วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

นักเรียนทุกสาขา ควรเริ่มศึกษา AI

นักเรียนทุกสาขา ควรเริ่มศึกษา AI
ตั้งแต่ตอนนี้ ไม่สำคัญว่า
ต่อไปจะทำอาชีพอะไร
เพราะได้ใช้แน่ๆ
CEO ของ Nvidia แนะนำนักศึกษา วิธีใช้ AI ให้ทำงานได้ดีขึ้นทุกสาขาอาชีพ
หลายคนยังคิดว่า AI เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับโปรแกรมเมอร์ แต่จริงแล้ว AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ทุกสาขาอาชีพ
.
Jensen Huang CEO ของ Nvidia ให้ความเห็นในรายการ "Huge Conversations" ว่าหากเขาเป็นนักศึกษาในยุคนี้ สิ่งแรกที่จะทำคือ "เรียนรู้ AI" โดยเริ่มจากเครื่องมือเช่น ChatGPT และ Gemini Pro
.
การวิจัยจาก Harvard พบว่าเพียง 11% ของคนหนุ่มสาวอเมริกันที่ใช้ AI เป็นประจำ แต่ LinkedIn คาดการณ์ว่า 70% ของทักษะในงานจะเปลี่ยนแปลงเพราะ AI ภายในปี 2030
.
วิธีใช้ AI ให้เก่งกว่าคนอื่นมี 3 เทคนิคสำคัญ โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้
.
1. เรียนรู้การสื่อสารกับ AI อย่างมีศิลปะ เพราะการถามคำถามที่ดีคือกุญแจสำคัญ
"การเรียนรู้วิธีโต้ตอบกับ AI ไม่ต่างจากการเป็นคนที่เก่งในการถามคำถาม" การ prompt AI ต้องมีความชำนาญ ไม่ใช่การถามแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แทนที่จะถามว่า "เล่าเรื่องธุรกิจหน่อย" ควรถามว่า "ขั้นตอนแรกในการเปิดธุรกิจออนไลน์คืออะไร"
.
2. คิดถึง AI เหมือนเด็กฉลาดที่ต้องการบริบท เพื่อให้คำตอบที่ตรงจุดและมีประโยชน์
Kelly Daniel ผู้เชี่ยวชาญ AI prompt แนะนำให้คิดถึง chatbot เหมือน "เด็กฉลาดที่อยากทำให้คุณพอใจ แต่ไม่รู้บริบทเรื่องงานของคุณ" จัดระเบียบคำสั่งให้ชัดเจน แบ่งเป็นข้อๆ และใส่ตัวอย่างสิ่งที่ต้องการ
.
3. ถามตัวเองว่า AI จะช่วยงานได้อย่างไร ไม่ว่าจะสาขาอาชีพไหนก็ตาม
"หากผมเป็นนักศึกษาวันนี้ ไม่ว่าจะเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรืออาชีพไหน ผมจะถามตัวเองว่า 'จะใช้ AI ช่วยทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร'" การฝึกการ prompt และการถามคำถามที่ดีเป็นทักษะที่จะมีประโยชน์อีกหลายปีข้างหน้า
.
การใช้ AI ไม่ใช่การแทนที่ความสามารถมนุษย์ แต่เป็นการขยายขีดความสามารถให้ทำงานได้เร็วขึ้นและแม่นยำกว่า เมื่อคุณเริ่มฝึกใช้ AI เป็นผู้ช่วยที่ฉลาด ประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาอาชีพใดก็ตาม
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
.
#Business
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน
.
อ้างอิง
https://bit .ly/4jp034d

🔥 ความคิดแบบย้อนกลับ: กุญแจสู่ชีวิตที่มีความสุขและความสำเร็จ 🔥


💡 คุณกำลังใช้ชีวิตในแบบของตัวเองจริง ๆ หรือเปล่า?
หรือว่ายังคงติดอยู่ในกรอบความคิดเก่า ๆ ความกลัว และไม่กล้าก้าวไปบนเส้นทางที่แตกต่าง? 🤔
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงทุกวินาที แต่ในชีวิตนี้มีคนอยู่สองประเภท:
✅ คนที่มีความคิดเปิด – กล้าเปลี่ยนแปลง ไม่กลัวความท้าทาย มองความล้มเหลวเป็นบันไดสู่ความก้าวหน้า
❌ คนที่มีความคิดปิด – กลัวความเสี่ยง กลัวความผิดพลาด ยึดติดกับความคิดเดิม ๆ และไม่กล้าก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย
🔍 แล้วคุณล่ะ...อยู่ในกลุ่มไหน?
หากคุณยังคงสับสนและมองหาคำตอบ สองเล่มหนังสือเหล่านี้เกิดมาเพื่อคุณ:
📖 ความคิดแบบย้อนกลับ – ความสำเร็จที่ไม่เดินตามรอยเดิม 🚀
💡 กล้าคิดต่าง เพื่อก้าวกระโดดและสร้างจุดยืนที่เป็นของคุณเองในชีวิตนี้
📖 กุญแจสู่ความสำเร็จในโลกยุคใหม่ 🌍
💡 เรียนรู้ที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง ปรับความคิดอย่างยืดหยุ่น เพื่อพัฒนาตนเองและเส้นทางอาชีพ
🔹 ความคิดเป็นตัวกำหนดโชคชะตา
เมื่อคุณกล้าคิดต่าง ยอมรับความท้าทาย และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถควบคุมชีวิตและเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้
✨ ถ้าคุณโหยหาชีวิตที่มีความหมาย จงเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้!
🔖 #ความคิดแบบย้อนกลับ #ความคิดเปิด #ใช้ชีวิตให้สุด #ความสำเร็จนอกกรอบ #คิดต่างเพื่อเติบโต #เปลี่ยนเพื่อสำเร็จ #เรียนรู้ไม่หยุด #หนังสือดีที่ควรอ่าน

รหัสไฟกระพริบ 💡🖲️ ของสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์ที่หน้าปัด บอกอะไรได้บ้าง ⁉️

