คิดว่า AI เป็นแค่ของเล่น ไม่ได้ช่วยงานจริง
ซึ่งจริงๆแล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัว AI
แต่อยู่ที่ "วิธีสั่งงาน" ของเราต่างหาก
.
ผมเจอมาเยอะมากที่คนสั่ง Gemini แบบ
"ช่วยเขียนบทความให้หน่อย"
หรือ "ช่วยทำคอนเทนต์หน่อย"
.
แล้วก็ได้ผลลัพธ์แบบทั่วๆไป ไม่ตรงความต้องการ
สุดท้ายก็บ่นว่า AI ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
.
วันนี้ผมจะสอนเทคนิคง่ายๆ 6 ข้อ
ที่จะเปลี่ยนการใช้ Gemini ของคุณ
จากผู้ช่วยห่วยๆ เป็นผู้ช่วยระดับมืออาชีพ
.
ลุยกันครับ 🔥
1.แทนที่จะถามแบบคร่าวๆ
ให้ระบุเป้าหมายแบบชัดเจน
.
หลายคนชอบสั่ง Gemini แบบ
"เขียนบทความให้หน่อย" หรือ "ช่วยทำโฆษณาหน่อย"
.
ซึ่งแบบนี้ AI จะงงว่าคุณอยากได้อะไรกันแน่
เหมือนคุณไปร้านอาหาร แล้วบอกแม่ค้าว่า
"ขอข้าวหน่อย" โดยไม่บอกว่าจะกินข้าวอะไร
.
วิธีที่ถูกต้องคือ "เจาะจงให้ชัดเจน"
.
ตัวอย่างที่ผิด
"เขียนบทความให้หน่อย"
.
ตัวอย่างที่ถูก
"ช่วยเขียนบทความความยาว 300 คำ
เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองสำหรับวัยรุ่น
โดยมีหัวข้อย่อย 3 หัวข้อ"
.
เห็นมั้ยครับว่าต่างกันมาก
เมื่อคุณสั่งแบบนี้ คุณจะได้
.
บทความที่มีความยาวตรงตามที่ต้องการ
เนื้อหาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
โครงสร้างที่ชัดเจน พร้อมใช้ได้เลย
2.อย่าลืมบอกบริบทหรือความคาดหวัง
.
เรื่องนี้สำคัญมากๆ แต่หลายคนมองข้าม
.
AI ไม่ได้รู้ว่าคุณอยากให้เขียนให้ใครอ่าน
หรือใช้โทนเสียงแบบไหน
ถ้าไม่บอก เขาก็จะเขียนแบบทั่วๆไป
.
ตัวอย่างการบอกบริบท
"ช่วยอธิบายการใช้ Facebook Ads
ให้คนไม่มีพื้นฐานเข้าใจ
ใช้ภาษาง่ายๆ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ"
.
หรือ
"เขียนโพสต์ขายสินค้าแบบไม่เป็นทางการ
ใช้คำพูดแบบเพื่อนกับเพื่อน
เป็นกันเองแต่น่าเชื่อถือ"
ถ้าเป็นถามหลายเรื่อง ให้แบ่งเป็นคำถามเล็กๆ
.
ผิดพลาดใหญ่ที่เห็นบ่อยคือ
คนชอบถามหลายเรื่องในทีเดียว
แล้วหวังจะได้คำตอบครบเลยทันที
.
เช่น "ช่วยสอนการทำธุรกิจออนไลน์ทั้งหมด"
หรือ "ช่วยสอนการยิงแอดตั้งแต่เริ่มต้นจนแอดว๊านซ์"
.
แบบนี้ AI จะให้คำตอบผิวเผิน
เพราะข้อมูลยาวเกินไป
.
วิธีที่ดีกว่าคือ "แบ่งเป็นขั้นตอน"
.
แทนที่จะถามว่า "สอนการทำธุรกิจออนไลน์"
ให้ถามไล่เป็นขั้นตอน
.
1. "ช่วยวิเคราะห์ว่าควรเลือกสินค้าอะไรขาย"
2. "ช่วยสอนการหาแหล่งของ"
3. "ช่วยสอนการตั้งราคาสินค้า"
4. "ช่วยสอนการทำการตลาด"
[5] 4.ระบุรูปแบบคำตอบที่ต้องการ
.
