั่งจากคุณอยู่เสมอ เริ่มใช้วันนี้ แล้วคุณจะพบว่าธุรกิจของคุณเติบโตได้เร็วกว่าที่คิด 
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
——— 
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน 
#Business #AI 
#100WEALTH 
#ไปให้ถึง100ล้าน

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568

"เก่งแต่ไร้คุณธรรม"กับพรสวรรค์ที่สิ้นความหมายในระยะยาว

"เก่งแต่ไร้คุณธรรม"
กับพรสวรรค์ที่สิ้นความหมายในระยะยาว
1. ความเก่งคือเครื่องมือ แต่คุณธรรมคือทิศทาง
คนที่มีสติปัญญาและความสามารถ หากปราศจากคุณธรรม เปรียบได้กับเรือที่แล่นเร็วแต่ไร้เข็มทิศ มุ่งไปสู่หายนะมากกว่าความสำเร็จที่ยั่งยืน

2. สติปัญญาสามารถสร้างโลกได้ แต่จิตใจที่ดีจะรักษาโลกไว้
หากโลกมีแต่คนฉลาดแต่ไร้จริยธรรม โลกอาจเจริญทางวัตถุแต่ตกต่ำทางจิตใจ

3. ความสามารถที่ขาดความรับผิดชอบ คือภัยร้ายในคราบความดี
คนที่เก่งแต่ไม่รู้จักแยกผิดชอบ อาจกลายเป็นอาวุธในมือของความโลภและอำนาจ

4. คนฉลาดไร้คุณธรรมมักตกเป็นเหยื่อของตัวเอง
ความฉลาดที่ไม่มีคุณธรรมจะพาเขาไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่จะพาเขาตกลงมาอย่างรุนแรงเช่นกัน

5. ความยั่งยืนไม่ได้อยู่ที่ฝีมือ แต่อยู่ที่เจตนา
คนที่เจตนาดี แม้ฝีมือยังไม่ถึงขั้น ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมั่นคง

6. คนเก่งไร้คุณธรรมไม่อาจเป็นผู้นำที่แท้จริง
เพราะการนำคนต้องอาศัยความไว้วางใจ และความไว้วางใจนั้นมาจากคุณธรรม ไม่ใช่แค่ความฉลาด

7. คุณธรรมคือสิ่งเดียวที่เงินซื้อไม่ได้ แต่ทุกคนฝึกได้
มันคือคุณค่าภายในที่ต้องปลูกฝัง มิใช่สิ่งที่เรียนรู้เพียงเพื่อแข่งขัน

8. สังคมที่ยกย่องแค่คนเก่งแต่ไม่สนใจคุณธรรม คือสังคมที่ล่มสลายในอนาคต
เพราะไม่มีรากฐานของจิตใจไว้รองรับความเจริญ

9. ความฉลาดที่ปราศจากเมตตา คือดาบสองคม
ใช้ทำร้ายคนอื่นได้ง่าย และสุดท้ายก็หันกลับมาทำร้ายตัวเอง

10. คนเก่งไร้คุณธรรม มักได้ชื่อในชั่วขณะ แต่มิได้ศรัทธาในระยะยาว
ความสำเร็จที่ไม่มีศีลธรรมหนุนหลัง มักจางหายไปเมื่อหมดอำนาจหรือชื่อเสียง

11. คุณธรรมคือเกราะป้องกันตัวเองจากอำนาจที่ทำลายจิตใจ
ความฉลาดอาจนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ แต่หากไร้จริยธรรม ก็เสี่ยงต่อการหลงตนและอำนาจ

12. ความฉลาดไร้คุณธรรม ทำให้คนเก่งกลายเป็นคนอันตราย
เพราะเขารู้วิธีเอาชนะ แต่ไม่รู้วิธีให้เกียรติผู้อื่น

13. ต้นไม้ที่สูงแต่ไร้ราก ย่อมล้มเร็วเมื่อพายุมา
คนที่มีชื่อเสียงหรืออำนาจ แต่ไม่มีคุณธรรม ก็เช่นกัน

14. ความสำเร็จที่แท้จริง วัดได้จากผลกระทบที่ดีต่อผู้อื่น ไม่ใช่แค่ตำแหน่งหรือรายได้
คนที่มีคุณธรรม ย่อมสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อคนรอบข้างเสมอ

15. จงเลือกเป็นคนธรรมดาที่มีคุณธรรม ดีกว่าเป็นคนโดดเด่นที่ไร้คุณค่าในสายตาประวัติศาสตร์
เพราะสุดท้าย มนุษย์จะถูกจดจำจากสิ่งที่เขาทำไว้กับโลก ไม่ใช่เพียงสิ่งที่เขาเป็น

..

Cr:Weerawit Phanjaturaphat

#สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์

“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า”
พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่ราษฎรบ้านถ้ำติ้ว อ.ส่องดาว จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2525

พระราชดำรัสที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งพระราชหฤทัยมุ่งมั่นในการทรงงานเคียงข้างในหลวงรัชกาลที่ 9 อันเป็นแรงค้ำจุน หนุนเสริม และเติมเต็มให้งานพระราชกรณียกิจต่างๆ บังเกิดผลสำเร็จ นำไปสู่ความอยู่ดีกินดีและความสุขของประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง🙏🏻🖤

#สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ #พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย #พระพันปีหลวง
#asiaart
#apiradeesilikul

ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ
#ธสถิตย์อยู่ในใจไทยนิรันดร์

รักชาติ โดยไม่ต้องพูด… แค่ยืนให้โลกเห็น

“รักชาติ โดยไม่ต้องพูด… แค่ยืนให้โลกเห็น”
ในค่ำคืนสุดท้ายของคอนเสิร์ต BLACKPINK in Bangkok
คนทั้งโลก “ได้ยิน” “ ความรักชาติ”
ผ่านแสง วิบวับ และธงไตรรงค์ พร้อมรอยยิ้มของเธอ

ชุดสี แดง–ขาว–น้ำเงิน
ที่ถูกออกแบบอย่างเฉียบขาดและล้ำสมัย
คือ “รหัสลับของความภูมิใจ” ที่พูดแทนทั้งประเทศได้โดยไม่ต้องออกเสียง.. เพราะ #เสื้อผ้าพูดได้ 
..
.
เพราะ “Image” คือภาษาโลก
ลิซ่าเข้าใจดีว่า เวทีระดับโลกไม่ได้ต้องการแค่ “เสียงร้อง”
แต่มันต้องการ “ภาพจำ” และภาพนั้นพูดได้มากกว่าพันคำ

ทุกเส้นสายของชุด
ทุกการเคลื่อนไหว
สะท้อนว่า “นี่คือหญิงสาวที่รักรากของตัวเอง
แต่กล้าเดินบนเวทีโลกด้วยเท้าและตัวตน ที่ชัดเจน ของเธอเอง”
..
.
พลังของ Soft Power ไม่ได้อยู่ที่งบประมาณ 
แต่มันอยู่ที่ “ตัวตนที่ชัด”
..
เพราะ Soft Power ที่แท้จริง
ไม่ได้เกิดจากคำสั่งหรือแคมเปญ
แต่มันเกิดจาก “คนๆ หนึ่ง”
ที่กล้ารักตัวเอง กล้าภูมิใจในความเป็นไทย
และกล้า “เป็นตัวแทน” ของสิ่งนั้นอย่างเต็มภาคภูมิ

ลิซ่าไม่ได้ใส่ชุดนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจ
แต่เพื่อประกาศให้โลกเห็นว่า “Thailand is here — with class, with talent, with pride.”