วิทยาทานความรู้ : 🚗 เกี่ยวกับ #รหัสไฟกระพริบ 💡🖲️ ของสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์ที่หน้าปัด บอกอะไรได้บ้าง ⁉️
.
1.หลอดไฟกระพริบสั้น 1 ครั้ง ให้ตรวจซ่อมระบบไฟฟ้าตัวตรวจจับความดันในท่อไอดี
2.หลอดไฟกระพริบสั้น 7 ครั้ง ให้ตรวจซ่อมระบบไฟฟ้าตัวตรวจจับอุณหภูมิน้ำมันเครื่องหรือน้ำหล่อเย็น
3 หลอดไฟกระพริบสั้น 8 ครั้งแสดงว้าเกิดปัญหาขึ้นที่ตัวตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง
4.หลอดไฟกระพริบสั้น 9 ครั้ง ให้ตรวจซ่อมระบบไฟฟ้าตัวตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง
4.หลอดไฟกระพริบสั้น 8 ครั้ง ต่อด้วบกระพริบสั่นอีก 9 ครั้ง ให้ตรวจซ่อมระบบไฟฟ้าตัวตรวจจับที่เรือนลิ้นเร่ง
5.หลอดไฟกระพริบยาว1 ครั้งตามด้วยกระพริบสัเน 1 ครั้งแสดงว่าเกิดปัญหาขึ้นที่ตัวจับความเร็วของรถทำงานบกพร่อง
6.หลอดไฟกระพริบยาว 1 ครั้ง ตามด้วยกระพริบสั้น 1 ครั้ง ให้ตรวจซ่อมวงตรไหห้าหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง
7.หลอดไฟกระพริบยาว 2 ครั้ง ตามด้วยสี้น 1 ครั้ง ให้ตรวจซ่อมวงจรไฟฟ้าตัวตรวจจับออกซิเจน
8.หลอดไฟกระพริบยาว 2 ครั้ง ตามด้วยกระพริบสี้น9ครั้ง ให้ตรวจซ่อมวงจรไฟฟ้าวาล์วควบคุมอากาศรอบเดินเบา
9.หลอดไฟกระพริบยาว 3 ครั้ง ตามด้วยกระพริบสั้น3ครั้ง ให้ตรวจซ่อมวงจรไฟฟ้ากล่องควบคุม(BCM)
10.หลอดไฟกระพริบยาว 5 ครั้ง ตามด้วยกระพริบสั้น4ครั้ง ให้ตรวจซ่อมวงจรไฟฟ้าตัวตรวจจับความเอียงของรถ
.
🤗 ฝากช่วยแบ่งปันความรู้เล็กๆ น้อยๆ ครับ สำหรับวิทยาทานความรู้ในครั้งนี้ 🙇

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ลำไส้ดี ชีวิตดี

1. ลำไส้ของเราคือศูนย์กลางสุขภาพที่ถูกมองข้าม
ลำไส้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องย่อยอาหาร แต่มันคือศูนย์บัญชาการที่เชื่อมโยงกับสุขภาพกายและใจ ทุกสิ่งที่เรากินไม่ได้ส่งผลแค่ที่กระเพาะอาหาร แต่ยังมีผลต่อภูมิคุ้มกัน อารมณ์ และพลังชีวิตของเราอีกด้วย การดูแลลำไส้จึงเป็นการดูแลสุขภาพโดยรวมที่สำคัญอย่างยิ่ง

2. จุลินทรีย์ในลำไส้คือเพื่อนที่ช่วยให้เรามีสุขภาพดี

ในลำไส้ของเรามีจุลินทรีย์นับล้านตัวที่คอยช่วยเหลือเรา เช่น การย่อยอาหาร การผลิตวิตามิน และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การรักษาสมดุลของจุลินทรีย์เหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญของสุขภาพ หากเราดูแลมันด้วยอาหารที่ดีและพฤติกรรมที่ถูกต้อง มันจะตอบแทนเราด้วยชีวิตที่แข็งแรง

3. อาหารที่เรากินคือสิ่งกำหนดชีวิตของลำไส้

อาหารที่ดีสำหรับลำไส้ไม่ใช่เพียงแค่รสชาติอร่อย แต่มันต้องเต็มไปด้วยไฟเบอร์และอาหารที่สนับสนุนจุลินทรีย์ที่ดี เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารหมักดอง ทุกครั้งที่คุณเลือกอาหาร คุณกำลังเลือกอนาคตของสุขภาพลำไส้ และสุขภาพโดยรวมของคุณเอง

4. ความเครียดส่งผลโดยตรงต่อลำไส้ของเรา

สมองและลำไส้มีการสื่อสารกันผ่านระบบประสาทที่เรียกว่า “gut-brain axis” ความเครียดทางใจสามารถส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ เช่น อาการท้องผูกหรือท้องเสีย การจัดการความเครียดไม่ใช่แค่เรื่องของสมอง แต่เป็นการปกป้องสุขภาพของลำไส้ด้วย

5. การย่อยอาหารคือปาฏิหาริย์ที่เรามองข้าม

กระบวนการที่ร่างกายย่อยอาหารและเปลี่ยนมันเป็นพลังงาน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในตัวเราโดยไม่รู้ตัว การรับรู้ถึงกระบวนการนี้ทำให้เราเห็นคุณค่าในสิ่งที่เรากิน และช่วยให้เราเลือกอาหารที่สนับสนุนสุขภาพของลำไส้ได้ดีขึ้น

6. ปัญหาลำไส้สะท้อนสุขภาพโดยรวม

อาการผิดปกติในลำไส้ เช่น ท้องอืด ท้องผูก หรือกรดไหลย้อน อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ใหญ่กว่า อย่ามองข้ามปัญหาเล็กๆ ในลำไส้ เพราะมันอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพระยะยาว การดูแลลำไส้จึงเป็นการป้องกันโรคในระยะยาวที่ทรงพลัง

7. ลำไส้ที่แข็งแรงคือกุญแจสู่ความสุข

การศึกษาพบว่าจุลินทรีย์ในลำไส้มีผลต่อการผลิตสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และความสุข การมีลำไส้ที่แข็งแรงจึงช่วยเสริมสร้างอารมณ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของโรคซึมเศร้า สุขภาพจิตและสุขภาพกายจึงเริ่มต้นได้จากการดูแลลำไส้

ข้อคิดจากหนังสือ
เคล็ดลับอายุยืนจากลำไส้
สั่งซื้อเล่มนี้ได้ที่
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.tXpDL?cc
Shopee : https://s.shopee.co.th/6V8R1QUN9d

ลำไส้ดี ด้วย Probiotic ของ Blackmore
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.uwycv?cc
Shopee : https://s.shopee.co.th/6V9Olkxk3y

วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

เก่งแค่ไหน...ไม่สำคัญเท่าทำได้แค่ไหน


ในโลกที่ใครๆ ก็สามารถพูดได้ทุกอย่างแต่ไม่ใช่ทุกคน....ที่จะลงมือทำจริง
หลายคนพยายามอธิบายว่า..
 "ตัวเองเก่งแค่ไหน"...แต่สุดท้าย กลับไม่มีผลงานอะไรให้จดจำ 
คนที่เก่งจริง มักไม่ต้องพูดมากเพราะผลงานจะเป็นคนพูดแทน..
"คำพูด" อาจสร้างภาพลักษณ์
แต่ "การกระทำ" เท่านั้นที่สร้างความเชื่อถือ...
อย่าหลงอยู่กับการรู้เยอะ แต่ไม่เคยลงมือ
อย่าภูมิใจว่า 
"เคยทำ" แต่ไม่เคย "สำเร็จ"
เพราะสุดท้าย คนที่ทำสำเร็จตามแผนอย่างเงียบๆจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริงในสนามชีวิต
จำไว้... คนรู้มาก ยังแพ้คนชำนาญ
คนทำเยอะ ยังสู้คนที่ทำสำเร็จไม่ได้…
#ชมรมลูกหลานศิษย์กวนอู

