1. Backward Design
▪︎ อันนี้ครูหวานมี Aha moment ทันที เพราะเมื่อก่อนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย! หลักๆเลย แทนที่จะเริ่มจากคำถามที่ว่า ‘วันนี้จะสอนอะไรดี’ ให้เปลี่ยนเป็น ‘วันนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้อะไรจากเราไปบ้าง’
📌 เทคนิคนี้ เน้นให้เราตั้งเป้าหมายผลลัพธ์การเรียนรู้ หรือว่า Learning Outcomes ก่อนค่ะ จากนั้นก็ค่อยออกแบบวิธีประเมินผล และสุดท้ายก็ค่อยไปวางแผนกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้อง
.
2. Universal Design for Learning (UDL )
▪︎ ครูชอบ framework นี้มากกกก มันคือการจัดการเรียนรู้ให้เข้าถึงได้กับผู้เรียนทุกคนโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย โดยมี 3 หลักนี้ค่ะ
1. Multiple Means of Representation - มีภาพ เสียง ตาราง ตัวอย่างประกอบการสอน
2. Multiple Means of Action & Expression - จะมีวิธีให้นักเรียนตอบสนองหรือแสดงออกถึงสิ่งที่เรียนรู้ยังไง
3. Multiple Means of Engagement – เราจะมีวิธีกระตุ้นให้นักเรียนสนใจและมีแรงบันดาลใจในการเรียนยังไง
.
3. Small Teaching
▪︎ จริงๆ อันนี้ก็คือการเพิ่มกิจกรรมหรือเทคนิคเล็ก ๆ ที่ช่วยสร้างผลลัพธ์การเรียนและการมีส่วนร่วมค่ะ เช่น การทบทวนสั้น ๆ หรือว่าจะให้นักเรียนเดาคำตอบล่วงหน้าก่อนก็ได้
- ลองเริ่มคลาสด้วยคำถามเช็คความเข้าใจ 2–3 ข้อ
- ปิดคลาสด้วย “1-minute reflection” ให้นักเรียนเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้ไป
.
4. Scaffolding
▪︎ จริงๆ ครูหวานใช้อันนี้อยู่ตลอดเลย มันคือกระบวนการที่ครูให้ความช่วยเหลือเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้สิ่งที่ยากๆได้ด้วยตนเองให้ได้ พอนักเรียนทำได้ ครูจะค่อย ๆ ลดการช่วยเหลือ เมื่อผู้เรียนมีความสามารถทำได้เอง เอาง่ายๆ เปรียบเหมือน “นั่งร้าน” ที่ช่วยสร้างตึก เมื่ออาคารสร้างเสร็จ นั่งร้านก็จะถูกถอดออกไป
ครูอาจจะลองแบ่งงานยากให้เป็นส่วนเล็กๆ หรือให้ตัวอย่าง ให้คำใบ้ หรือสอนแกรมม่าเป็นภาษาไทย
.
5. Active Learning
▪︎ ครูผู้สอนควรให้ผู้เรียนได้ลงมือทำและคิดเอง เช่น เล่นเกม พูดคุย แสดงความเห็น ทำกิจกรรมแก้ปัญหา แทนที่จะนั่งฟังเฉย ๆ อาจจะให้ผู้เรียนทำงานเป็นคู่หรือกลุ่มเล็กบ่อย ๆใช้เกม หรือ Quiz เพื่อเช็คความเข้าใจ
.
6. Formative Feedback
▪︎ มันคือการให้ฟีดแบ็กเล็ก ๆ ระหว่างทาง อันนี้จะช่วยผู้เรียนได้แก้ไขก่อนถึงการสอบหรือประเมินครั้งใหญ่ เราอาจจะใช้ Peer Feedback ให้เพื่อนช่วยกันติชมงานก็ได้
.
7. Inductive & Deductive Teaching
▪︎ อันนี้ครูแอบอึ้งเลย เพราะเมื่อก่อนสอนแบบ Deductive มากกว่า Inductive
- Inductive ให้นักเรียนดูตัวอย่างแล้วให้เขาสรุปกฎเอง ให้เขาลองคิดเองก่อน
- Deductive ครูอธิบายกฎก่อน แล้วให้ทำแบบฝึกหัด
▪︎▪︎ เทคนิคก็คือ ▪︎▪︎
- ใช้ Inductive สำหรับเนื้อหาที่ต้องการให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์
- ใช้ Deductive เมื่อต้องการความชัดเจนรวดเร็ว เช่น สอนกฎไวยากรณ์
.
8. Cognitive Load Management
▪︎ สำหรับการสอนหนึ่งครั้ง อย่าใส่ข้อมูลมากเกินไป ครูควรแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนเล็ก ๆ และใช้สื่อช่วยค่ะ
.
9. Safe Space for Intellectual Risk-Taking
▪︎ ครูควรสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้นักเรียนรู้สึกว่าทำผิดได้ ไม่โดนล้อเลียน ทำให้กล้าลองและถามคำถาม
- ชมเชยเมื่อพยายาม แม้จะตอบผิด
- ครูเล่าเรื่องผิดพลาดของตนเองเพื่อสร้างบรรยากาศสบาย ๆค่ะ
.
10. Varied Assessment & Reflection
▪︎ ลองใช้การประเมินหลาย ๆ วิธี เช่น ทำ Quiz โครงงาน การเขียนสะท้อนความคิด พวก Journal ต่าง ๆ
- ให้ผู้เรียนสะท้อนสิ่งที่ทำได้ดีและสิ่งที่อยากพัฒนา
- สร้าง Rubric ที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้เรียนรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะผ่าน
✏️ คลาสนี้ทำให้ครูหวานได้เรียนรู้หลายอย่างและสามารถนำหลายเทคนิคมาปรับใช้กับการสอนออนไลน์ด้วย
ครูทุกคนสู้ๆนะคะ 💕
ที่มาเพจ ครูหวาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น