นี่คือพลังของผู้หญิงยุคใหม่ (Lady Empowerment)
ผู้หญิงที่รู้ว่า “ความสวย” ไม่ได้อยู่ที่ผิวหรือเครื่องประดับ
แต่มันอยู่ที่ “พลังในสายตา” และ “ความตั้งใจในหัวใจ”
ผู้หญิงที่ไม่กลัวจะเปล่งประกาย
แม้จะถูกคนอื่นมองว่า “แสงแรงเกินไป”

เพราะแสงของเธอ…ไม่ใช่เพื่อกลบใคร
แต่เพื่อส่องทางให้ผู้หญิงอีกมากมาย “กล้าที่จะลุกขึ้นมาเป็นตัวเอง”
..
.
นี่คือสิ่งที่ทุกคนเรียนรู้ได้จากลิซ่า ผ่านชุดของเธอ
 1. แต่งตัวไม่ใช่เพื่อให้คนมอง แต่เพื่อสื่อสารสิ่งที่เราเชื่อ
 2. ยืนอยู่ตรงไหน ก็ให้มีภาพจำของเราอยู่ตรงนั้น
 3. อย่ากลัวการเปล่งแสง — เพราะแสงที่มาจากความจริงใจ มันไม่เคยแยงตาใคร
 4. ความเป็นไทยไม่ใช่กรอบแคบ แต่มันคือศิลปะที่เราสามารถ “ดีไซน์ใหม่” ได้เสมอ

“ #SoftPower ที่แท้จริง…ไม่ต้องพูดคำว่า Nation Branding

แค่ทำให้โลกพูดถึงประเทศไทย ด้วยรอยยิ้ม

ขอบคุณเจ้าของบทความ  และรูปภาพด้วยค่ะ

#thailand
#Lisa
#softpower

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ตุลาคมเดือนแห่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทย

ตุลาคมเดือนแห่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทย

ในเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่ปวงชนชาวไทยได้สูญเสียดวงใจผู้เป็นที่รักยิ่งเหนือสิ่งใด จากเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ถึง 6 ครั้งด้วยกัน คือ
- 1 ตุลาคม 2411 : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จฯ ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่พระองค์ทรงคำนวณไว้อย่างแม่นยำ และเสด็จกลับพระนครได้เพียงไม่นาน พระองค์เริ่มมีพระอาการประชวรจับไข้และทรงทราบว่าพระอาการจะไม่หาย จึงได้มีพระบรมราชโองการให้พระราชวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 3 คน เข้าเฝ้าฯ พร้อมกันที่พระแท่นบรรทม เพื่อมอบพระราชกิจในการดูแลพระนคร ก่อนจะเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งภานุมาศจำรูญ ภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง เวลาทุ่มเศษ ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม
          พ.ศ. 2411 รวมพระชนมพรรษา 64 พรรษา รวมดำรงสิริราชสมบัติ 16 ปี 6 เดือน ในกาลต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชโอรสพระองค์ที่ 9 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 สืบต่อไป

- 23 ตุลาคม 2453 : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าโศกให้กับประเทศไทยครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวรด้วยโรคพระวักกะ (ไต) เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต รวมพระชนมพรรษาได้ 58 พรรษา ครองราชสมบัตินานถึง 42 ปี
          เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นที่เคารพรักของทวยราษฎร์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกประการ ทั้งในการปกครองบ้านเมืองและพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชนทุกหมู่เหล่า ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ และสามารถธำรงเอกราชไว้ตราบจนทุกวันนี้ ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี ด้วยการถวายพระราชสมัญญานามว่า "พระปิยมหาราช" หรือพระพุทธเจ้าหลวง และกำหนดให้ทุกวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราช เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

- 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462 : สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรเรื้อรัง มีพระอาการไข้ รวมทั้งมีพระอาการพิษขึ้นในพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) และการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตนั้น ได้นำความวิปโยคแสนสาหัส ที่กระทบกระเทือนพระราชหฤทัย และการที่พระองค์ประทับอยู่แต่ประแท่นบรรทม ทรงไม่ออกกำลังพระวรกาย ทำให้มีน้ำหนักพระองค์มาก จึงทำให้กระดูกเปราะ จะเสด็จไปที่ใดก็ลำบากและพระองค์ทรงพระประชวรอยู่เนือง ๆ มีพระโรคาพาธมาประจำพระองค์คือ พระวักกะอักเสบเรื้อรัง ซึ่งแพทย์หลวง ได้ถวายการรักษาอย่างดีตลอดมา แต่พระอาการไม่ดีขึ้นได้ นายแพทย์สมิธ นายแพทย์ประจำพระองค์ เล่าว่า
          "คืนหนึ่งพระนางป่วยหนัก มีอาการอาเจียรทั้งคืน พอตีสองพระนางสิ้นสติปลุกไม่ตื่น มีอาการไข้ขึ้นสูงไม่ได้สติ แต่พระวรกายยังอาเจียร เปรียบเสมือนคนหลับแต่ยังอาเจียรตลอด"
          นายแพทย์สมิธระบุว่าเป็นเพราะพระยกนะ (ตับ) วายหรือพระยกนะเสีย ทุกฝ่ายทั้งแพทย์ และข้าราชบริพารช่วยกันเต็มที่ที่จะรักษาพระองค์ จนวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462 เวลา 08.00 น. ก็เสด็จสวรรคต

- 24 ตุลาคม 2556 : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ้นพระชนม์ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 24 ตุลาคม 2556 ชาวพุทธได้รับทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมพระชันษา 100 ปี นับเป็นพระสังฆราชที่ทรงดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดถึง 23 ปี และทรงมีพระชันษายืนยาวที่สุดในประวัติคณะสงฆ์ไทย
          เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความโศกเศร้าอาดูรให้แก่ชาวพุทธทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา สมเด็จพระสังฆราช ทรงประกอบพระกรณียกิจเพื่อพุทธศาสนาอย่างมากมาย ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นทั่วโลก จนได้รับทูลถวายตำแหน่งผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2558 ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศต่างร่วมกันแต่งกายด้วยชุดดำ เพื่อร่วมถวายอาลัยแด่สมเด็จพระสังฆราช

-13 ตุลาคม 2559 : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2557 ประชาชนชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาลงนามถวายพระพร ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยแข็งแรง อยู่เป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทย พร้อมติดตามแถลงการณ์สำนักพระราชวังเพื่อรับทราบพระอาการของพระองค์อย่างใกล้ชิด
          ถึงแม้ว่าคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถตลอด 2 ปี แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ในที่สุดแล้ว น้ำตาไทยต้องไหลรินเมื่อได้รับทราบข่าวพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 15.52 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชสมบัติ 70 ปี นับเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์นานที่สุดในโลก พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเหน็ดเหนื่อยตรากตรำเพื่อประชาชนทั่วทุกหนทุกแห่งของพระองค์มาตลอด 70 ปี จะสถิตอยู่ในใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป...

- 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568 : เด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิตตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568 แม้คณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรทรุดหนักลงตามลำดับ และเสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 21.21 น. ของวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กรุงเทพมหานคร สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา
          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพ และความเป็นอยู่ของบุคคลผู้ยากไร้ และประชาชนในชนบทห่างไกล ได้โดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทั่วทุกหนแห่งในแผ่นดินไทยนี้