30 ข้อคิดจากหนังสือ จงคบค้ากับความร่ำรวย💰


.
ขอบคุณเนื้อหาจากช่องยูทูบ : Mission To The Moon
.
1. ให้เรามองว่าเงินคือบุคคล ถ้าเราหาเงินมาด้วยวิธีที่ผิดกฎหมาย (เปรียบเหมือนลักพาตัวคน) ในที่สุดเงินนั้นก็จะเล่นงานเจ้าของและหนีจากเราไป
.
2. ลงทุนกับผู้บริหารที่เก่งกว่าตัวเรา (จงลงทุนในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจเท่านั้น)
.
3. รายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่ารายได้ที่มาเป็นช่วง ๆ แบบไม่สม่ำเสมอ
.
4. เงินมีแรงดึงดูด ถ้าเราสามารถสร้างเงินก้อนแรกได้ เงินก้อนถัดไปจะสร้างง่ายขึ้น
.
5. ในจังหวะที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าเสี่ยงที่สุด กลับกลายเป็นจังหวะที่เสี่ยงน้อยที่สุด
.
6. ใช้เงินคนอื่นให้เหมือนใช้เงินของเราเอง
.
7. ยิ่งเราหวังจะรวยเร็ว เราจะยิ่งไม่รวยเร็ว เพราะเราจะโลภมากและจะขาดทุนจากความโลภนี่แหละ
.
8. อย่าไปเชื่อการคาดเดาจากผู้เชี่ยวชาญมากนัก
.
9. ให้เกียรติคนอื่นเสมอ
.
10. โชคที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอย่อมมาจากความสามารถ ความล้มเหลวสม่ำเสมอมักมาจากนิสัย
.
11. การที่คนบางคนสูญเสียเงินจำนวนมากเพราะเขาไม่มีเวลาให้กับเงินมากพอ (ไม่มีเวลาศึกษาเรื่องการเงิน)
.
12. การที่เราไม่ใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวมันก็ยังมีโอกาสเสียเงินจำนวนมาก เพราะเราเอาตะกร้าทุกใบวางไว้บนหิ้งเดียวกัน
.
13. ระหว่างลงทุนสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมากับลงทุนกับธุรกิจอื่นที่สำเร็จอยู่แล้ว เช่น การซื้อหุ้นของบริษัทนั้น ๆ อย่างหลังง่ายกว่าอย่างแรก
.
14. เลือกลงทุนในบริษัทที่อยู่ในอันดับหนึ่งในตลาด หรืออย่างมากก็อย่าเกินอันดับสอง
.
15. อย่าเอารายได้ในอนาคตมาใช้ในปัจจุบันเด็ดขาด
.
16. คนที่ได้รายได้จากหุ้นมีสามประเภท 1. ลงทุนด้วยเงินเย็น 2. คิดว่าตัวเองเป็นผู้บริหารตั้งใจสร้างบริษัทไปด้วยกัน 3. เฝ้าคอยหุ้นในราคาถูก
.
17. คนรวยคือคนที่มีบ้านของตัวเองโดยไม่ต้องผ่อนแล้ว มีรายได้เกินค่าเฉลี่ยของคนในประเทศ ไม่เดือดร้อนแม้ว่าจะไม่มีรายได้มาเพิ่ม
.
18. ทรัพย์สิน = เงินลงทุน x อัตรากำไร x ระยะเวลา
.
19. ถ้าอยากเพิ่มทรัพย์สินเราต้องมีความสามารถสี่ประการ 1. หาเงิน 2. เก็บเงิน 3. รักษาเงิน 4. ใช้เงินให้เป็น
.
20. อย่าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสงคราม อาวุธ ยาเสพติดหรือธุรกิจสีเทาต่าง ๆ
.
21. การประกันภัยไม่ใช่การออมเงิน แต่เป็นการป้องกันความเสี่ยง
.
22. เวลาไปไหนแล้วอยากได้ของใหม่ ๆ ให้คิดว่าไม่นานของสิ่งนั้นก็จะเป็นขยะในบ้านเรา
.
23. เวลาอ่านข่าววิเคราะห์เศรษฐกิจให้ระวังคนเขียนว่ามีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่
.
24. กฎ 5 ข้อ หากต้องการมีเงิน 100 ล้าน 1. มีความตั้งใจอยากจะเก็บเงินให้ได้ 100 ล้าน 2. เขียนประโยคการเก็บเงินให้ได้ 100 ล้านติดไว้บนโต๊ะ 3. เลิกใช้บัตรเครดิตสุรุ่ยสุร่าย 4. ทำบัญชีแยกประเภท 5. สร้างเงิน 10 ล้านให้ได้ก่อน
.
25. หนี้ที่ดีคือ 1. ไม่เอามาเพื่อการบริโภค 2. เรามีรายได้แน่นอนเพื่อจ่ายคืนหนี้ 3. สามารถนำเงินไปสร้างกำไรมากกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
.
26. เวทมนตร์ 7 ประการในการหาเงิน 1. ทิ้งนิสัยที่ทำให้เราไม่น่าคบ 2. อย่าลังเลที่ต้องขอความช่วยเหลือ 3. เสียสละเล็กน้อยเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ 4. บันทึกการลงทุนและความคิดที่เกิดขึ้น 5. มีเป้าหมายระยะยาว 6. อย่าคิดว่าเราจะต้องได้ความรักจากทุกคน 7. อย่าคิดว่าตัวเองมีเวลามากพอ
.
27. พนักงานบริษัทจะรวยได้มีสองวิธี 1. ทำงานอย่างจริงใจเหมือนเป็นกิจการเป็นของตัวเอง 2. เก็บเงินให้ได้มากกว่า 20% ของรายได้และนำเงินไปลงทุน
.
28. เราสามารถเจรจาต่อรองกับธนาคารได้
.
29. นักบัญชีไม่จำเป็นต้องเป็นนักลงทุนที่ดีเสมอไป
.
30. เกณฑ์การลงทุนที่ดีคือ 1. ถอยห่างจากงานที่หาเงินได้อย่างรวดเร็วเกินไป 2. อย่าลงทุนกับสิ่งที่ส่งผลเสียกับชีวิต 3. ไม่ทำงานที่ไม่ลงทุน 4. หาเงินซื้อเวลา 5. ไม่ไล่ตามซื้อ 6. หากลงทุนในภาวะวิกฤตให้ซื้อหุ้นตามมูลค่า 7. หุ้น 5 ปี อสังหาริมทรัพย์ 10 ปี 8. เลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นอันดับหนึ่งหรือสองเท่านั้น
.
จากหนังสือ : จงคบค้ากับความร่ำรวย 📖
🔷 
.
#อ่านเถอะวัยรุ่น #จงคบค้ากับความร่ำรวย #อยากให้อ่าน #คำคม

10 mindset ที่จะพาคุณไปสู่เส้นทางความสำเร็จ



1. คิดบวกเสมอ

คนรวยมักมองทุกปัญหาเป็นโอกาส พวกเขาไม่ยอมแพ้ แม้เผชิญกับความยากลำบาก พวกเขารู้ว่าแต่ละอุปสรรคคือลูกศรที่จะพาพวกเขาไปยังจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่กว่า เช่นเดียวกับ Elon Musk ที่ไม่ยอมให้ความล้มเหลวเป็นอุปสรรค เขายืนหยัดจนสร้าง Tesla และ SpaceX ให้เป็นจริง

