วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568

#อาการของเด็กที่ใช้หน้าจอเยอะเกินไป

พ่อโต้งขอเล่า #อาการของเด็กที่ใช้หน้าจอเยอะเกินไป จนไม่มีสมาธิและทำสิ่งที่น่าเบื่อนานๆ ไม่ได้ พร้อมกับคำอธิบายแบบเข้าใจง่าย ช้าๆ ชัดๆ นะครับ
อาการที่ 1️⃣ สมาธิสั้น อยู่กับอะไรนานๆ ไม่ได้

▪️ฟังครูแค่ 5–10 นาทีก็เริ่มหันไปมองรอบตัว ในวัยที่ควรนิ่งได้แล้ว
▪️อ่านหนังสือยังไม่ถึงหน้าแรกก็ลุกไปหาอย่างอื่นทำ
▪️เปลี่ยนกิจกรรมบ่อย ทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง

 🧠 เพราะสมองคุ้นกับการเปลี่ยนสิ่งเร้าเร็วๆ จากหน้าจอ

อาการที่ 2️⃣ ไม่มีความอดทน  เบื่อง่าย หงุดหงิดง่าย

▪️เจอบทเรียนยากๆ หรือช้าๆ จะบ่นว่า "น่าเบื่อ"
▪️ถ้าไม่ได้ดูหน้าจอ จะหงุดหงิดหรืองอแง
▪️ไม่อยากรอ ไม่อยากทำซ้ำ ไม่อยากเริ่มใหม่

 ❗ เพราะโดพามีนจากหน้าจอทำให้เด็กคาดหวัง “ความสนุก” ตลอดเวลา

อาการที่ 3️⃣ อ่านหนังสือไม่เข้าใจ  แค่มองผ่าน แต่ไม่ซึมซับ  ไม่เข้าหัว

▪️อ่านไปเหมือนดูผ่านๆ ไม่รู้ว่าเนื้อหาคืออะไร
▪️ไม่สามารถจำหรืออธิบายสิ่งที่อ่านได้
▪️ข้ามบรรทัดหรือรีบอ่านให้จบโดยไม่เข้าใจ

📱 เพราะสมองเคยชินกับภาพเคลื่อนไหวและเสียง ไม่ชินกับตัวหนังสือเรียบๆ เงียบๆ

อาการที่ 4️⃣ ใจลอย ตัวอยู่ตรงนี้แต่ใจไปที่อื่น

▪️เวลานั่งเรียนเหมือนร่างกายอยู่แต่ใจไม่อยู่
▪️คิดถึงเกม มือถือ หรือยูทูบอยู่ตลอดเวลา
▪️ชอบวาดรูป เขียนเล่น หรือกดปากกาไปมา

😶 เพราะสมองไม่สามารถโฟกัสสิ่งที่ไม่มีการกระตุ้นสูงได้

อาการที่ 5️⃣ ร่างกายอยู่นิ่งไม่ได้จะกระสับกระส่าย

▪️นั่งไม่ติดที่ ขยับตลอดเวลา
▪️ลุก เดิน ยืดตัว หมุนเก้าอี้ ทั้งที่เรียนอยู่
▪️บางครั้งมีพฤติกรรมเหมือน ADHD (แม้จะไม่ได้เป็นจริงๆ)

🚨 เกิดจากการเสพสิ่งกระตุ้นตลอดเวลา ทำให้ร่างกายต้องเคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้เบื่อ

อาการที่ 6️⃣ พูดเร็ว คิดไว แต่คิดวิเคราะห์ไม่เป็น

▪️เด็กบางคนจะพูดเก่ง ตอบไว
▪️แต่ถ้าให้วิเคราะห์ คิดต่อยอด หรืออธิบายเหตุผล จะทำไม่ได้
▪️ขาดความสามารถในการคิดเชื่อมโยง เพราะเคยชินกับข้อมูลสั้นๆ เร็วๆ

💡 สะท้อนว่าการใช้หน้าจอแบบสั้นๆ เช่น คลิปสั้น ทำลายการคิดแบบลึกซึ้ง

อาการที่ 7️⃣  นอนหลับยาก เหนื่อยง่าย อารมณ์ไม่คงที่

▪️สมองตื่นตัวเกินไปเพราะโดนแสงฟ้าและภาพกระตุ้น
▪️ส่งผลให้นอนหลับยาก พอหลับไม่เต็มอิ่ม
▪️ทำให้เด็กง่วงตอนกลางวัน หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน

😴 ร่างกายไม่ได้พักจริงๆ เพราะสมองทำงานตลอดเวลา

เมื่อเราทราบอาการแล้ว ต่อไปพ่อโต้งจะอธิบายช้าๆ ชัดๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายๆว่า… #ทำไมเด็กที่ใช้หน้าจอเยอะๆ ถึงไม่มีสมาธิในการเรียนหรืออ่านหนังสือนานๆ 