ขอบคุณที่มา
เรียบเรียงโดย เพจอาจารย์โน๊ตติวเตอร์ 
ข้อมูลสนับสนุน วิกิพีเดีย

รวม 9 แอปยอดนิยมใช้หารายได้ แบบเงินน้อยก็ทำได้

รวม 9 แอปยอดนิยม
ใช้หารายได้ แบบเงินน้อยก็ทำได้
.
ความสำเร็จเริ่มต้นจากการลงมือ
หลายคนรู้ว่าต้องทำยังไง แต่ยังไม่ได้ทำ อย่าลืมว่า การลงมือทำแม้จะเล็กน้อยในแต่ละวัน ก็สามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต แนะนำวิธีทำเงินง่าย ๆ ด้วยแอปพลิเคชันในมือถือ
.
1.Shopee
o Shopee Seller - มีสินค้าเป็นของตัวเอง ขายเองให้แอปเป็นตัวกลาง
o Affiliate - วิธีการบอกต่อ ได้ค่าคอม , เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีสินค้าเป็นของตัวเอง โดยมีวิธีย่อย ๆ ออกไปอีก
.
[1.1] Link - แปะลิงก์สินค้า , ถ้ามีคนมาคลิกแล้วสั่ง เราก็ได้ค่าคอม มากน้อยขึ้นอยู่กับสินค้านั้น ๆ
[1.2] Live - สายไลฟ์ แค่เอาสินค้าอะไรก็ปักในตะกร้าตอน เมื่อไหร่ที่มีคนดูไลฟ์แล้วซื้อจากไลฟ์เรา ก็ได้ค่าคอมทันที
[1.3] Video - คล้ายกับการทำ TikTok ตรงที่เป็นการนำคลิปสั้นมาปักตะกร้าสินค้า
[1.4] Mission - ทำภารกิจสะสมเหรียญ ภารกิจจะมีหลากหลายขึ้นอยู่กับช่วง
.
2.LAZADA
คล้ายกับ Shopee มีทั้ง Seller และ Affiliate ⟶ Link , Live , Like (Video) , Mission แล้วแต่สินค้านั้น ๆ และบางสินค้าอย่างเช่น เสื้อผ้าแบรนด์ไทยส่วนใหญ่เน้นขายบน Lazada
.
3.TikTok
ช่องทางที่ฮิตมากและสามารถทำรายได้ ได้หลายวิธี ไม่ใช่แค่แปะทำคลิปแปะตะกร้าสินค้า
.
๐ TikTok Seller - เอาสินค้าของตัวเองวางขายบนติ๊กต๊อก คนซื้อง่าย เกิดรีวิวง่ายด้วย ยิ่งมีค่าคอมให้คนยิ่งอยากเอาไปทำรีวิว
๐ รับรีวิวสินค้า - สำหรับคนที่เริ่มมีฐานแฟนคลับ เริ่มมีคนเข้ามาติดตามแล้วมีคนอยากจ้างงานรีวิว เป็นวิธีที่ทำให้เรารู้ถึง Step การทำงานจากแบรนด์แล้วสามารถนำมาใช้ต่อยอดได้
๐ TikTok Creator - มีผู้ติดตามเกิน 1,000 ก็สามารถติดตะกร้า ทำคลิปขายสินค้ารับค่าคอมได้
๐ Live - มีหลายรูปแบบ ทั้ง ไลฟ์ขายของ , ไลฟ์ขอของขวัญ , ไลฟ์สตรีม ติดดาว
๐ Mission- ทำภารกิจสะสมเหรียญไปเรื่อย ๆ
.
4.Fast Work
แอปขวัญใจฟรีแลนซ์ เป็นตัวกลางหางานระหว่างฟรีแลนซ์กับผู้จ้าง สำหรับใครที่อยากมีงานเสริม กรอกข้อมูล ใส่ผลงาน เรทราคาไว้รอลูกค้า แนะนำให้กรอกรายละเอียดของเราให้ครบเพื่อป้องกันปัญหา เช่น ส่งงานภายในกี่วัน , กี่งานได้กี่ครั้ง , หรือรายละเอียดอื่นที่เป็นข้อยกเว้น
.
หลาย ๆ คนที่หางานเสริมใน Fast Work นอกจากได้เงินยังได้สกิลไปต่อยอดด้านอื่นด้วย บางคนอยู่ในองค์กรที่ไม่ดังมากแต่ได้ทำฟรีแลนซ์กับคนดังก็เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้ Port ก็เราน่าสนใจขึ้นไปอีก
.
5.Lemon8
เป็นการขายของผ่าน Affiliate แบบเนียน ๆ ด้วยการรีวิว ป้ายยาสิ่งที่ชอบ สิ่งที่สนใจ พอมีคนมาขอพิกัด ก็ลิงก์ไปที่ช่องทางซื้อสินค้าของเราได้เลย , สายรีวิว มีหลายช่องทางแบรนด์ยิ่งชอบ
.
6.Canva
นอกจากประโยชน์จากการเข้าไปใช้งาน ยังหารายได้ ได้ด้วย ⟶ “ขายผลงาน” ที่เราออกแบบเองผ่านแอป เพราะฟังก์ชันบางอันของ Canva ก็ต้องเสียเงินซื้อ และบางอันมีประโยชน์มากสำหรับบางสายอาชีพ คนจึงยอมจ่าย
.
เริ่มจากสมัครผ่าน Canva contributor กรอกข้อมูล แล้วเลือกรูปแบบผลงานที่เราอยากวางขาย เช่น ภาพ , เทมเพลต ตามความถนัด , แต่การสมัครขายผลงานผ่าน Canva ไม่ได้เปิดรับตลอด
.
7.Joylada
สายชอบเขียน ชอบอ่าน , เป็นแอปสำหรับเข้าไปอ่านนิยาย อยากให้มีคนอ่านเยอะ ๆ ต้องขยันโปรโมทหลายช่องทาง ส่วนใหญ่นักแต่งนิยายจะเน้นโปรโมทกันใน X , ได้เงินได้เหรียญที่ผู้อ่านส่งให้
.
8.ReadAWrite
ได้ทั้งเขียนนิยายและวาดการ์ตูน , มีระบบโดเนท รับของขวัญจากผู้อ่าน , ระบบหลังบ้านดูแลดี , สำหรับคนที่ชอบงานเขียนสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้
.
9.Meta
สร้างรายได้จากการรับชม , เป็น Influence รีวิวสินค้า , โพสต์ขายหรือสร้างกลุ่มขายสินค้าของตัวเองหรือขายผ่าน Marketplace (เด่นเรื่องของมือ 2) , ป้ายยา ทำ Affiliate , เป็น Creator มีรายได้จาก Fan Support ส่งดาว ส่งของขวัญให้
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
.
#Business 
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน

ชีวิตในฝัน 🌿🏡 ปลูกผักกินเอง ใช้ชีวิตพอเพียง

ชีวิตในฝัน 🌿🏡 ปลูกผักกินเอง ใช้ชีวิตพอเพียง อยู่กับครอบครัวที่รัก ไม่ต้องแข่งกับใคร แค่นี้ก็สุขใจแล้ว 💚✨
📗 บ้านโคก–สวนเกษตรผสมผสาน ตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ น้ำ–ผัก–ผลไม้–สัตว์ ครบจบในแปลงเดียว 💧🥬🥚🐟

🟢 ภาพรวม
🔸 บ้าน ตั้งบนเกาะกลาง สระน้ำ มีทางเดินข้ามน้ำไป-กลับ สงบ ร่มรื่น

🔸 ริมสระมี ศาลาพักผ่อน 2 จุด เป็นลานนั่งเล่นของครอบครัว

🔸 รอบบ้านปลูก ผลไม้นานาชนิดรอบบ้าน และ ปลูกผลไม้ตามแนวคลอง เพิ่มร่มเงา-รายได้

🔸 ฝั่งซ้ายปลูก มะพร้าวตามแนวคลอง เป็นแนวกันลมและแหล่งอาหารถาวร

🔸 ด้านขวาของสระเป็น บ่อเลี้ยงปลา เสริมโปรตีนและรายได้รอบจับ

🔸 โซนล่างซ้ายเป็น แปลงผักรายได้รายสัปดาห์, โซนล่างขวาเป็น แปลงผักรายได้รายวัน

🔸 ใต้ซ้ายมี เล้าเป็ดไข่ (บ่อกลม) ให้ไข่สดทุกวัน

🔸 แนวทางเข้ากลางสวนปลูก ผักหวานตามแนวถนน เป็นรั้วกินได้และสร้างร่มเงา

🔸 ด้านขวาบนมีสวน มะนาว เป็นไม้ผลเศรษฐกิจตามฤดูกาล

🔸 ท้ายแปลงด้านล่างวาง คลองส่งน้ำไส้ไก่ กระจายน้ำให้แปลงผักทั้งสองฝั่ง
.
🔰 เพราะน้ำคือชีวิต 💧
▪ สระน้ำรอบเกาะบ้านเป็นหัวใจ → ส่งน้ำเลี้ยง บ่อเลี้ยงปลา และซึมเข้าร่องแปลงผัก ซ้ำด้วย คลองส่งน้ำไส้ไก่ ด้านล่าง ช่วยกระจายความชุ่มชื้นทั้งสวน และลดระยะรดน้ำให้สั้นที่สุด
.
🔰 ผัก = เงินสดประจำ 🥬
▪ แปลงผักรายได้รายวัน (ขวาล่าง) ตัดเช้า–ขายเช้า

▪ แปลงผักรายได้รายสัปดาห์ (ซ้ายล่าง) วางคิวเก็บให้สลับรอบ ไม่ชนแรงงาน

▪ ผักหวานตามแนวถนน เก็บยอดเป็นรายได้เสริมและเป็นแนวร่มเงา
.
🔰 ปศุสัตว์ครบวงจร 🐟🦆
▪ เลี้ยงปลา ในบ่อริมสระ จับเป็นรอบ เพิ่มโปรตีนครัวเรือน

▪ เล้าเป็ดไข่ ให้ไข่รายวัน มูลเป็ดหมักเป็นปุ๋ยรดโคนไม้ผลและผัก
.
🔰 ผลไม้ & แนวร่มเงา 🍋🥥🍌
▪ มะนาว แปลงเศรษฐกิจฝั่งขวา เก็บตามฤดูกาล

▪ ผลไม้ตามแนวคลอง และ ผลไม้นานาชนิดรอบบ้าน ช่วยกันลม-ให้ร่มและผลกินได้

▪ มะพร้าวตามแนวคลอง ใช้กิน ดื่ม และทำผลิตภัณฑ์เสริม
.
🔰 กระแสรายได้หลายจังหวะ 💰
▪ รายวัน : ผักใบฝั่งขวา, ไข่เป็ด