2. ลงมือทำทันที

คนที่คิดจะประสบความสำเร็จไม่รอช้า พวกเขารู้ว่า “ลงมือทำ” คือกุญแจสู่ความสำเร็จ แม้จะไม่มีคำตอบที่สมบูรณ์แบบก็ตาม คุณลองนึกถึงคนที่เริ่มต้นจากศูนย์จนกลายเป็นคนรวยจริงไหมพวกเขาทำทุกอย่างที่พวกเขารู้ว่ามันสำคัญ อย่างเช่น Mark Zuckerberg ที่เริ่ม Facebook จากห้องนอนที่หอพักในมหาวิทยาลัย

3. เรียนรู้ไม่มีวันหยุด

คนรวยไม่หยุดเรียนรู้ พวกเขามองทุกอย่างเป็นบทเรียน แม้กระทั่งความล้มเหลว เมื่อคุณเปิดใจเรียนรู้ทุกวัน คุณจะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ เช่นเดียวกับ Warren Buffett ที่ไม่เคยหยุดหาความรู้ ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบของหนังสือหรือการเรียนรู้จากผู้อื่น

4. ล้มแล้วลุก

คนรวยไม่กลัวความล้มเหลว เพราะพวกเขารู้ว่าความล้มเหลวคือโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้น ถ้าคุณไม่เคยล้ม คุณจะไม่มีทางรู้ว่าอะไรคือบทเรียนที่สำคัญที่สุด เช่น Steve Jobs ที่ถูกไล่ออกจาก Apple แต่กลับมาเป็นผู้สร้างความสำเร็จใหญ่หลวง

5. มีเป้าหมายที่ชัดเจน

คนรวยมองเป้าหมายในระยะยาว พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่ใหญ่และไม่ยอมให้ปัญหาขัดขวาง เส้นทางจะยากแค่ไหน แต่พวกเขาจะทำให้มันสำเร็จ คุณเคยเห็น Jeff Bezos ก่อตั้ง Amazon ไหม? เขาต่อสู้จนกลายเป็นบริษัทที่เปลี่ยนแปลงโลกของการซื้อของออนไลน์

6. จัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีเวลาทำสิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเขาจะใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่า เหมือนกับ Elon Musk ที่ทำให้ทุกนาทีมีค่า ด้วยการทำงานหลายโปรเจ็กต์พร้อมกัน

7. ลงทุนอย่างมีสติ

คนรวยไม่ลงทุนแค่ตามกระแส พวกเขาจะเลือกลงทุนในสิ่งที่สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและมั่นคง ลองคิดถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่แม้ต้องใช้เวลา แต่เมื่อมันเติบโตมันจะนำผลกำไรมหาศาลมาให้ในระยะยาว

8. ไม่ยอมแพ้ต่อความยุ่งเหยิง

คนรวยรู้ว่าอะไรสำคัญ พวกเขาไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่นเดียวกับ Oprah Winfrey ที่เลือกที่จะไม่เสียเวลาให้กับเรื่องที่ไม่สร้างคุณค่าในชีวิตของเธอ

9. มีความมุ่งมั่นและอดทน

ความมุ่งมั่นและความอดทนคือสิ่งที่คนรวยมีอยู่ในตัว พวกเขารู้ว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ง่าย แต่ทุกการลงทุนในความพยายามนั้นคุ้มค่า เมื่อคุณอดทนและไม่ยอมแพ้ ความสำเร็จจะมาหาคุณแน่นอน

10. รับผิดชอบทุกการตัดสินใจ

คนรวยไม่เคยโยนความผิดให้คนอื่น พวกเขารับผิดชอบทุกการตัดสินใจ เพราะพวกเขารู้ว่าทุกการตัดสินใจของตัวเองคือการเรียนรู้และเติบโต ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี

หนังสือแนะนำ  วิถีสู่ความสำเร็จ

#mindset
#ความสําเร็จอยู่ที่การลงมือทํา

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

✅ แผนการทำงานไม่ใช่แค่แนบไว้ แต่ต้อง “ใช้ได้จริง”

อนุมัติแผนให้ถูก ต้องดู “จุดวิกฤต” ที่ใช้บอกเลิกสัญญา ตาม ว124 ด้วย
…เพราะแผนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ → บริหารสัญญาไม่ได้จริง
✅ แผนการทำงานไม่ใช่แค่แนบไว้ แต่ต้อง “ใช้ได้จริง”

ตาม หนังสือ ว124 ข้อ 3.3 วรรคสาม
https://www.yotathai.com/passadu/w124

แผนการทำงานถือเป็น เอกสารส่วนหนึ่งของสัญญา
ผู้รับจ้างต้องเสนอแผนภายในเวลาที่กำหนดในสัญญา
และต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าจ้างก่อนเริ่มงาน

❗ หากไม่เสนอ หรือนำเสนอแล้วใช้ควบคุมงานไม่ได้
ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตาม ข้อ 7 (ก) ของแบบสัญญา


✅ เกณฑ์ “บอกเลิกสัญญา” ตามว124 = เครื่องชี้ว่าควรอนุมัติแผนหรือไม่

หนังสือ ว124 ข้อ 2.2 กำหนดเกณฑ์พิจารณาความล่าช้าไว้ 5 ช่วง
โดยเฉพาะ ข้อ 2.2.1–2.2.5 ซึ่งเป็น “เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญา” ถ้าผู้รับจ้างทำงานล่าช้า
ดังนั้น…
ถ้าแผนที่เสนอมา ยังทำผลงานได้ไม่ถึงเกณฑ์บอกเลิก

→ ยิ่งไม่ควรอนุมัติ


⏱️ แผนต้องระบุผลงานในแต่ละช่วง ดังนี้:

✅ ช่วงที่ 1: ครึ่งหนึ่งของระยะเวลาก่อสร้าง

ว124 ข้อ 2.2.1

ถ้าล่วงเลย 50% ของเวลา แต่ผลงานสะสม < 25% → บอกเลิกได้

แนวทางพิจารณาแผน:
แผนที่เสนอมา ต้องมีผลงานสะสม “มากกว่า 25%” ณ จุดครึ่งทาง
เพื่อให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุสามารถอ้างอิงและควบคุมงานได้จริง


✅ ช่วงที่ 2: ครึ่งหนึ่งของเวลา + รายเดือน

ว124 ข้อ 2.2.2

ถ้า “ผลงานประจำเดือน” ต่ำกว่า 50% ของแผนเดือนนั้น
และผลงานสะสมรวม < 50% → บอกเลิกได้

แนวทางพิจารณาแผน:
แผนต้องแสดงผลงานรายเดือน (หรือรายสัปดาห์) ชัดเจน
เพราะถ้าไม่ระบุ → จะใช้เกณฑ์นี้ในการควบคุมงานและคิดค่าปรับไม่ได้เลย


✅ ช่วงที่ 3: ¾ ของระยะเวลาก่อสร้าง

ว124 ข้อ 2.2.3

ถ้าเลยเวลา 75% แต่ผลงานสะสมยัง < 65% → บอกเลิกได้

แนวทางพิจารณาแผน:
แผนที่ดี ต้องแสดงให้เห็นว่าภายใน ¾ ของสัญญา ผู้รับจ้างทำงานเกิน 65%
เพราะจุดนี้คือ “ช่วงวิกฤต” ที่ต้องเร่งงาน
ถ้าแผนยังวางไว้ไม่ถึง 65% → ไม่ควรอนุมัติ