หลายคนได้คำตอบจาก Gemini มาแล้ว
แต่เอาไปใช้ยาก เพราะรูปแบบไม่เหมาะ
.
เช่น ต้องการทำโพสต์
แต่ได้คำตอบมาเป็นย่อหน้ายาวๆ
หรือต้องการทำสไลด์ แต่ได้มาเป็นข้อความต่อเนื่อง
.
วิธีแก้คือ "บอกรูปแบบที่ต้องการ"
.
ตัวอย่าง
"ช่วยสรุปวิธีการยิงแอด Facebook เป็น bullet points"
.
"ช่วยทำตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการขายใน Shopee vs Lazada"
.
"ช่วยเขียนสั้นๆ ไม่เกิน 100 คำ เอาไปทำโพสต์ Facebook"
5.ถ้าไม่ชอบคำตอบ ให้บอกตรงๆ
.
หลายคนคิดว่าต้องรับคำตอบแรกที่ AI ให้มา
หรือถ้าไม่ชอบก็ต้องถามใหม่ทั้งหมด
.
จริงๆแล้วไม่ต้องครับ
คุณสามารถ "สั่งให้แก้ไข" ได้เลย
.
ตัวอย่าง
"ขอสั้นกว่านี้หน่อย"
"ช่วยใช้คำง่ายกว่านี้ คนไม่มีพื้นฐานจะได้เข้าใจ"
"ช่วยเพิ่มตัวอย่างประกอบด้วย"
"เขียนแบบเป็นกันเองกว่านี้หน่อย"
.
หรือบอกเหตุผลที่ไม่ชอบ
"คำตอบนี้เป็นทางการเกินไป อยากได้แบบสบายๆ"
"ยาวเกินไป อยากได้แบบอ่านง่ายๆ"
.
วิธีนี้จะทำให้คุณ
ได้คำตอบที่ตรงใจมากขึ้น
ไม่ต้องเสียเวลาถามใหม่ทั้งหมด
ฝึกให้ AI เข้าใจสไตล์ที่คุณชอบ
6.ใช้คำว่า "ลองใหม่" หรือ "ช่วยปรับปรุง"
.
เทคนิคสุดท้ายที่ทรงพลังมาก
คือการใช้ Gemini แบบ "ทำงานร่วมกัน"
.
แทนที่จะรับคำตอบแรกไปใช้เลย
ให้ลอง "สั่งให้ปรับปรุง" ดู
.
ตัวอย่าง
"ช่วยเขียนใหม่ให้น่าสนใจขึ้น"
"ช่วยแก้ให้เป็นภาษาที่วัยรุ่นชอบ"
"ช่วยให้มีลักษณะคล้ายโพสต์นี้ (แนบตัวอย่าง)"
"เพิ่มอารมณ์ขันเข้าไปหน่อย"
.
หรือขอให้ลองแนวทางใหม่
"ลองเขียนในมุมมองที่ต่างออกไป"
"ลองใช้วิธีเล่าเรื่องแบบอื่น"
.
ประโยชน์ของการทำแบบนี้
ช่วยให้ AI เรียนรู้สไตล์ที่คุณชอบ
ทำให้รอบต่อๆ ไปได้คำตอบที่ตรงใจเร็วขึ้น
ได้คำตอบหลากหลายมุมมอง เลือกใช้ได้
[8] จริงๆแล้วการใช้ AI ให้เป็นประโยชน์
ไม่ได้ยากอะไรเลย
.
แค่เปลี่ยนวิธีสั่งงานจากแบบ "คร่าวๆ"
เป็นแบบ "เจาะจงชัดเจน"
.
คิดให้ AI เป็นเหมือน "พนักงานใหม่ที่เก่งมาก"
.
ถ้าคุณสั่งงานไม่ชัด เขาก็ทำงานไม่ตรงใจ
แต่ถ้าคุณสั่งงานเป็นขั้นตอน ชัดเจน
เขาจะทำงานได้เก่งกว่าพนักงานปกติหลายเท่า
.
ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดูครับ
รับรองว่าประสิทธิภาพการทำงานของคุณ
จะดีขึ้นแน่นอนครับ
.
ขอบคุณครับ 🙏🏻
ที่มา
#หัวหน้าแบงค์fullfunnel
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น