▪ รายสัปดาห์/ปักษ์ : ผักแปลงยาวฝั่งซ้าย, ผักหวานแนวถนน

▪ รายรอบ/ฤดูกาล : ปลา, มะนาว, มะพร้าว และผลไม้คละรอบบ้าน
.
🔰 วงจรรีไซเคิลทรัพยากร ♻️
▪ เศษผัก–ใบไม้–ตะกอนจากบ่อ/เล้าเป็ด → กองปุ๋ยหมัก–น้ำหมักชีวภาพ → กลับสู่แปลงผัก–มะนาว–ผลไม้แนวคลอง ลดปุ๋ยเคมีและรักษาหน้าดิน
.
🔰 สัดส่วนพื้นที่ (ประเมินจากภาพ) 30 : 0 : 55 : 15 📏
▪ หนอง/สระ ~30% : สระรอบเกาะ + บ่อปลา + คลองไส้ไก่

▪ นา ~0% : (พื้นที่ภาพนี้ไม่มีแปลงนาในเขตสวน)

▪ โคก/สวน–ผัก–สัตว์ ~55% : ผักรายวัน/สัปดาห์, มะนาว, ผลไม้รอบบ้าน/แนวคลอง, เล้าเป็ด

▪ อยู่อาศัย–ทาง–ศาลา ~15% : บ้านกลางสระ, ศาลาพักผ่อน, ทางหลักเข้าพื้นที่
.
🔰 เศรษฐกิจพอเพียง: 3 ห่วง 2 เงื่อนไข 🧭
▪ พอประมาณ : ขนาดสระ–จำนวนแปลง–เล้าสัตว์พอดีกับแรงงานในบ้าน

▪ มีเหตุผล : วางผังตามทางน้ำ/ทิศลม (คูไส้ไก่คั่นแปลง, ผักชิดน้ำ, ไม้ผลเป็นแนวกันลม)

▪ ภูมิคุ้มกัน : หลายชนิดพืช หลายรอบเก็บ ลดเสี่ยงราคาและฤดูกาล

▪ ความรู้ : ออกแบบยกร่อง–คูไส้ไก่, จัดปฏิทินปลูก–เก็บ, ทำปุ๋ยหมัก/น้ำหมัก

▪ คุณธรรม : ซื่อสัตย์คุณภาพ ขายเป็นธรรม แบ่งปันพันธุ์/ความรู้กับชุมชน
.
🔰 เช็กลิสต์ลงมือ ✅
▪ ทำปฏิทินใช้น้ำ–เพาะปลูก ให้ผักรายวัน/รายสัปดาห์สลับรอบกับมะนาวและรอบจับปลา

▪ ตั้งกองปุ๋ยหมัก รับเศษผัก–ตะกอนจากเล้าเป็ด ก่อนนำกลับลงแปลง

▪ เดินน้ำหยด/มินิสปริงเกอร์ ให้แปลงผักและมะนาวทุกบล็อก

▪ ปลูกไม้ผลแนวคลอง/แนวถนน เติมช่วงโหว่ให้เป็นแนวร่มเงาต่อเนื่อง

▪ บันทึกต้นทุน–ผลผลิตรายโซน (รายวัน/สัปดาห์/รอบจับ/ฤดูกาล) ปรับแผนปลูกตามออเดอร์
.
แปลงนี้เชื่อม สระน้ำ–คูไส้ไก่–ผักรายวัน/รายสัปดาห์–เล้าเป็ด–ปลา–มะนาว–ผลไม้แนวคลอง เป็นระบบเดียวตามเกษตรทฤษฎีใหม่ อยู่พอดี กินดี เหลือขาย และยั่งยืนครับ 🌱✨
.
ภาพและบทความโดย : วีดีโอ เกษตร

#วีดีโอเกษตร #เกษตรพอเพียง #พอเพียง #เกษตรผสมผสาน #เกษตรทฤษฎีใหม่ #โคกหนองนา #โคกหนองนาโมเดล

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ประเภทของเซนเซอร์ในระบบเครื่องยนต์ ที่ทำหน้าที่ตรวจจับค่าต่าง ๆ เพื่อส่งข้อมูลให้กล่อง ECU ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ภาพนี้แสดงประเภทของเซนเซอร์ในระบบเครื่องยนต์ ที่ทำหน้าที่ตรวจจับค่าต่าง ๆ เพื่อส่งข้อมูลให้กล่อง ECU ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
1. MAP (Manifold Absolute Pressure Sensor) – เซนเซอร์วัดแรงดันในท่อร่วมไอดี ใช้ควบคุมปริมาณเชื้อเพลิงและการจุดระเบิด
2. TPS (Throttle Position Sensor) – เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นปีกผีเสื้อ ตรวจจับการเร่งของเครื่องยนต์
3. MAF (Mass Air Flow Sensor) – เซนเซอร์วัดอัตราการไหลของอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ เพื่อปรับส่วนผสมเชื้อเพลิง
4. KNOCK Sensor – เซนเซอร์ตรวจจับการเขกของเครื่องยนต์ (Detonation) เพื่อป้องกันการน็อค
5. CKP (Crankshaft Position Sensor) – เซนเซอร์ตำแหน่งเพลาข้อเหวี่ยง ใช้ตรวจจับรอบเครื่องยนต์ (RPM)
6. CMP (Camshaft Position Sensor) – เซนเซอร์ตำแหน่งเพลาลูกเบี้ยว ใช้ควบคุมจังหวะการจุดระเบิดและการฉีดน้ำมัน
7. ECT (Engine Coolant Temperature Sensor) – เซนเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ใช้ในการควบคุมจังหวะการจุดระเบิดและการจ่ายน้ำมัน

**หน้าที่รวมของเซนเซอร์เหล่านี้**

* ปรับสัดส่วนอากาศกับเชื้อเพลิงให้เหมาะสม
* ควบคุมการจุดระเบิดให้ตรงจังหวะ
* เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมัน
* ลดการปล่อยมลพิษ

---

🇬🇧 Explanation in English

This image shows different **car engine sensors** that measure various engine parameters and send data to the ECU (Engine Control Unit) for efficient control of the engine.

1. MAP (Manifold Absolute Pressure Sensor) – Measures air pressure inside the intake manifold to control fuel injection and ignition timing.
2. TPS (Throttle Position Sensor) – Detects throttle opening angle to control acceleration.
3. MAF (Mass Air Flow Sensor) – Measures the amount of air entering the engine to balance the air-fuel ratio.
4. Knock Sensor – Detects engine knocking or detonation to prevent engine damage.
5. CKP (Crankshaft Position Sensor) – Measures the crankshaft position and engine speed (RPM).
6. CMP (Camshaft Position Sensor) – Detects camshaft position for proper ignition and fuel injection timing.
7. ECT (Engine Coolant Temperature Sensor) – Monitors coolant temperature to adjust ignition timing and fuel mixture.

**Main Functions of These Sensors**

* Maintain optimal air-fuel ratio
* Ensure precise ignition timing
* Improve fuel efficiency and performance
* Reduce harmful emissions

---

#CarSensors #EngineControl #AutomotiveEngineering #MAPSensor #MAFSensor #TPSSensor #CKPSensor #CMPSensor #KnockSensor #ECTSensor #EnginePerformance #VehicleTechnology

ระดับของพีระมิด

🪜 ระดับของพีระมิด
🔹 1. Research (ค้นคว้า) — ฐานพีระมิด
เครื่องมือสำหรับค้นคว้าข้อมูล, สรุปเนื้อหา, ตอบคำถาม, วิเคราะห์ และวางแผน
เครื่องมือในกลุ่มนี้:
ChatGPT — แชทบอทอัจฉริยะ ตอบคำถาม วางแผน สรุปเนื้อหา

Grok — AI ของ X (Twitter) สำหรับค้นหาคำตอบเชิงลึกแบบสนทนา

DeepSeek — AI สำหรับค้นคว้าและวิเคราะห์เอกสาร

Claude — AI ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและปลอดภัย เหมาะกับสรุปเอกสารยาว ๆ

Perplexity — AI สำหรับค้นหาข้อมูลแบบรวดเร็ว พร้อมอ้างอิงแหล่งที่มา

🔹 2. AI Video (วิดีโอ AI)
เครื่องมือสร้างและตัดต่อวิดีโอด้วย AI ทำงานเร็วขึ้นแม้ไม่มีพื้นฐานการตัดต่อ
เครื่องมือในกลุ่มนี้:

RecCloud — สร้างวิดีโอและเพิ่มซับไตเติ้ลอัตโนมัติ

Runway — แก้ไขวิดีโอ สร้างวิดีโอจากข้อความ (text-to-video)