✅ ช่วงที่ 4: สิ้นสุดสัญญา

ว124 ข้อ 2.2.4

ถ้าครบกำหนดสัญญาแล้วผลงานสะสม < 85% → บอกเลิกได้

แนวทางพิจารณาแผน:
แผนที่เสนอมา ต้องระบุว่าผลงานวันสุดท้าย = 100%
ห้ามวางแผนให้เสร็จแค่ 85%
เพราะแม้ทำได้ตามแผน ก็ยังเข้าข่ายถูกบอกเลิกได้


✅ ถ้าทำตามแผนแล้วยังอาจถูกบอกเลิกสัญญา → แสดงว่าแผนพังตั้งแต่ต้น

ผู้ควบคุมงาน และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
มีหน้าที่ “ตรวจสอบและกลั่นกรองแผน” เพื่อเสนอให้ผู้ว่าจ้างพิจารณา
ไม่ใช่ผู้มีอำนาจอนุมัติแผนโดยตรง

เพราะตาม สัญญาจ้างก่อสร้างข้อ 7 (ก) วรรคแรก) ระบุชัดว่า

“ผู้รับจ้างจะต้องเสนอแผนงานให้เป็นที่พอใจแก่ผู้ว่าจ้าง
โดยแสดงถึงขั้นตอนของการทำงานและกำหนดเวลาที่ต้องใช้ในการทำงานหลักต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จ”

ในทางปฏิบัติ “ผู้ว่าจ้าง” ก็คือ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติแผน

แม้อาจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการตรวจรับฯ ร่วมกลั่นกรอง
แต่ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบผลของการอนุมัติแผนในเชิงนิติกรรม คือผู้ว่าจ้างเท่านั้น

ดังนั้น หากอนุมัติแผนที่ใช้ควบคุมงานไม่ได้จริง
→ จะไม่สามารถใช้แผนนั้นในการเร่งรัด ตรวจรับ หรือบอกเลิกสัญญาได้
→ กลายเป็น “ช่องโหว่” ให้ฝ่ายผู้รับจ้างปฏิเสธความรับผิด
→ และผู้ว่าจ้างอาจเสี่ยง “ละเลยต่อหน้าที่” ในการบริหารสัญญาโดยไม่รู้ตัว


✳️ หลักการพิจารณาแผนที่ถูกต้องตามกฎหมาย และใช้ควบคุมได้จริง
 1. แผนต้องแสดงผลงาน “ครบ 100%” ภายในวันสิ้นสุดสัญญา
 2. แสดงผลงานสะสมในช่วง 50%, 75% และวันสุดท้าย
 3. แสดงผลงานรายเดือน (หรือรายสัปดาห์) เพื่อใช้เปรียบเทียบกับความคืบหน้า
 4. ผลงานในแผนต้องไม่ “ต่ำกว่าเกณฑ์การบอกเลิก” ในทุกช่วงเวลา


✅ สรุป: ถ้าแผนดี → ควบคุมสัญญาได้

ถ้าแผนพัง → บริหารงานล้มเหลวตั้งแต่วันแรก

แผนการทำงานไม่ใช่แค่เอกสารที่ดูแล้วสวย
แต่เป็นเอกสาร “เปิดทาง” หรือ “ปิดทาง” ความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย

ดังนั้น…
ฝ่ายผู้ว่าจ้างต้องตรวจแผนเหมือน “ตรวจสัญญาฉบับที่สอง”
เพราะถ้าแผนนี้ใช้ไม่ได้ → จะควบคุมสัญญาฉบับจริงไม่ได้เลย

~~~~~~~~~~
แชร์ได้ , save ไว้ศึกษาส่วนตัวได้ , ห้ามนำไปโพสซ้ำหรือใช้งานที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต สงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย
~~~~~~~~~~

✏️✏️✏️✏️✏️
อบรมกับโยธาไทย
 1. อบรมราคากลางและค่า K
https://training.yotathai.com/con-k
 2. อบรมการจัดทำราคากลาง +ว232 +ว124
https://training.yotathai.com/w452
 3. อบรมหลักการควบคุมงาน บริหารสัญญา
https://training.yotathai.com/work
 4. อบรมกฎหมายปกครองกับงานจ้างก่อสร้าง หลักการควบคุมงาน บริหารสัญญา และตรวจรับ
https://training.yotathai.com/law-work
 5. อบรม AI กับงานก่อสร้างและบริหารงานก่อสร้าง
https://training.yotathai.com/ai
 6. อบรมราคากลางงานก่อสร้างและสัญญาจ้างก่อสร้าง
https://training.yotathai.com/contract
 7. อบรม SketchUp BIM + LayOut
https://training.yotathai.com/sketchup
.......... 
อบรมออนไลน์
https://yotathai.link/online-training อบรมออนไลน์
..........
https://yotathai.link/lecturer เชิญวิทยากรบรรยาย
https://yotathai.link/office ติดต่อทีมงานโยธาไทย (Line@)
https://yotathai.link/training สมัครอบรมกับโธาไทย
https://yotathai.link/chat กลุ่มสนทนาใน Line(ฟรี)
https://yotathai.link/news รับข่าวสารผ่าน Line(ฟรี)
https://yotathai.link/club กลุ่มปรึกษาปัญหาใน FB(ฟรี)
https://yotathai.link/fb-gp กลุ่มปรึกษาปัญหาจัดจ้างก่อสร้าง ใน FB (ฟรี)
https://yotathai.link/shop ร้านค้าโยธาไทย
https://yotathai.link/premix ยางมะตอยโยธาพรีมิกซ์
https://yotathai.link/alum สารส้ม-คลอรีน
https://yotathai.link/program โปรแกรมคอมพิวเตอร์
https://yotathai.link/program-k โปรแกรมค่า k
https://yotathai.link/program-factorf โปรแกรม Factor F
https://yotathai.link/program-unitcost โปรแกรมคำนวณวัสดุมวลรวม
https://yotathai.link/program-sketchup โปรแกรม SketchUp
https://roadprice.yotathai.com โปรแกรม ROAD PRICE ประมาณราคางานทาง
https://yotathai.link/rebars เขียนเหล็กเสริมใน SketchUp
https://yotathai.link/k-cal รับคำนวณค่า K

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

18 ข้อคิดจากหนังสือ คนชนะทำแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ 😕


