Aristotle บุรุษผู้วางรากฐานให้กับความคิดและวิทยาการของมนุษยชาติในเกือบทุกแขนง ด้วยการตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบอย่างไม่หยุดยั้ง ตั้งแต่ปรากฏการณ์ในธรรมชาติไปจนถึงความหมายอันลึกซึ้งของชีวิต
.
เกิดในปี 384 ก่อนคริสตกาล ที่เมือง Stagira ในกรีกโบราณ Aristotle ได้รับการศึกษาจาก Plato และต่อมาได้เป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช Aristotle ได้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นต้นแบบให้กับศาสตร์นานาแขนง ตั้งแต่ตรรกศาสตร์และปรัชญา ไปจนถึงชีววิทยาและการเมือง
.
ในฐานะผู้ก่อตั้งสำนัก Lyceum เขาได้สร้างสถาบันการศึกษา ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ที่เป็นต้นแบบให้กับสถาบันการศึกษาในยุคต่อมา งานเขียนและการสอนของเขาวางรากฐานให้กับวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์และการใช้เหตุผลอย่างเป็นระบบ ซึ่งยังคงมีอิทธิพลต่อโลกปัจจุบัน
.
กว่า 2,300 ปีผ่านไป อิทธิพลของ Aristotle ยังคงปรากฏชัดในวงวิชาการทั่วโลก ชาวมุสลิมยกย่องเขาว่าเป็น "The First Teacher" นักปราชญ์คริสต์เรียกเขาว่า "The Philosopher" และกวี Dante ขนานนามเขาว่า "the master of those who know" หรือ "ปรมาจารย์แห่งผู้รู้ทั้งปวง"
.
แม้งานเขียนส่วนใหญ่ของ Aristotle จะสูญหายไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบันก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความลุ่มลึกในการวิเคราะห์ธรรมชาติของมนุษย์และจักรวาล เขาได้วางรากฐานการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ ผ่านการสังเกต ทดลอง และใช้เหตุผลวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน จนกลายเป็นต้นแบบของระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ในเวลาต่อมา
.
ต่อไปนี้คือ 40 คำคมอันทรงพลังของ Aristotle ปราชญ์ผู้ไม่เคยหยุดแสวงหาความรู้ ผู้ซึ่งงานของเขาได้กลายเป็นแสงสว่างนำทางให้ผู้แสวงหาปัญญามาทุกยุคทุกสมัย
.
.
1. "Knowing yourself is the beginning of all wisdom."
การรู้จักตัวเองคือจุดเริ่มต้นของปัญญาทั้งปวง
.
.
2. "Every virtue is a mean between two extremes, each of which is a vice."
คุณธรรมทุกข้อคือจุดกึ่งกลางระหว่างความสุดโต่งสองด้าน ซึ่งแต่ละด้านคือความชั่ว
.
.
3. "Through discipline comes freedom."
อิสรภาพมาจากวินัย
.
.
4. "The roots of education are bitter, but the fruit is sweet."
รากของการศึกษานั้นขมขื่น แต่ผลของมันหวานล้ำ
.
.
5. "Fate of empires depends on the education of youth."
ชะตากรรมของจักรวรรดิขึ้นอยู่กับการศึกษาของเยาวชน
.
.
6. "No great mind has ever existed without a touch of madness."
ไม่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ใดที่ปราศจากความบ้าคลั่งเล็กๆ
.
.
7. "Pleasure in the job puts perfection in the work."
ความสุขในงานนำมาซึ่งความสมบูรณ์แบบของผลงาน
.
.
8. "To avoid criticism say nothing, do nothing, be nothing."
หากต้องการหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ ก็จงอย่าพูดอะไร อย่าทำอะไร และอย่าเป็นอะไรเลย
.
.
9. "It is during our darkest moments that we must focus to see the light."
ในยามมืดมิดที่สุดนั่นแหละ ที่เราต้องมุ่งมั่นมองหาแสงสว่าง
.