Veed — ตัดต่อวิดีโอออนไลน์ง่าย ๆ พร้อมฟีเจอร์อัตโนมัติ

Invideo — สร้างวิดีโอสำหรับคอนเทนต์โซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว

🔹 3. Design (ออกแบบ)
เครื่องมือสำหรับออกแบบกราฟิก ภาพประกอบ UI/UX และภาพสร้างสรรค์
เครื่องมือในกลุ่มนี้:

Canva — ออกแบบกราฟิกง่าย ๆ ด้วยเทมเพลตสำเร็จรูป

Figma — เครื่องมือออกแบบ UI/UX แบบร่วมมือกันแบบเรียลไทม์

Midjourney — สร้างภาพสวยงามจากข้อความ (text-to-image)

🔹 4. Management (บริหารจัดการ)
เครื่องมือช่วยจัดการงาน วางแผนโครงการ และติดตามงานอย่างเป็นระบบ
เครื่องมือในกลุ่มนี้:

Notion — จัดระเบียบงาน เอกสาร บันทึก และโปรเจกต์ต่าง ๆ

HubSpot — เครื่องมือ CRM สำหรับติดตามลูกค้าและบริหารการขาย

🔹 5. Writing Code (เขียนโค้ด) — ยอดพีระมิด
เครื่องมือช่วยเขียนโค้ด ตรวจสอบ และแนะนำโค้ดแบบอัตโนมัติ
เครื่องมือในกลุ่มนี้:

Cursor — Editor ที่มี AI ช่วยเขียนโค้ด แก้ไข และสร้างโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว

5 เทคนิค! เด็กญี่ปุ่น "ฟิตทั้งเกม" วิ่งไม่มีหมด

⚽️ 5 เทคนิค! เด็กญี่ปุ่น "ฟิตทั้งเกม" วิ่งไม่มีหมด
เคยสงสัยไหมครับว่า...

ทำไมเด็กญี่ปุ่น "วิ่งได้ยันนาทีสุดท้าย"

ทั้งที่บางคนตัวเล็กกว่าเด็กไทยด้วยซ้ำ?

คำตอบคือ... 

เขาไม่ได้ "ซ้อมให้เหนื่อย"

แต่ "ซ้อมให้ร่างกายและจิตใจพร้อมรับความเหนื่อย"

มาดูกันครับว่า 5 เทคนิค

ที่ทำให้เด็กญี่ปุ่น "ฟิตทั้งเกม" มีอะไรบ้าง 

✅ 1. "ฟิตสมอง" ก่อนฟิตร่างกาย

เด็กญี่ปุ่นไม่ได้เริ่มซ้อมด้วยการวิ่งทันที

แต่เริ่มจาก "ตั้งสติและตั้งเป้าหมาย" ว่าวันนี้จะฝึกอะไร

เพราะเขารู้ว่า "ร่างกายจะล้าได้ แต่ใจต้องไม่ล้า"

เมื่อจิตใจพร้อม ร่างกายจะตอบสนองได้เต็มที่

❌ ต่างจากเด็กไทยบางคน 

ที่เริ่มซ้อมแบบรีบๆ วิ่งตามเพื่อนโดยไม่รู้ว่าซ้อมเพื่ออะไร

สุดท้ายเหนื่อยก่อนเวลา 

เพราะใจไม่ได้อยู่กับสิ่งที่ทำ

✅ 2. "ใช้หัวใจ" แทนแรงขา

เด็กญี่ปุ่นซ้อมให้ "ใจสู้ก่อนขาจะหมดแรง"

พวกเขาเรียนรู้ "วิธีคุมลมหายใจ" 

และ "ควบคุมจังหวะตัวเอง"

ไม่ใช่แค่เร่งตอนต้น แล้วแผ่วตอนท้าย

แต่รู้จัก "ประคองแรง" ให้เล่นได้ทั้งเกม

❌ ต่างจากเด็กไทยบางคน 

ที่วิ่งแรงตั้งแต่นาทีแรก เหมือนจะชนะแต่ต้นเกม

พอถึงครึ่งหลัง กลายเป็นแค่ "เงา" ของตัวเอง

✅ 3. "ฟื้นฟูทุกวัน" เหมือนนักกีฬาอาชีพ

หลังซ้อม เด็กญี่ปุ่นไม่กลับบ้านไปเฉยๆ

แต่ยืดกล้ามเนื้อ จัดอาหาร 

และพักผ่อนอย่างมีระบบ

เพราะเขามองว่า "การพักคือส่วนหนึ่งของการซ้อม"

ไม่ใช่รางวัลหลังเหนื่อย

❌ ต่างจากเด็กไทยบางส่วน 

ที่ซ้อมเสร็จแล้วก็กินขนม นั่งเล่นมือถือจนดึก

พอตื่นเช้ามา… ยังไม่ทันเริ่มซ้อมก็เพลียแล้ว

✅ 4. "ฟังร่างกาย" ตัวเองทุกวัน

เด็กญี่ปุ่นเรียนรู้ที่จะ "รู้ทันความล้า"

ถ้าวันไหนรู้สึกเจ็บ เขาจะบอกโค้ชทันที

ไม่ฝืน ไม่โชว์เก๋า 

เพราะเขารู้ว่าฝืนวันนี้ = พังระยะยาว

❌ ต่างจากเด็กไทยหลายคน 

ที่เด็กกลัวโดนว่า "อ่อน"

เลยกัดฟันเล่นต่อทั้งที่เจ็บ 

แล้วสุดท้ายต้องหยุดซ้อมยาว

✅ 5. ฝึกให้ "ใจไม่หมด" ก่อนแรงหมด

เด็กญี่ปุ่นเข้าใจว่า... 

"เกมไม่ได้ชนะที่ร่างกายเท่านั้น"

แต่ชนะที่ "ใจไม่ถอย" ตอนคนอื่นเริ่มหมดแรง

พวกเขาฝึกให้คิดว่า 

"ตอนนี้คือจุดที่คนอื่นหยุด แต่เราจะไปต่อ"

จึงมักเป็นคนที่ "ยังวิ่งอยู่ตอนที่คนอื่นหยุดแล้ว"

❌ ต่างจากเด็กไทยบางคน 

ที่พอเหนื่อยก็ลดความเร็วลงทันที

โดยไม่รู้ว่า "จังหวะนั้นแหละ" คือช่วงที่เกมกำลังเปลี่ยน

📌 แชร์โพสต์นี้ให้เด็กไทยได้เห็นว่า...

"ฟิต" ไม่ได้แปลว่า "วิ่งเยอะ"

แต่คือ "รักษาคุณภาพของเกมได้จนจบ"

💥 เริ่มเปลี่ยนได้ทันที!

✅ ซ้อมให้ใจอยู่กับเกมตลอดเวลา

✅ ฟังร่างกายตัวเอง แต่ไม่ยอมแพ้ง่าย

✅ และพักให้ดีเหมือนนักกีฬาอาชีพ

ใครเริ่มดูแลตัวเองแบบนี้ก่อน…

จะ "ฟิตกว่า" แบบไม่ต้องฝืน

#เล่นเก่งเล่นเป็น #บอลไทยNextGen ⚽️🇹🇭🇯🇵 

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

ถ้าโพสต์นี้ทำให้คุณ "เห็นมุมมองใหม่" ในการฝึกความฟิต

"กดแชร์" เพื่อส่งต่อหลักคิดนี้

ไปช่วยพัฒนา "นักเตะหัวใจเหล็ก" ของไทย

ให้วิ่งได้ไม่มีหมดนะครับ! 🙂

– ณัฐพันธ์ ปิ่นทวีเกียรติ (นัท) –
จากนักเขียนธรรมะล้านเล่ม สู่ผู้ก่อตั้งเพจ Balldeksiam และผู้สร้างสรรค์ซีรีส์ "เจริญสติการเงิน" ที่ MThai

#เจแปนเวย์ EP062

. . . . .

💎 ฝากติดตามซีรีส์ "เจริญสติการเงิน" (SatiMoney)

เพราะการแก้ปัญหาเงิน ... ต้องเริ่มที่ "ใจ"

👉 ติดตามผลงาน MThai (เวอร์ชั่นเต็ม) ทั้งหมดได้ที่: [https://mthai.com/author/nuttaphan]

#เจริญสติการเงิน #SatiMoney #MThai 

. . . . .

📣 เปิดรับโอกาสใหม่ๆ!