.
1. คุณจะเป็นคนเก่งที่สุดได้ก็ต่อเมื่อใช้เวลาลงมือทำหรือสร้าง OUTPUT 10,000 ชั่วโมง
.
2. มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที
.
3. ถ้าเรามัวแต่สะสมความรู้อย่างเดียว เราคงสร้างผลงานไม่ได้ การทำงานก็ย่อมกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ ดังนั้นควรใช้แรงกายลงมือทำให้เต็มที่ นอกจากเราจะเก่งขึ้นและสร้างผลงานได้แล้ว เราจะสนุกไปกับการทำงานด้วย
.
4. เราจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อรู้จักยืดหยุ่น ดังนั้น เราควร “ลองทำ” ดูก่อนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าลองแล้วผิดพลาดก็แค่หาความรู้มาอุดจุดที่บกพร่อง
.
5. ตราบใดที่เราไม่ยอมเดินข้ามสะพานเสียที เราไม่มีวันไปถึงฝั่งตรงข้ามได้
.
6. โอกาสใหม่ ๆ ไม่มีทางเข้าหาคนที่ไม่กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ และคิดลบกับทุกเรื่อง
.
7. ถ้าคุณถ่ายทอดความรู้ในตัวให้คนอื่นไม่ได้ นั่นคือข้อพิสูจน์ว่าคุณยังไม่เข้าใจสิ่งนั้นดีพอ
.
8. ยิ่งคุณพูดหรือเขียนเกี่ยวกับอะไร คุณก็จะยิ่งเก่งด้านนั้น
.
10. แค่เรียนรู้ไม่สู้ทำจนเคยชิน
.
11. คอนเนคชั่นจะเรียกหากันเองก็ต่อเมื่อคุณเป็นคนที่คนอื่น “อยากแนะนำ”
.
12. ถ้าคุณสนุกกับการทำงานและการเล่น ช่วงเวลาที่ตื่นอยู่จะกลายเป็นเวลาแห่งความสุขทั้งหมด
.
13. คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานส่วนใหญ่มักลงมือช้าเกินไป
.
14. คุณต้องเลิกคิดลบว่า “ไม่อยากล้มเหลว” จงคิดบวกว่า “เมื่อล้มเหลว ครั้งต่อไปจะสำเร็จ” นี่คือวิธีคิดของผู้ชนะ
.
15. “เมื่อเปลี่ยนความคิด การกระทำจะเปลี่ยน เมื่อการกระทำเปลี่ยน นิสัยจะเปลี่ยน เมื่อนิสัยเปลี่ยน ผลลัพธ์จะเปลี่ยน” – วิลเลียม เจมส์
.
16. คุณต้องคิดว่าจะใช้เงินอย่างไรให้ได้เงินเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เก็บเงินอย่างเดียว ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จคุณต้องใช้เงินเพื่อ “ลงทุน” ไม่ใช่เพื่อบริโภคอย่างเดียว
.
17. ถ้าคุณอยากได้ผลตอบแทนที่ดี คุณต้องลงทุนในตลาดที่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย
.
18. คุณควรใช้เงินสัมผัสประสบการณ์ที่เหนือกว่า เพื่อทำตัวให้คู่ควร ไม่ใช่รอจนกว่าตัวเองจะคู่ควร
.
จากหนังสือ : คนชนะทำแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ 📖
.
#อ่านเถอะวัยรุ่น #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #อยากให้อ่าน #คำคม

ชุดเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (PBL)

ชุดเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้
แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (PBL) 
=========================
.
การใช้เครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้ครูสามารถออกแบบ จัดการ และประเมินโครงงานได้ครบวงจร โดยจะแบ่งออกเป็น 10 ขั้นตอน พร้อมตัวอย่างเครื่องมือที่แนะนำในแต่ละขั้นตอน
.
1️⃣ #การสร้างแนวคิดโครงงาน (Generating Project Ideas) 

⚒ เครื่องมือ : ChatGPT, Claude, Gemini, Perplexity AI 

ใช้ AI ช่วยตั้งคำถาม คิดหัวข้อ ค้นหาแนวคิดใหม่ๆ เช่น “หัวข้อโครงงานที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมระดับประถม” หรือ “แนวคิดโครงงานวิทยาศาสตร์แบบบูรณาการ”
.
2️⃣ #การวางแผนและจัดระเบียบโครงงาน (Organizing & Planning Projects) 

⚒ เครื่องมือที่ใช้ : Obsidian, Notion, Google Drive, Miro 

วางแผนกิจกรรม จัดเก็บเอกสาร สร้าง To-Do List ทำงานร่วมกับนักเรียน เช่น ใช้ Notion วางแผนขั้นตอนโครงงานแบบเป็นบอร์ด Kanban
.
3️⃣ #การวิจัยและรวบรวมข้อมูล (Collaborative Research & Information Gathering) 

⚒ เครื่องมือ : Elicit, SciSpace, Consensus, Scite 

ค้นหางานวิจัยหรือข้อมูลสนับสนุนที่เชื่อถือได้ เช่น ให้นักเรียนใช้ SciSpace อ่านบทความวิชาการภาษาอังกฤษพร้อมสรุปภาษาเข้าใจง่าย
.
4️⃣ #การระดมสมองและสร้างแผนผังความคิด (Brainstorming & Mind Mapping) 

⚒ เครื่องมือ : NotebookLM, Miro, MindMeister, Coggle 

ให้นักเรียนระดมสมองก่อนเริ่มโครงงาน จัดกลุ่มความคิดเป็นแผนภาพ เช่น ใช้ MindMeister วาด Mind Map หัวข้อ “การอนุรักษ์พลังงาน”
.
5️⃣ #การสร้างเนื้อหาและมัลติมีเดีย (Content Creation & Multimedia Tools) 

⚒ เครื่องมือ : PiktoChart, Google Docs, Figma, Canva 

นักเรียนใช้ Canva ทำโปสเตอร์, ใช้ Google Docs เขียนรายงาน หรือใช้ Figma ออกแบบอินโฟกราฟิก
.
6️⃣ #การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน (Communication & Collaboration) 

⚒ เครื่องมือ : Microsoft Teams, Google Meet, Skype, Slack

ใช้ในการประชุมกลุ่ม ประชุมกับครู หรือสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญภายนอก เช่น นัดคุยกับนักวิทยาศาสตร์ผ่าน Google Meet
.
7️⃣ #การจัดทำเอกสารและแฟ้มสะสมงาน (Project Documentation & Digital Portfolios) 

⚒ เครื่องมือ : Google Sites, Google Docs, Weebly, Notion 

นักเรียนสร้างเว็บไซต์สรุปผลงาน เช่น ใช้ Google Sites สร้างแฟ้มสะสมงานที่รวมรูป คลิป รายงาน
.
8️⃣ #การประเมินผลและให้ข้อเสนอแนะ (Feedback and Assessment) 

⚒ เครื่องมือ : Google Forms, Google Docs, Jotform, Word 

ครูใช้ Google Forms สร้างแบบประเมิน หรือให้นักเรียนส่งงานใน Google Docs แล้วครูให้ Feedback เป็นคอมเมนต์
.
9️⃣ #การสะท้อนคิดและตระหนักรู้ในการเรียนรู้ (Reflection and Metacognition) 

⚒ เครื่องมือ : Obsidian, Google Keep, Notion, Journal app 

นักเรียนเขียนบันทึกสะท้อนคิดรายสัปดาห์ เช่น “วันนี้ฉันได้เรียนรู้อะไร มีจุดไหนที่ควรปรับปรุง”
.
1️⃣0️⃣ #การนำเสนอผลงานนักเรียน (Showcasing & Sharing Student Work) 

⚒ เครื่องมือ : Google Sites, Google Docs, YouTube, Canva 

นักเรียนเผยแพร่ผลงาน เช่น อัปโหลดคลิปการทดลองลง YouTube หรือนำเสนอผ่าน Google Sites
.
#ขอจงมีความสุข
#KhunCool
.
==================
แปลและเรียบเรียงจาก
Educators Technology