.
10. "He who has overcome his fears will truly be free."
ผู้ที่เอาชนะความกลัวได้ จึงจะพบอิสรภาพที่แท้จริง
.
.
11. "Wicked men obey from fear; good men, from love."
คนชั่วเชื่อฟังเพราะความกลัว คนดีเชื่อฟังเพราะความรัก
.
.
12. "I count him braver who overcomes his desires than him who conquers his enemies."
ผู้ที่เอาชนะกิเลสตัณหาได้ ย่อมกล้าหาญยิ่งกว่าผู้ที่เอาชนะศัตรู
.
.
13. "Courage is the first of human qualities because it is the quality which guarantees the others."
ความกล้าหาญคือคุณสมบัติแรกของมนุษย์ เพราะมันคือคุณสมบัติที่ค้ำประกันคุณสมบัติอื่นๆ ทั้งหมด
.
.
14. "The high-minded man does not bear grudges, for it is not the mark of a great soul to remember injuries, but to forget them."
ผู้มีจิตใจสูงส่งไม่จดจำความแค้น เพราะการจดจำความบาดเจ็บไม่ใช่เครื่องหมายของจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ แต่การลืมมันต่างหากที่เป็น
.
.
15. "Happiness is the meaning and the purpose of life, the whole aim and end of human existence."
ความสุขคือความหมายและจุดมุ่งหมายของชีวิต เป็นเป้าหมายและจุดจบแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์
.
.
16. "He who sees things grow from the beginning will have the best view of them."
ผู้ที่เห็นสิ่งต่างๆ เติบโตตั้งแต่เริ่มต้นจะมีมุมมองที่ดีที่สุดต่อสิ่งนั้น
.
.
17. "The antidote for fifty enemies is one friend."
ยาถอนพิษสำหรับศัตรูห้าสิบคน คือมิตรแท้หนึ่งคน
.
.
18. "Educating the mind without educating the heart is no education at all."
การศึกษาที่ให้แต่สมอง โดยไม่ให้หัวใจ มิใช่การศึกษาที่แท้จริง
.
.
19. "It is the mark of an educated mind to be able to entertain a thought without accepting it."
เครื่องหมายของผู้มีการศึกษาคือความสามารถในการพิจารณาความคิด โดยไม่จำเป็นต้องยอมรับมัน
.
.
20. "It is our choice of good or evil that determines our character, not our opinion about good or evil."
สิ่งที่กำหนดอุปนิสัยของเราคือการเลือกระหว่างความดีหรือความชั่ว ไม่ใช่ความคิดเห็นของเราเกี่ยวกับความดีหรือความชั่ว
.
.
21. "He who is to be a good ruler must have first been ruled."
ผู้ที่จะเป็นผู้ปกครองที่ดีได้ ต้องเคยผ่านการถูกปกครองมาก่อน
.
.
22. "The aim of art is to represent not the outward appearance of things, but their inward significance."
จุดมุ่งหมายของศิลปะไม่ใช่การถ่ายทอดรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการแสดงความหมายภายใน
.
.
23. "Those who know, do. Those that understand, teach."
ผู้ที่รู้ ย่อมทำ ผู้ที่เข้าใจ ย่อมสอน
.
.
24. "He is courageous who endures and fears the right thing, for the right motive, in the right way and at the right times."
ผู้กล้าหาญคือผู้ที่อดทนและกลัวในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง ในวิธีที่ถูกต้อง และในเวลาที่ถูกต้อง
.
.
25. "The high-minded man must care more for the truth than for what people think."
ผู้มีจิตใจสูงส่งต้องใส่ใจความจริงมากกว่าความคิดของผู้คน
.
.
26. "Man is by nature a political animal."
มนุษย์เป็นสัตว์การเมืองโดยธรรมชาติ
.
.
27. "The energy of the mind is the essence of life."
พลังงานแห่งจิตใจคือแก่นแท้ของชีวิต
.