ถ้าคุณอยากติดต่อโฆษณา / สนับสนุนเพจ / อยากชวนทำงานดีๆ ด้วยกัน / จ้างไปดูบอลกับเด็กๆ (พร้อมผู้ปกครอง) หรือแม้แต่งานอื่นที่ไม่เกี่ยวกับบอลเด็กก็ยินดีครับ

พูดคุยรายละเอียดกันได้ทาง LINE: karmanatta ครับ

ขอบพระคุณมากครับ 🙏

. . . . .

ฝากติดตามเพจ
👉 "Balldeksiam คัมภีร์ฟุตบอลเด็กสยาม"

ปลุกพลังบอลเด็กไทยด้วยสไตล์ "เจแปนเวย์"

พ่อแม่ ครู โค้ช และนักเตะตัวจิ๋ว … ไม่ควรพลาด!

⚽️ และอย่าลืม กด Subscribe ช่อง YouTube: Balldeksiam ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/@Balldeksiam

. . . . .

#บอลเด็กสยาม #BallDekSiam #คัมภีร์ฟุตบอลเด็กสยาม #บอลไทย #บอลไทยไปบอลโลก #สอนฟุตบอลเด็ก #โค้ชบอลเด็ก #ฝึกซ้อมฟุตบอลเด็ก #พัฒนาทักษะฟุตบอลเด็ก #แรงบันดาลใจฟุตบอลเด็ก #อะคาเดมี่ฟุตบอล #ฟุตบอลไทย #ฟุตบอลเด็ก #ฟุตบอลเยาวชน #ไทยลีก #เจลีก #ThaiLeague #JLeague #ThaiFootball #JapaneseFootball

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568

7 ขั้นตอน สู่การรับงานภาครัฐ


สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่อยากเป็นคู่ค้าภาครัฐ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร? ทีม Business Growth Advisors จาก ลีซ อิท สรุปมาให้แล้ว...
 
1. ผู้ประกอบการที่สนใจประมูลงานภาครัฐ ติดตามประกาศแจ้งข่าวผ่าน “ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ e-GP” ได้ที่ www.gprocurement.go.th/
2. ก่อนเข้าร่วมประมูล ผู้ประกอบการจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและเงื่อนไขว่าบริษัทของตนผ่านเกณฑ์ตาม TOR (Terms of Reference) หรือเอกสารกำหนดขอบเขตการดำเนินงานที่หน่วยงานนั้นจัดทำหรือไม่? เช่น ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ, ประสบการณ์ในการรับงานภาครัฐ และมูลค่างานภาครัฐที่เคยทำ เป็นต้น
3. ผู้ประกอบการจัดเตรียมเอกสารประกอบการยื่นประมูลเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณา ได้แก่
● ข้อเสนอด้านเทคนิค
● ข้อเสนอด้านราคา
● เอกสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เช่น สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล, สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ และสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เป็นต้น
 
นอกจากนั้น ยังต้องมีหลักประกันซอง เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการยื่นเสนอราคา ซึ่งจะมีการกำหนดให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เงินสด, เช็คที่ธนาคารสั่งจ่าย หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร เป็นต้น โดยมีมูลค่าของหลักประกันซองอยู่ที่ 5-10% ของมูลค่าโครงการ
 
ที่ ลีซ อิท เรามีบริการ E-Bidding เพื่อให้ลูกค้าสามารถยื่นซองประมูลได้โดยไม่ต้องวางหลักประกันเงินสดกับธนาคารเต็มจำนวน
 
4. เมื่อเอกสารเรียบร้อยแล้ว ให้ยื่นข้อเสนอตามรูปแบบและภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมีทั้งยื่นผ่านระบบ e-GP หรือยื่นซองไปที่หน่วยงานด้วยตนเอง
5. รอประกาศผลการพิจารณา บริษัทที่ชนะการประมูลจะทำการเซ็นสัญญาและอาจต้องมียื่นหนังสือการค้ำประกันผลงานตามที่หน่วยงานกำหนด หากแพ้การประมูล จะได้รับหลักประกันซองประมูลคืนทันทีหลังประกาศผู้ชนะ
6. การรับงานภาครัฐจะมีการส่งมอบงานเป็นงวด ๆ หรือแบบส่งครั้งเดียว ผู้ประกอบการจะต้องส่งมอบงานให้ครบถ้วนและตรงเวลา 
7. เมื่อส่งมอบงานครบถ้วนทุกงวดแล้ว และพ้นระยะเวลาการรับประกันผลงาน บริษัทจะต้องทำหนังสือเพื่อขอหลักประกันผลงาน
 
ผู้ประกอบการที่ไม่มีประสบการณ์ในการรับงานภาครัฐและไม่มีเงินทุนมากพอ สำหรับใช้เป็นหลักประกันซองหรือใช้สำหรับดำเนินงานภายในโครงการ สามารถขอรับคำปรึกษาและรับบริการสินเชื่อธุรกิจ จาก ลีซ อิท เราพร้อมเติมเต็มทุกโอกาสทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ
 
“ลีซ อิท” ผู้นำด้านสินเชื่อเพื่อคู่ค้าภาครัฐยาวนานมากกว่า 19 ปี ให้บริการสินเชื่อ SMEs ไปแล้วกว่า 4,100 ราย และสนับสนุนเงินทุนไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาททั่วประเทศ เชื่อถือได้ด้วยการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai
 
สมัครสมาชิก รู้ผลเบื้องต้นทันที
Tel : 02-1634255 
Website : www.leaseit.co.th
 
*เงื่อนไขเป็นไปตามการพิจารณาของบริษัทฯ
**ลีซ อิท ให้บริการเฉพาะสินเชื่อธุรกิจเท่านั้น ไม่มีการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล โปรดระวังผู้แอบอ้างชื่อ โลโก้ และข้อมูลบริษัทไปใช้ในการหลอกลวง หากมีข้อสงสัย โปรดติดต่อบริษัทฯ โดยตรงทางหมายเลข 02-163-4255 หรือ email : info@leaseit.co.th

========================

Business Growth Advisors
ผู้ช่วยส่วนตัวทางการเงินให้ธุรกิจคุณ
บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน)
Lease It, Smart Biz-Mate
คู่คิดธุรกิจรุ่นใหม่
#ลีซอิททะยานได้ไกลกว่าTakeYouGoFurther #ลีซอิทคู่คิดธุรกิจรุ่นใหม่SmartBizMate #CashFlow #SME #ลีซอิท #LeaseIt #SmartBizMate #คู่คิดธุรกิจรุ่นใหม่ #BusinessGrowthAdvisors #สินเชื่อธุรกิจ #ตลาดหลักทรัพย์mai #ธุรกิจ #สินเชื่อเพื่อคู่ค้าภาครัฐ #ประมูลงานรัฐ #ประกวดราคา #จัดซื้อจัดจ้าง

💬 การมีมารยาทในการพูดคือ “คุณสมบัติของคนมีวุฒิภาวะ” 🌿

🪞

เพราะคำพูด…เป็นเหมือน “กระจกสะท้อนใจ”
มันบอกได้เลยว่า คน ๆ นั้น “เติบโต” ทางอารมณ์แค่ไหน
ไม่ใช่เรื่องของวุฒิการศึกษา ไม่ใช่ตำแหน่ง หรืออายุ
แต่มันอยู่ที่ “ความคิดก่อนพูด” และ “ความเคารพคนอื่นในระหว่างพูด” 🕊️

คนที่มีวุฒิภาวะทางคำพูด
ไม่ได้หมายถึงคนที่พูดเก่ง หรือพูดได้ทุกเรื่อง
แต่คือคนที่ “รู้จักเลือกคำ” และ “รู้จักจังหวะ” ที่จะพูด

พูดให้เกื้อกูลแทนจะทำร้าย
พูดเพื่อให้เข้าใจแทนจะเอาชนะ
พูดเพื่อยกคนขึ้น แทนที่จะกดคนอื่นลง

🗣️ บางคำพูด…อาจทำให้คนยิ้มทั้งวัน
แต่บางคำ…อาจทำให้เขาจำฝังใจไปทั้งชีวิต
เพราะฉะนั้น จงพูดอย่าง “มีสติ” และ “มีเมตตา”
ไม่ใช่พูดเพื่อตอบสนองอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง

ในองค์กรหรือในห้องเรียน
คนที่พูดดี…ไม่ได้แปลว่าประจบ
แต่คือคนที่ “รู้จักให้เกียรติ” และ “สื่อสารด้วยความเข้าใจ”