🔴 เพราะสมองของเด็กถูกกระตุ้นมากเกินไป

หน้าจอ เช่น มือถือ แท็บเล็ต หรือเกมออนไลน์
จะเปลี่ยนภาพ เสียง และข้อมูล "เร็วมาก"
ทำให้สมองคุ้นเคยกับ "สิ่งเร้าที่เร็วและตื่นเต้น"

เมื่อถึงเวลาที่ต้อง อ่านหนังสือ หรือฟังครูพูด
สิ่งเหล่านั้นดู “ช้า” และ “น่าเบื่อ” สำหรับสมอง
เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนเร็วๆ หรือสนุกเหมือนหน้าจอ

 ❗ เปรียบเทียบง่ายๆ นะครับ 
ถ้ากินอาหารเผ็ดจัดตลอดเวลา พอมากินรสจืดก็จะรู้สึกว่า "ไม่อร่อย"
สมองก็เช่นกัน ถ้าชินกับสิ่งเร้าเร็วๆ จะทนสิ่งที่ช้าหรือเงียบไม่ได้

🔵 เพราะระบบสมาธิในสมองแย่ลงหรือเด็กบางคนถึงขั้นพัง 

การใช้งานหน้าจอมากเกินไป (โดยเฉพาะสื่อที่เปลี่ยนเร็วๆ เช่น TikTok หรือ YouTube Shorts)
จะทำให้ "วงจรสมาธิ" ในสมองอ่อนแอ

สมาธิ คือ ความสามารถในการ "โฟกัสกับสิ่งเดิม" นานๆ แต่หน้าจอสอนสมองให้ "เปลี่ยนสิ่งที่ดู" ตลอดเวลา  พอมาอ่านหนังสือหรือเรียนในห้อง สมองจึง "ทนไม่ได้"

 🔄 หน้าจอ = เปลี่ยนไปเรื่อยๆ → สมองชอบเปลี่ยน
📘 การเรียน = อยู่กับสิ่งเดิม → สมองเบื่อ

🟣 เพราะฮอร์โมนโดพามีน ที่เป็นสารเคมีที่หลั่งออกมาจากสมองเวลาที่เรา รู้สึกดี, สนุก, ตื่นเต้น, หรือ ได้รางวัล ......  มันหลั่งมากเกินไป 

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ

😆เวลาเด็กเล่นเกมแล้วชนะ → สมองหลั่งโดพามีน → "รู้สึกฟิน"

😁เวลาได้ไลก์จากโพสต์ → โดพามีนหลั่ง → "รู้สึกภูมิใจ"

😃เวลาเปิดคลิป TikTok ใหม่ → โดพามีนหลั่งทันที → "อยากดูอีก"

 💥 โดพามีน = ฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกว่า “เอาอีก!”

แต่เมื่อไปทำอะไรที่ไม่มีรางวัลทันที เช่น อ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน
สมองจะรู้สึกว่า “ไม่สนุก” “ไม่มีแรงจูงใจ”
เพราะมันไม่ได้รางวัลเร็วแบบที่เคยได้จากหน้าจอ

⚫️ เพราะหน้าจอลดทักษะการอดทนต่อความเบื่อ (Boredom Tolerance)

เด็กที่ใช้หน้าจอบ่อย จะไม่เคยฝึก "การอดทนต่อความเบื่อ" แต่การเรียน การอ่าน หรือการทำงานในชีวิตจริง ล้วนต้องใช้ความอดทน และมีช่วงที่ "น่าเบื่อ"

ถ้าเด็กไม่เคยฝึกสิ่งนี้ เขาจะลุกหนี หยุด หรือขอเปลี่ยนกิจกรรมทันที ทำให้ ขาดความอดทน และ ทำอะไรต่อเนื่องไม่ได้

✅️ ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว  ถ้าเราอยากให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น ถอนพิษโดพามีนของหน้าจอจากสมองลูก ควรทำอย่างไร?

#จำกัดเวลาใช้หน้าจอ เช่น ไม่เกินวันละ 1–2 ชั่วโมง

#ให้เด็กมีเวลาว่างจริงๆโดยไม่ต้องดูจอ เช่น เล่นของเล่น อ่านหนังสือ วิ่งเล่น

#ฝึกให้ทำสิ่งเดิมนานๆทีละนิด เช่น อ่าน 5 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่ม

#ใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบไม่มีหน้าจอ เช่น เล่นกระดาน อ่านนิทาน ทำอาหารด้วยกัน

และ #สร้างความสุขจากกระบวนการ  ค่อยๆสร้าง ค่อยๆทำ รอความสำเร็จ ไม่ใช่จาก “รางวัลทันที" นะครับ 😊

#ดีต่อลูก #หน้าจอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปลี่ยนบทความให้เป็นพอดแคสต์ ด้วย AI ฟรี! Google AI

ใครอยากเริ่มต้นทำพอดแคสต์แต่ไม่มีไมค์ ไม่มีสตูดิโอ หรือไม่อยากอัดเสียงเอง? วันนี้คุณสามารถเปลี่ยนบทความหรือข้อความของคุณให้กลายเ...