.
28. "The law is reason free from passion."
กฎหมายคือเหตุผลที่ปราศจากอารมณ์
.
.
29. "The one exclusive sign of thorough knowledge is the power of teaching."
เครื่องหมายเดียวที่แสดงถึงความรู้อันลึกซึ้งคือความสามารถในการสอน
.
.
30. "Greatness of spirit is accompanied by simplicity and sincerity."
ความยิ่งใหญ่แห่งจิตวิญญาณมาพร้อมกับความเรียบง่ายและจริงใจ
.
.
31. "All human actions have one or more of these seven causes: chance, nature, compulsion, habit, reason, passion, and desire."
การกระทำทั้งปวงของมนุษย์มีสาเหตุหนึ่งหรือมากกว่าจากเจ็ดสิ่งนี้: โอกาส ธรรมชาติ การบีบบังคับ นิสัย เหตุผล ความหลงใหล และความปรารถนา
.
.
32. "Wit is educated insolence."
ไหวพริบคือความหยิ่งผยองที่ผ่านการศึกษาขัดเกลา
.
.
33. "There is a foolish corner in the brain of the wisest man."
มีมุมโง่เขลาอยู่ในสมองของคนฉลาดที่สุด
.
.
34. "It is not always the same thing to be a good man and a good citizen."
การเป็นคนดีกับการเป็นพลเมืองดีไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป
.
.
35. "Dignity does not consist in possessing honors, but in the consciousness that we deserve them."
ศักดิ์ศรีไม่ได้อยู่ที่การครอบครองเกียรติยศ แต่อยู่ที่จิตสำนึกว่าเราสมควรได้รับมัน
.
.
36. "A person's life persuades better than his word."
การใช้ชีวิตของคนโน้มน้าวได้ดีกว่าคำพูดของเขา
.
.
37. "Saying the words that come from knowledge is no sign of having it."
การพูดถ้อยคำที่มาจากความรู้ไม่ใช่เครื่องหมายว่ามีความรู้นั้น
.
.
38. "The hardest victory is the victory over self."
ชัยชนะที่ยากที่สุดคือชัยชนะเหนือตนเอง
.
.
39. "Think as the wise men think, but talk like the simple people do."
คิดอย่างปราชญ์ แต่พูดอย่างสามัญชน
.
.
40. "Learning is an ornament in prosperity, a refuge in adversity, and a provision in old age."
การเรียนรู้คือเครื่องประดับในยามรุ่งเรือง เป็นที่พักพิงในยามทุกข์ยาก และเป็นเสบียงในยามชรา
.
.
===============================
.
[ หลักคิดและปรัชญาของ Aristotle รากฐานแห่งปัญญาที่ยั่งยืนมากว่าสองพันปี ]
.
เมื่อพูดถึงรากฐานความคิดที่ทรงอิทธิพลต่อโลกตะวันตก ไม่มีใครจะยิ่งใหญ่ไปกว่า Aristotle นักปราชญ์ผู้วางรากฐานให้กับเกือบทุกแขนงวิชาที่เรารู้จักในปัจจุบัน จากตรรกศาสตร์สู่ชีววิทยา จากจริยธรรมสู่การเมือง ทุกศาสตร์ล้วนมีร่องรอยของความคิดของเขาแฝงอยู่
.
1.
หัวใจของปรัชญา Aristotle อยู่ที่การมองโลกอย่างเป็นระบบและมีเหตุผล เขาเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกล้วนมีจุดมุ่งหมาย (Telos) เป็นตัวกำหนดการเปลี่ยนแปลง เหมือนเมล็ดพืชที่มีศักยภาพ (Potentiality) จะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ และจะแสดงศักยภาพนั้นออกมา (Actuality) เมื่อได้รับปัจจัยที่เหมาะสม หลักคิดนี้ไม่เพียงใช้อธิบายธรรมชาติ แต่ยังครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมมนุษย์และสังคม
.