มารยาทในการพูด ไม่ได้ทำให้เราดูอ่อนแอ
แต่มันทำให้เราดู “สง่างาม” กว่าคนที่พูดโดยไม่คิดเสมอ 💛

🌿 เพราะคำพูด คือศิลปะของคนที่มีสติ
และ “มารยาททางคำพูด” คือรอยยิ้มของจิตใจคนมีวุฒิภาวะ

#คำพูดสะท้อนวุฒิภาวะ
#พูดดีมีคุณค่า
#พูดด้วยใจไม่ใช่อารมณ์
#มารยาททางคำพูดคือเสน่ห์ของคนฉลาด
#คนมีวุฒิภาวะจะไม่ใช้คำพูดทำร้ายใคร

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568

การวิเคราะห์ความบกพร่องของเครื่องจักร

ทำความรู้จัก"การวิเคราะห์ความบกพร่องของเครื่องจักร"ครับ

📍📍📍การวิเคราะห์ความบกพร่องของเครื่องจักร เป็นกระบวนการที่สำคัญในการบำรุงรักษา และเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรในอุตสาหกรรมต่างๆ กระบวนการนี้ช่วยให้สามารถระบุสาเหตุของปัญหา และป้องกันการหยุดทำงานของเครื่องจักรจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิต

ขั้นตอนการวิเคราะห์ความบกพร่องของเครื่องจักร
#การรวบรวมข้อมูล
-บันทึกข้อมูลการทำงานของเครื่องจักร เช่น เวลาทำงาน, อุณหภูมิ, ความดัน, และการสั่นสะเทือน
-บันทึกข้อมูลการบำรุงรักษาที่ผ่านมา เช่น การเปลี่ยนชิ้นส่วน, การซ่อมแซม, และการหล่อลื่น

#การตรวจสอบและวิเคราะห์
-ตรวจสอบเครื่องจักรด้วยสายตาเพื่อหาร่องรอยความเสียหาย เช่น รอยแตก, รอยสึกหรอ, และการรั่วไหล
-ใช้เครื่องมือวัดเพื่อตรวจสอบสภาพของเครื่องจักร เช่น เครื่องวัดการสั่นสะเทือน, เครื่องวัดอุณหภูมิ, และเครื่องมือวัดค่าความเยื่องศูนย์ของแกนเพลา

#วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมาเพื่อระบุสาเหตุของปัญหา และระบุสาเหตุของปัญหา
-การวิเคราะห์ค่าการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร เป็นการตรวจจับสัญญาณค่าการสั่นสะเทือน และใช้ข้อมูลประเมินสถานะและความผิดปกติของเครื่องจักร
-วิธีการวิเคราะห์ความบกพร่อง การวิเคราะห์อุณหภูมิ เปรียบเทียบอุณหภูมิที่วัดได้กับค่าอุณหภูมิปกติของเครื่องจักร วิเคราะห์แนวโน้มของอุณหภูมิเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ

#การดำเนินการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย
-ปรับปรุงกระบวนการบำรุงรักษา เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
-ฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้มีความรู้และทักษะในการบำรุงรักษาเครื่องจักร

“เปลี่ยนงานซ่อมบำรุงที่ยุ่งยาก และวุ่นนวายให้เป็นเรื่องง่าย”
ด้วยระบบบริหารจัดการงานซ่อมบำรุง เครื่องจักรแบบครบวงจร มาพร้อมคุณสมบัติ
👉Z-MPRO CMMS Platform ระบบจัดการงานซ่อมบำรุงแบบครบวงจร แจ้งซ่อมเครื่องจักร วางแผนงาน PM รองรับการเชื่อมต่อระบบ ERP พร้อมรองรับการทำ AI Predictive maintenance
👉Z-connect Connectivity Platform ระบบการเชื่อมต่อข้อมูลแบบครบวงจร ติดตั้ง sensor เชื่อมต่อกับ PLC, SCADA พร้อมกับเชื่อมต่อฐานข้อมูลออนไลน์
👉Z-PAP Predictive Analytics Platform ระบบที่ช่วยนำข้อมูลเครื่องจักรมาทำ Predictive maintenance ด้วยการใช้ AI และ ML โดยระบบออกแบบให้ใช้งาน ง่ายผ่านทางเว็บไซต์
👷สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
 โทร. 062-591-0082, 083-653-5442 
อีเมล admin@zycoda.com
https://bit.ly/WISSAWA2
#pump #เครื่องสูบน้ำ #ปั๊ม #การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ #predictivemaintenance #smartmaintenance #smartfactory #maintenance #factory #โรงงานอัจฉริยะ #ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรด้วยai #ตรวจสอบสภาพเครื่องจักร #ซ่อมบำรุงเครื่องจักร #วิศวกรชาวบ้าน

การเรียนรู้ประวัติศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning – IBL)

📌 การเรียนรู้ประวัติศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning – IBL) ซึ่งเป็นวิธีที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ความหมาย

การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ คือกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียน ตั้งคำถาม สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และสร้างความเข้าใจด้วยตนเอง ครูทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แนะแนวทาง ให้คำปรึกษา และจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
 • เน้น “ถาม-ค้น-คิด-สรุป”
 • ช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และเชื่อมโยงความรู้ประวัติศาสตร์เข้ากับชีวิตจริง

2. ขั้นตอนการสอนแบบ Inquiry-Based Learning

โดยทั่วไปสามารถจัดเป็น 5 ขั้นตอนหลัก (บางแหล่งอาจใช้ 4-6 ขั้นตอน แต่แก่นหลักเหมือนกัน)

2.1 การตั้งคำถาม (Questioning)
 • ครูกระตุ้นให้ผู้เรียนตั้งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ บุคคล หรือปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์
 • ตัวอย่างคำถาม:
 • “ทำไมกรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่า?”
 • “การปฏิรูปการปกครองสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลต่อชีวิตประชาชนอย่างไร?”
 • คำถามควรเปิดกว้าง (Open-ended) ไม่ใช่ถามเพื่อให้ตอบถูก-ผิดเพียงอย่างเดียว

2.2 การเก็บข้อมูล/สืบค้น (Investigating)
 • ผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น:
 • เอกสารทางประวัติศาสตร์ หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต
 • พิพิธภัณฑ์ ภาพถ่าย แผนที่ จดหมายเก่า
 • ครูแนะนำวิธีประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล

2.3 การวิเคราะห์และตีความ (Analyzing & Interpreting)
 • ให้ผู้เรียน สังเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อหาคำตอบ
 • ฝึกการเชื่อมโยงเหตุ-ผล เช่น:
 • เหตุการณ์ทางการเมือง → ผลกระทบต่อสังคม
 • เหตุการณ์ในอดีต → บริบทของยุคสมัย

2.4 การสรุปความรู้ (Drawing Conclusions)
 • ผู้เรียนสรุปคำตอบของตนเองจากหลักฐานและวิเคราะห์ที่ทำไว้
 • สามารถนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ เช่น:
 • รายงานสั้น
 • การอภิปรายกลุ่ม
 • โปสเตอร์หรือ Mind Map

2.5 การสะท้อนผล (Reflection)
 • ผู้เรียนสะท้อนว่า:
 • เรียนรู้อะไรจากกระบวนการนี้
 • การเข้าใจประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปอย่างไร
 • สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตหรือสังคมปัจจุบันได้อย่างไร

3. ตัวอย่างกิจกรรม IBL ในห้องเรียนประวัติศาสตร์

เรื่อง การเสียกรุงศรีอยุธยา 
 • กิจกรรม ผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารและแหล่งออนไลน์ วิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบ
 • ผลลัพธ์ที่ได้ เข้าใจความซับซ้อนของเหตุการณ์และมุมมองต่าง ๆ

เรื่อง การปฏิรูปการปกครองรัชกาลที่ 5 
 • กิจกรรม ผู้เรียนแบ่งกลุ่มศึกษาแต่ละด้าน เช่น การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา นำเสนอผล
 • ผลลัพธ์ที่ได้ พัฒนาการคิดเชิงวิเคราะห์และทักษะการทำงานเป็นทีม

เรื่อง บุคคลสำคัญในยุคสมัยต่าง ๆ 
 • กิจกรรม ตั้งคำถามว่า “เขามีบทบาทอย่างไรต่อชาติ?” สืบค้นหลักฐาน ประเมินความสำคัญ
 • ผลลัพธ์ที่ได้ ฝึกการประเมินหลักฐานและสร้างมุมมองส่วนตัว