คนโกง 99% ทำแบบนี้ 😈

คนโกง 99% ทำแบบนี้ 😈
4 ขั้นตอนหลอกคนจาก
หนังสือจิตวิทยาอ่านใจคนขั้นสุด
.
อ้างอิงจากหนังสือ:จิตวิทยาอ่านใจคนขั้นสุด
(MINDREADER)

ผู้เขียน: David J.Lieberman (เดวิด เจ. ลีเบอร์แมน)
_________
.
การล่อลวงเป็นสิ่งที่อยู่กับคนเรา
มาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งในปัจจุบันก็
ยังมีอยู่และมีวิธีหรือเทคนิคใหม่ๆด้วย 
.
แต่แก่นหลักๆ ของขั้นตอนแห่งการ
ล่อลวง ยังคงเหมือนเดิมเสมอ
.
ในบทความนี้เลยจะมาชวนคุยถึง
4 ขั้นตอนสุดโหดที่ใช้ในการ
"ล่อลวงคน" 
.
จากหนังสือจิตวิทยาอ่านใจคนขั้นสุด 
ที่ถูกใช้อยู่เสมอโดยเฉพาะเหล่ามิจฉาชีพ
และนักต้มตุ๋นกันครับ
_________
.
1️⃣ เริ่มจากสร้าง"ความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง" 👮‍♂️

สิ่งแรกที่นักล่อลวงมักจะเริ่มทำ
ก็คือการสร้างความน่าเชื่อถือให้
กับตัวเอง ผ่านการอ้างอิงว่าตัวเอง
.
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นคนที่
มีอำนาจบางอย่าง
.
เพราะคนเราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่
เด็กว่าจะต้องเชื่อฟังคนที่มีอำนาจ
เหนือกว่าเสมอ
.
ที่ต่อให้โตขึ้นมาแล้วเราก็ยังเคารพ
และยำเกรงในคนที่มีอำนาจ ไปจน
ถึงคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นมีคุณสมบัติ
ที่จริงๆแล้วพวกเขาไม่มี
.
เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาบอกว่า
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเพิ่มความ
น่าเชื่อถือและโอกาสที่เราจะปฏิบัติตาม
_________
.
2️⃣ ทำให้เกิด"การสับสน" 😵

ต่อมาผู้ล่อลวงจะกระตุ้นให้เหยื่อ
เกิดการสับสน ผ่านอารมณ์กลัว 
โลภหรือตื่นเต้น 
.
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คนเราตกอยู่
ภายใต้แรงกดดันของอารมณ์ที่รุนแรงเหล่านี้
.
สมองส่วนการคิดวิเคราะห์จะถูกปิด
การทำงาน ทำให้ความสามารถใน
การคิดวิเคราะห์ลดลงจนตัดสินใจ
ผิดพลาดและตกเป็นเหยื่อ
.
เช่น พอแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่า
ตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้ว 
.
ต่อมาก็จะบอกว่าเหยื่อมีความผิด
หรือมีโอกาสได้รับทรัพย์สินบาง
อย่าง จนทำให้เหยื่อถูกอารมณ์
ตัวเองครอบงำ
_________
.
3️⃣ เสริมความ"น่าไว้ใจให้กับตัวเอง" 😏

ขั้นต่อมาผู้ล่อลวงก็จะเสริมความ
น่าไว้วางใจของตัวเองให้มากขึ้น
เพื่อทำให้เหยื่อตายใจและตัดสิน
ใจตามที่ผู้ล่อลวงต้องการ 
.
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไว้ใจ
ใครแล้ว เราก็จะทำตามคำขอ
ของอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น
.
เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะพูด
ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อออกมา
โดยทำทีว่าข้อมูลที่แจ้งไว้นั้นถูกต้อง
.
หรือไม่ ทำให้เหยื่อคิดว่าเขาคงเป็น
เจ้าหน้าที่จริงๆถึงมีข้อมูลเหล่านี้ได้
_________
.
4️⃣ จากนั้นก็ได้"เวลาปั้นเรื่อง" 😜

พอยืนยันความน่าไว้วางใจของ
ตัวเองแล้ว ผู้ล่อลวงก็จะเล่าเรื่อง
ราวและเสริมความน่าเชื่อถือของตัวเอง 
.
จากนั้นก็จะบอกถึงผลที่ตามมา หากเรา
ไม่ปฏิบัติตามที่เขาบอก โดยพวกเขา
.
จะทำให้เราโฟกัสอยู่ที่ข้อเท็จจริงหรือ
ข้อมูลที่เขาให้เท่านั้นว่า
.
ถ้าเหยื่อปฏิบัติตามพวกเขาก็จะคลี่คลาย
ปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือได้รับบางสิ่งไป
อย่างง่ายๆ 
.
เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะบอกเหยื่อว่า
ถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกดำเนิน
.
คดีหรือจะสูญเสียทรัพย์สินบางอย่างไป
และไม่ใครช่วยเหยื่อได้ นอกจากผู้ล่อลวง
.
ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ หยุดคิดสัก
หน่อย ค่อยๆคิดถึงความเป็นจริงที่อีกฝ่าย
ไม่ได้พูดด้วยและหาข้อมูลเพิ่มหน่อยนะครับ
_________
.
“เรื่องเงิน” เคยเป็นเรื่องที่ดรีม
เข้าใจยากที่สุดในชีวิตเลยครับ 😔

อ่านหนังสือมากี่เล่มก็ยังงง
ฟังคลิปมากี่รอบก็ยังไม่เข้าใจ

จนมาเรียนรู้การเงินแบบที่ใช่แค่ 4 ชั่วโมง
หัวใจกับสมองมัน "คลิก" ขึ้นมาทันที
.
จากที่เคยไม่มีเงินเก็บเลย
ดรีมมีเงินเก็บหลักแสนในไม่ถึง 6 เดือน
.
ดรีมเลยอยากส่งต่อโอกาสนี้ให้กับทุกคน
"เพราะมันเปลี่ยนชีวิตของดรีมมาแล้ว"
.
ด้วยของขวัญชิ้นเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิต
ของทุกคนได้เหมือนกัน ❤️
_________
.
เนื้อหาของคอร์สการเงินนี้มีด้วยกัน 4️⃣ พาร์ท

1️⃣ The Ultimate Goal Setting 🎯🔥
.
: ตั้งเป้าหมายชีวิตจนเจอ ความหมายในชีวิต
  ของตัวเอง เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืนและมีชีวิต
  ที่มีคุณค่าของตัวเองจริงๆ
.
2️⃣ Financial Literacy 🧠🪙
.
: สร้างพื้นฐานการเงินให้แข็งแรง เริ่มจาก
  ความรู้การเงิน ที่ทุกคนต้องมี
.
3️⃣ Retire Rich Retire Young 🗺️✈️💎
.
: วางแผนการเงินเพื่อชีวิตเป้าหมายและ
  เกษียนไปใช้ชีวิตก่อนใคร 

4️⃣ Financial Success Path 🛣️☀️

: เส้นทางสู่ความสำเร็จทางการเงิน 
  เพื่อเรียนรู้ก้าวสำคัญเพื่ออนาคตที่มั่นคงของตัวเอง
.
.
พิกัดหนังสือ: 
#หนังสือน่าอ่าน #เรื่องน่ารู้ #นิสัย #อ่านใจคน #mindreader #ปรัชญาชีวิต #จิตวิทยาอ่านใจคนขั้นสุด #จิตวิทยา #ข้อคิดดีดี #เกร็ดความรู้ #ความรู้ #ข้อคิดสอนใจ #ข้อคิดดีๆ #แรงบันดาลใจ #learn #learneveryday #เรียนรู้วันละเรื่อง

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Giver หรือ Taker ใครกันแน่ที่ประสบความสำเร็จมากกว่ากัน?