2.
ในการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ Aristotle เสนอว่าเราต้องพิจารณาสาเหตุ 4 ประการ ได้แก่ วัตถุดิบที่ประกอบขึ้น (Material Cause) รูปแบบหรือแบบแผน (Formal Cause) แรงหรือการกระทำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Efficient Cause) และจุดมุ่งหมายสุดท้าย (Final Cause) เช่น โต๊ะตัวหนึ่งเกิดจากไม้ (วัตถุดิบ) ถูกสร้างตามแบบ (รูปแบบ) โดยช่างไม้ (แรง) เพื่อใช้วางสิ่งของ (จุดมุ่งหมาย)
.
3.
ด้านจิตวิทยา Aristotle แบ่งจิตวิญญาณเป็นสามระดับ ระดับแรกคือจิตวิญญาณแบบพืช ที่ทำให้เติบโตและดำรงอยู่ได้ ระดับที่สองคือแบบสัตว์ ที่ทำให้รับรู้และเคลื่อนไหวได้ และระดับที่สามคือแบบมนุษย์ ที่ทำให้คิดและใช้เหตุผลได้ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่มีจิตวิญญาณครบทั้งสามระดับ ทำให้เราสามารถใช้เหตุผลเพื่อควบคุมความต้องการของร่างกายและจิตใจได้
.
4.
ในด้านจริยธรรม Aristotle เสนอทฤษฎีทางสายกลาง มองว่าคุณธรรมคือจุดกึ่งกลางระหว่างความสุดโต่งสองด้าน เช่น ความกล้าหาญคือจุดกึ่งกลางระหว่างความขลาดกลัวและความบ้าบิ่น ความมีน้ำใจคือจุดกึ่งกลางระหว่างความตระหนี่และความฟุ่มเฟือย คุณธรรมเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ต้องฝึกฝนผ่านการกระทำซ้ำๆ จนเป็นนิสัย
.
5.
ด้านการเมือง เขามองว่ามนุษย์เป็นสัตว์การเมืองโดยธรรมชาติ ที่จะพบความสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสังคมการเมืองที่ดี รัฐที่ดีต้องส่งเสริมให้พลเมืองมีคุณธรรมและมีชีวิตที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่อยู่รอดหรือร่ำรวย ท่านวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของระบอบการปกครองต่างๆ และเสนอว่าระบอบที่ดีที่สุดคือการผสมผสานระหว่างประชาธิปไตยและคณาธิปไตย
.
6.
แม้ในด้านศิลปะ Aristotle ก็มองอย่างเป็นระบบ เขาอธิบายว่าศิลปะคือการเลียนแบบ (Mimesis) ธรรมชาติ แต่ไม่ใช่การลอกเลียนอย่างตรงไปตรงมา แต่เป็นการจับเอาแก่นแท้มาถ่ายทอดใหม่ โศกนาฏกรรม (Tragedy) ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องเศร้า แต่ต้องแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่และความบกพร่องของมนุษย์ ผ่านตัวละครที่มีคุณธรรมแต่มีข้อบกพร่องบางประการที่นำไปสู่จุดจบอันน่าเศร้า
.
7.
โดยสรุปแล้ว หลักคิดของ Aristotle ทรงพลังเพราะมันเป็นการมองโลกอย่างเป็นระบบ แต่ไม่สุดโต่ง มองเห็นความเป็นจริงในธรรมชาติ แต่ไม่ละเลยอุดมคติ ให้ความสำคัญกับเหตุผล แต่ไม่ลืมเรื่องคุณธรรม และมีอีกหลายแนวคิดที่ล้ำเกินกว่ายุคสมัยไปมาก
.
.
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ Aristotle ยังคงเป็น "The Philosopher" และ "The master of those who know" มาได้กว่าสองพันปี และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปอีกนาน
.
.
.
.
#SuccessStrategies #Quotes #Mindset #Inspiration #Wisdom
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น