4. ข้อดีของ IBL
 • ผู้เรียน มีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตัวเอง
 • พัฒนาทักษะ คิดวิเคราะห์ วิพากษ์ และแก้ปัญหา
 • ทำให้ผู้เรียน เข้าใจเหตุผลและบริบทของเหตุการณ์ ไม่ใช่แค่จำวันเวลา
 • เชื่อมโยงความรู้ประวัติศาสตร์กับ ชีวิตจริงและสังคมปัจจุบัน

#fblifestyle

ครูที่ใช่ จะไม่ต่อรองกับผู้บริหาร

✨ “ครูที่ใช่ จะไม่ต่อรองกับผู้บริหาร” ✨
เพราะครูที่ใช่…
ไม่ได้ทำงานเพื่อ “ผลประโยชน์”
แต่ทำเพื่อ “ผลลัพธ์” ของนักเรียน
เขาเข้าใจว่า หน้าที่ของครูคือ การสอนและสร้างคน
ไม่ใช่ต่อรองเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในจุดที่สบายที่สุด

ครูที่ใช่ จะไม่พูดว่า
“ทำไมต้องเป็นฉัน”
แต่จะพูดว่า
“ฉันจะทำอย่างไรให้งานนี้สำเร็จ”

เพราะครูที่แท้ ไม่วัดคุณค่าจากคำชมของผู้บริหาร
แต่จาก “แววตาของนักเรียน” ที่เปล่งประกายเมื่อได้เรียนรู้

แน่นอน… ผู้บริหารที่ดีควรเห็นและให้โอกาสครูที่ตั้งใจ
แต่ครูที่ใช่ จะไม่ยื่นเงื่อนไขเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
เพราะเขาเข้าใจว่า ความรับผิดชอบ ไม่ต้องการการต่อรอง

ครูที่ใช่ จึงไม่ต้อง “เรียกร้องให้ใครเห็นค่า”
เพราะ “คุณค่าของเขา” มันชัดเจนอยู่แล้ว
จากผลงานที่ทำ จากความทุ่มเทที่ส่งต่อ และจากศิษย์ที่เติบโตขึ้นทุกวัน 💛

#ครูที่ใช่ #หัวใจของความเป็นครู #ครูเพื่อศิษย์ #ครูด้วยหัวใจ

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เก่งอย่างเดียวไม่พอ! เปิด Soft Skill ที่องค์กรต้องการมากที่สุดในยุคดิจิทัล

Soft Skill คืออะไร? ทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ต้องมี พร้อมวิธีใส่ในเรซูเม่ให้ปัง
เก่งอย่างเดียวไม่พอ! เปิด Soft Skill ที่องค์กรต้องการมากที่สุดในยุคดิจิทัล
ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง “ความเก่งเชิงเทคนิคอย่างเดียวไม่พอ” อีกต่อไป หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า Soft Skill อย่างจริงจัง เพราะทักษะด้านนี้สะท้อนว่าเราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีแค่ไหน และนั่นอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ตัดสินว่า “คุณจะได้งานหรือไม่”


Soft Skill คืออะไร?
Soft Skill คือทักษะที่เกี่ยวข้องกับด้านพฤติกรรม ความคิด และอารมณ์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะนี้มีความแตกต่างจาก Hard Skill ซึ่งเป็นความรู้เชิงเทคนิค เช่น ความสามารถในการเขียนโค้ด การออกแบบ หรือการทำบัญชี Soft Skill จะเน้นไปที่สิ่งที่วัดผลได้ยากแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่น ทักษะการสื่อสาร ความรับผิดชอบ หรือความยืดหยุ่นในการทำงาน พูดง่าย ๆ ก็คือ Hard Skill ทำให้คุณ "ได้งาน" แต่ Soft Skill ต่างหากที่จะทำให้คุณ "อยู่รอดและเติบโต" ในหน้าที่การงาน

ตัวอย่าง Soft Skill ที่องค์กรต้องการมากที่สุด
ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ มองหาบุคลากรที่มี Soft Skill ที่หลากหลายและโดดเด่น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนทีมและบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้ นี่คือตัวอย่าง Soft Skill ที่เป็นที่ต้องการอย่างมาก

1. การสื่อสาร (Communication)
ความสามารถในการพูด การฟัง การเขียน หรือการอธิบายความคิดได้อย่างเข้าใจง่ายและชัดเจน เป็นพื้นฐานที่สำคัญของทุกอาชีพ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพช่วยลดความผิดพลาดและสร้างความเข้าใจที่ดีในการทำงานร่วมกัน

2. การทำงานเป็นทีม (Teamwork)
หมายถึงการรู้จักแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และพร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อนร่วมงาน การทำงานเป็นทีมที่ดีจะช่วยให้งานบรรลุผลสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น

3. การปรับตัว (Adaptability)
ทักษะนี้คือการมีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วโดยไม่แสดงอาการตื่นตระหนก ความสามารถในการปรับตัวเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

4. ความคิดเชิงวิเคราะห์ (Critical Thinking)
คือความสามารถในการมองปัญหาอย่างเป็นระบบ ใช้เหตุผลในการพิจารณาข้อมูล และคิดหาทางออกได้อย่างมีเหตุผลและรอบด้าน ทักษะนี้ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

5. ภาวะผู้นำ (Leadership)
ทักษะนี้ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่ตำแหน่งหัวหน้า แต่คือการกล้าที่จะริเริ่ม กล้าแสดงความรับผิดชอบ และสามารถชี้แนวทางที่ชัดเจนให้กับทีมได้ เพื่อให้ทุกคนมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

6. การบริหารเวลา (Time Management)
ความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญของงานได้ดี และสามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลาโดยไม่รู้สึกเร่งรีบ การบริหารเวลาที่ดีช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียด

7. ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
คือการเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น สามารถควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ใช้อารมณ์นำ การมี EQ ที่ดีช่วยให้ความสัมพันธ์ในการทำงานราบรื่นขึ้น

จะใส่ Soft Skill ในเรซูเม่อย่างไรให้ดูโดดเด่น
การใส่ Soft Skill ด้วยการ "ลิสต์รายชื่อ" แบบทั่ว ๆ ไป (เช่น Communication, Teamwork, Leadership) จะไม่ช่วยให้คุณมีความแตกต่างจากคนอื่น ควรใส่ในรูปแบบที่แสดงให้เห็นถึงการนำไปใช้จริงและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

ตัวอย่างการเขียนที่ดี:

Communication: เคยเป็นผู้ประสานงานโครงการระหว่างทีมดีไซน์และการตลาด ทำให้ลดเวลาในการส่งต่องานได้ถึง 30%
Teamwork: ร่วมทำงานกับทีมต่างแผนกเพื่อเปิดตัวแคมเปญใหม่จนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 15%
Leadership: ดูแลทีมขาย 5 คน และวางแผนกลยุทธ์รายเดือนจนสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง
เคล็ดลับสำคัญคือการใช้รูปแบบ “Soft Skill พร้อมผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง” จะทำให้นายจ้างเห็นภาพและเชื่อถือในทักษะของคุณได้มากกว่าการกล่าวอ้างลอย ๆ

Soft Skill ที่เหมาะกับแต่ละสายงาน
Soft Skill ที่จำเป็นจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของสายงาน:

สายครีเอทีฟ / การตลาด: ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การสื่อสาร (Communication), การแก้ปัญหา (Problem Solving)
สายไอที / โปรแกรมเมอร์: ความคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking), การปรับตัว (Adaptability), การทำงานร่วมกัน (Collaboration)
สายบริการลูกค้า / ฝ่ายขาย: ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy), การเจรจาต่อรอง (Negotiation), การบริหารเวลา (Time Management)
สายบริหาร / ผู้จัดการ: ภาวะผู้นำ (Leadership), การตัดสินใจ (Decision Making), ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
Soft Skill คือพื้นฐานของความเป็นมืออาชีพในยุคใหม่ เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งด้านเทคนิคแค่ไหน ถ้าหากขาดทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือการจัดการอารมณ์ ก็ยากที่จะเติบโตในองค์กรได้ การใส่ Soft Skill ลงในเรซูเม่จึงไม่ใช่แค่การ "บอกว่ามี" แต่ต้อง "แสดงให้เห็นว่าทำได้จริง" และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม


ยุคที่ 3 ของ E-Commerce กำลังมา เลิกหาปลา แล้วเลี้ยงปลาเองด่วน

1. สถานการณ์ปัจจุบันของ Flash Express ไม่ได้แย่หรือดีจนเกินไป ยังคงมีความหวังในการดำเนินธุรกิจอยู่นะคะ แต่สิ่งที่บริษัทกำลังเผชิ...