ก่อนจะตอบคำถามนี้
ผมอยากชวนมาลองมาทำความเข้าใจ
สองคาแรกเตอร์นี้ก่อนครับ

คนแรก Giver คือคนที่มีแนวโน้มจะ “ให้ก่อน”
ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือ ไอเดีย เวลา หรือโอกาส
โดยไม่หวังผลตอบแทน

คนที่สอง Taker คือคนที่มองทุกความสัมพันธ์
แบบ “จะได้อะไรจากสิ่งนี้” 
และมักจะพยายามดึงประโยชน์จากคนรอบข้างให้มากที่สุด

Adam Grant ศึกษาคนสองแบบนี้ในโลกการทำงาน
และพบว่า…

Giver ที่ฉลาดและมีขอบเขต
คือกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในระยะยาว

แต่…

นั่นคือกรณีที่ Giver
ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ล้อมรอบด้วย Giver เช่นกัน

—————-

ถ้า Giver ไปอยู่ในทีมที่เต็มไปด้วย Taker
– คำว่า “ให้” จะถูกตีความว่า “อ่อน”
– ความช่วยเหลือจะกลายเป็น “ของตาย”
– และสุดท้าย Giver คนนั้นจะเริ่มหมดไฟ…เงียบไปทีละนิด

⸻——-

ดังนั้นไม่ใช่ว่าอยากสำเร็จ ต้องเปลี่ยนจาก Giver เป็น Taker

แต่จงเปลี่ยน “วงล้อม” ของคุณ
ให้อยู่ท่ามกลางคนที่เห็นคุณค่าในความให้ของคุณ

เพราะ Giver ที่อยู่ท่ามกลาง Giver
จะไม่ถูกดูดพลัง
แต่จะถูก “เติม” พลังกลับ

“คุณอาจไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง
แต่คุณต้องเปลี่ยนคนที่คุณให้พลังไป”


ขอบคุณคลาส Xpeople by Eddu ของนพ พงศธร
ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนคอนเทนต์นี้
คลาสที่ทำให้เข้าใจว่า
ความสำเร็จ
ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ ‘เราคือใคร’
แต่ขึ้นอยู่กับว่า ‘เราอยู่กับใคร’ ต่างหาก

#xpeople
#xpeoplebyeddu
#infix

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

7 ข้อคิดจากหนังสือ “สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ”



 1. ความขี้เกียจคือความอัจฉริยะที่ปลอมตัวมา

ในโลกที่ทุกคนแข่งกันวิ่งให้เร็วที่สุด คนขี้เกียจกลับนั่งพัก แล้วคิดหาวิธีลัดที่ไม่มีใครเคยเห็น เขาคือผู้เชี่ยวชาญในการทำงานให้น้อยที่สุด แต่ได้ผลลัพธ์มากที่สุด เพราะเขาเกลียดการเสียเวลามากเกินไป นั่นแหละ คือความอัจฉริยะที่คนอื่นมองข้าม

 2. แรงจูงใจคือเชือกวิเศษที่ดึงคนขี้เกียจให้ลุกขึ้น

เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ชอบทำงาน แต่เขาก็รู้ว่าการอยู่เฉยๆ ไม่ได้พาเขาไปไหน เขาจึงผูกเชือกวิเศษไว้กับเป้าหมายที่เขาอยากได้จริงๆ เชือกนั้นคือความอยากมีชีวิตที่สบาย อยากเดินทางโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เชือกนั้นดึงเขาให้ลุกขึ้น แม้จะไม่เต็มใจในตอนแรกก็ตาม

 3. ลำดับความสำคัญไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร

ในโลกที่คนส่วนใหญ่บอกว่าต้องเริ่มจากสิ่งที่สำคัญที่สุด คนขี้เกียจกลับเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุด ทำสิ่งที่สบายใจที่สุดก่อน แล้วจึงค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป เขารู้ว่าการเริ่มจากจุดที่ง่ายที่สุด ทำให้เขาไม่รู้สึกท้อ และไม่รู้สึกว่าต้อง “ฝืนใจ” ตัวเอง

 4. กับดักเวลาไม่เคยมีอยู่จริง มีแค่คนที่เดินเข้าไปติดเอง

การเสียเวลาไม่ได้เกิดจากสิ่งรอบตัว แต่มาจากตัวเราเองที่เลือกจะเสียเวลา คนขี้เกียจรู้ดีว่าตัวเองมีแนวโน้มจะติดเกมหรือติดซีรีส์ ดังนั้น เขาจึงสร้างกับดักกลับด้าน ตั้งเวลาเตือนตัวเองให้หยุด และให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อสามารถออกจากกับดักนั้นได้

 5. หนังสือเป็นทางลัดของคนขี้เกียจ

เขารู้ว่าตัวเองไม่มีเวลา (หรือไม่อยากเสียเวลา) ไปลองผิดลองถูก เขาจึงเลือกอ่านหนังสือที่คนสำเร็จเขียนไว้ เขาเก็บเกี่ยวบทเรียนโดยไม่ต้องลงมือทำเองทุกอย่าง อ่านในตอนเช้า เพื่อให้สมองสดชื่นและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

 6. ความสุขไม่ควรมีราคา

คนขี้เกียจมีสิ่งที่เขารัก แต่เขาไม่เคยพยายามทำให้สิ่งนั้นกลายเป็นรายได้ เขาเชื่อว่าความสุขที่แท้จริงคือการทำในสิ่งที่รักโดยไม่ต้องแลกกับเงิน เพราะเมื่อไรที่เงินเข้ามาเกี่ยว ความสุขก็อาจจะเริ่มเจือจางลง

 7. เปลี่ยน “ต้องทำ” ให้เป็น “อยากทำ”

เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องถูกบังคับ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ แทนที่จะคิดว่า “ต้องทำงาน” เขาบอกตัวเองว่า “อยากทำงานนี้เพื่อให้ได้ชีวิตที่อิสระ” ความคิดนี้เปลี่ยนงานที่น่าเบื่อให้กลายเป็นก้าวสำคัญสู่ความฝัน เขาจึงทำมันด้วยความเต็มใจ

เลี้ยงลูกให้แกร่ง… อย่างนกอินทรี

🦅 เลี้ยงลูกให้แกร่ง… อย่างนกอินทรี ✨ นกอินทรีเป็นพ่อแม่ที่สอนลูกให้ "แกร่ง" และ "เอาตัวรอด" ได้ตั้งแต่เกิด 🦅 พวกมันไม่...